บทที่ 12 ยุคใหม่มาถึงอย่างเงียบเชียบ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

‘ตอนนี้ถึงเวลาสำคัญแล้ว แต่ว่านั่นมันอะไรกัน ไอ้เจ้าบ้านี่มาจากไหน ตัวคนเดียวแต่ใช้แค่ดาบปลายปืนก็สังหารได้ถึงเจ็ดคน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้บัญชาการของอีกฝั่งหนึ่งด้วย’ ฟางหนิงช่วยระบบทำงานใหญ่สำเร็จแล้วก็กลับมาเล่นเกม เขามาถึงอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบอย่างมีความสุข และสลับกลับไปเล่นเกมออนไลน์ที่เขาเล่นเมื่อครู่ พอมองเห็นชัยชนะเกมนี้ก็รู้สึกพึงพอใจมากๆ

เขาเปิดรายงานการต่อสู้ ตั้งใจที่จะดูกระบวนท่าของเทพเจ้าแห่งดาบปลายปืนให้ละเอียด เมื่อเห็นว่าชื่อเทพผู้ยิ่งใหญ่คือ ‘Long Live Ulala’ ก็เปิดกล่องสนทนากับอีกฝ่ายทันที ผ่านไปสักพักฟางหนิงก็ถูกเทพดึงไปเล่นเกมต่อสู้ด้วยอีกเกมหนึ่ง จิตใจหวาดกลัวเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง แต่ระบบยังกังวลอยู่ ตัวมันก็เป็นแค่กุนซือที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น

“เดี๋ยวก่อนสิท่านเทพ รับมือคนเดียวก่อน ไม่ต้องกลัว สู้ต่อไป ข้าปวดฉี่ เดี๋ยวกลับมา!” ฟางหนิงเล่นต่อไปไม่นานก็รีบออกจากเกมใหม่และตัวเลือกของระบบก็ปรากฏขึ้นอีกรอบ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเล่นเกมต่อไป

ในเวลานี้ร่างกายของเขาที่ถูกระบบครองร่างได้มาถึงสวนป่าอันเงียบสงบแล้ว ที่นี่ค่อนข้างลับสายตาผู้คนเพราะฉะนั้นจึงเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับคู่รัก

ตอนนี้ตัวเขาอยู่ในป่ากับสาวสวยคนหนึ่ง ทั้งสองเผชิญหน้ากันโดยต่างฝ่ายไม่ได้พูดอะไร

‘ฉีเยียนกำลังขอค่าตอบแทนการแสดงเมื่อครู่ ทางเลือกของคุณคือ

ตัวเลือกแรก: มอบตำรา “เป้าผูจื่อ[1]” ของลัทธิเต๋าให้ หลังจากฝึกฝนแล้วรับรองว่าคุณจะได้เรียนรู้กำลังภายในของลัทธิเต๋าแท้ๆ

ตัวเลือกสอง: ให้เธอเลือกหนึ่งในสามศิลปะการต่อสู้เพื่อฝึกฝนเอง ได้แก่ วิชาดาบสะบัดวายุขั้นต้น วิชาตัวเบาขั้นต้นลากลิ้ง วิชากำลังภายในพื้นฐานล้มครึ่งก้าว

ตัวเลือกสาม: ให้ค่าจ้างการแสดงกับเธอสักหนึ่งหมื่น ซึ่งอีกฝ่ายจะต้องปฏิเสธแน่นอน’

“ตัวเลือกที่ต้องถูกปฏิเสธแน่ๆ ยังจะเอาออกมาให้เลือกอีก” ฟางหนิงที่ถูกรบกวนขณะกำลังสนุกอยู่กับการเล่นเกมมองดูอย่างเกียจคร้านแล้วเลือกข้อสองโดยไม่ลังเล

ข้อแรกเป็นลัทธิเต๋าแท้ก็จริง แต่สิ่งที่บันทึกไว้ในตำราเป็นศิลปะบนเตียง เขาไม่หน้าหนาพอ

“เฮ้ อัศวิน A คุณจะไม่เบี้ยวใช่ไหม ฉันยอมเสียสละชื่อเสียงอุตส่าห์ลดตัวลงเพื่อมาเล่นละครกับคุณเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสัญญาจะสอนศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานให้ ฉันจะไม่รีบนั่งรถไปช่วยคุณทั้งๆ ที่ไม่แต่งหน้าหรอก เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่แค่สอนเฉยๆ แต่ยังต้องสอนให้ฉันทำได้ด้วย”

ฉีเยียนเมื่อเห็นการตอบสนองของฟางหนิงเชื่องช้าขนาดนั้น เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง ในใจรู้สึกกังวล แล้วชี้นิ้วเรียวพลางพูดจาเร่งเขาเสียงสั่น

เธอคิดในใจว่าคงไม่ใช่เพราะทักษะศิลปะการต่อสู้นั้นล้ำค่าหรอก แต่อัศวิน A คนนี้อาจเหมือนกับคนเฒ่าคนแก่ในตระกูล หวงวิชาจึงไม่ยอมเผยแพร่มันให้คนภายนอก

เธอรู้จักกับอัศวิน A ในคืนหนึ่ง ตอนนั้นอีกฝ่ายกำลังจับขโมยใกล้บ้านของเธอ ทำให้เธอได้เห็นวิชาตัวเบาเหาะเหินเดินอากาศของอีกฝ่าย

แต่การที่สามารถรู้รหัสแฟ้มของอีกฝ่ายได้เป็นเพราะพวกคนแก่ในตระกูลที่รู้จักกับคนในหน่วยกิจการพิเศษ

ขณะที่คุณหนูตระกูลฉีคิดว่าอัศวิน A จะเปลี่ยนใจ ฟางหนิงก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว โดยห่างจากเธอไปเพียงศอกเดียวเท่านั้น

“นี่ คุณจะทำอะไรน่ะ นี่มันกลางวันแสกๆ นะ…” ฉีเยียนกำลังจะกรีดร้องแต่ก็ต้องปิดปากทันที ทำไมเดี๋ยวเดียวก็เกือบจะพูดคำพูดติดปากของผู้ชายคนนี้ออกมา เรื่องนี้ต้องโทษหมอนี่คนเดียว

“ในเมื่อเธอเลือกแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยให้เธอเข้าใจกระจ่างถึงความลับของมัน ในฐานะอัศวินผู้กล้า ฉันถือสัญญาเป็นสัญญาเสมอมา!”

“ฟางหนิง” หน้าไม่เปลี่ยนสีขณะขานชื่อของศิลปะการต่อสู้ทั้งสามออกมาตามลำดับ

คุณหนูตระกูลฉีได้ฟังแล้วก็ยิ่งหน้าดำหน้าแดง ผู้ชายคนนี้จงใจล้อเลียนเธอแน่นอน แต่เห็นใบหน้าหล่อเหลาทำหน้าตาเฉยเมย มองยังไงก็ไม่เหมือนตั้งใจล้อเลียน เพียงแต่คำพูดเกรียนขนาดนั้น ทำไมถึงได้พูดเรื่องจริงจังได้หน้าตาเฉยอยู่เรื่อยกันนะ

“ฉันเลือกข้อสาม” คุณหนูตระกูลฉีกัดฟันเลือก ในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อใจ เธอคิดถึงธุรกิจของตระกูลว่าอาจได้ความช่วยเหลือจากกำลังภายในเพื่อที่จะออกผลิตภัณฑ์อัศจรรย์ต่างๆ เมื่อลองเปรียบเทียบดูแล้ว เธอเลือกข้อสามคงจะดีกว่า

อีกอย่างสองข้อแรกก็น่าอายเกินไปด้วย เรียนไปก็คงไม่กล้าใช้มัน เว้นแต่ทุกครั้งที่ใช้งานจะปิดปากทุกคนที่อยู่ในที่นั้น แต่เธอไม่ใช่ฆาตกรและแน่นอนว่าไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นด้วย

หลังจากฟางหนิงที่อยู่ในพื้นที่ระบบได้ฟังก็พูดไม่ออก ระบบไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด ถึงได้ขุดหลุมฝังสาวสวยหน้าตาดีอย่างนี้ได้ลงคอ

ถ้าเป็นเขาไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามฉวยโอกาสซ้ำเติมศัตรูยามเสียเปรียบ แต่โชคดีที่นับได้ว่าเธอเพิ่งจะช่วยระบบทำงาน

แต่ระบบหักหลังเธอเร็วเกินไปแล้ว ไม่รู้สึกว่าจะทำร้ายคนดีหรือไง ใช่สิ เจ็บก็เจ็บที่ใจของฉัน เจ้าระบบงี่เง่าไม่มีหัวใจย่อมไม่มีทางสนใจเรื่องแบบนี้หรอก!

ระบบไม่แยแสคำบ่นของฟางหนิง หลังจากที่คุณหนูตระกูลฉีเลือกเสร็จแล้วมันก็ตบหน้าผากของอีกฝ่าย ท่าทางแบบเดียวกับตอนที่จับปีศาจเป๊ะ ไม่ทะนุถนอมหญิงสาวแม้แต่น้อย

โชคดีที่ไม่ใช่กิจวัตรประจำวันอย่างการจับปีศาจและคุณหนูตระกูลฉีก็ไม่ได้ถูกตบจนล้มลง ตอนนั้นเอง กระแสปราณสายหนึ่งที่อธิบายไม่ได้ก็ไหลออกมาจากหน้าผากของเธอ

สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกดีใจ อัศวิน A ก็น่าเชื่อถือในระดับหนึ่งเลยทีเดียว…

กระแสปราณไหลผ่านร่างทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แต่ในที่สุดมันก็หยุดอยู่ที่หน้าอกแล้วตรึงอยู่ตรงนั้น

คุณหนูตระกูลฉีรู้สึกผิดปกติ แต่เธอบอกไม่ถูก อย่างไรก็ตาม ความรู้ศิลปะการต่อสู้ของเธอก่อนหน้านี้ก็ได้แต่ฟังเอาจากคนเก่าคนแก่ในตระกูลเท่านั้น

พวกคนแก่นั่นแค่พูดคร่าวๆ ไม่มีใครเคยจับมือสอนเลยสักนิด เพียงเพราะเอาแต่คิดว่าสักวันเธอจะต้องแต่งงานออกไป

หลังจากที่กระแสปราณหยุดไหล อัศวิน A ก็บินหนีไปอย่างรวดเร็ว หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของฉีเยียน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน แต่หน้าปกนั่นเขียนไว้ว่า ‘วิชาภายในพื้นฐานล้มครึ่งก้าว’

เธอก้มหน้าด้วยความดีใจและเปิดอ่านมันทันที หลังจากอ่านได้แค่หน้าแรกก็ตกตะลึง ใบหน้าของเธอค่อยๆ แดงเรื่อด้วยความอาย จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและตะโกนไปทางที่อัศวิน A จากไป

“อัศวิน A ไปตายซะ! อย่าให้ฉันเจอแกอีก!”

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของฉีเยียนที่มีต่อคุณทะลุปรอทแล้ว ดูดซับทันที สถานะปัจจุบันของสล็อตความโกรธทั้งสามระดับมีดังนี้ สล็อตความโกรธระดับแรกเต็มแล้ว และส่วนที่เกินจะถูกโอนไปจัดเก็บยังสล็อตความโกรธระดับถัดไปโดยอัตโนมัติ ความคืบหน้าขณะนี้ของสล็อตความโกรธระดับสอง: ร้อยละ 20

เอาล่ะ เพียงแค่สะสมความโกรธของผู้หญิงสองคน เดิมทีสล็อตความโกรธระดับแรกความโกรธร้อยละ 70 เต็มแล้ว และไปถึงสล็อตความโกรธระดับสองได้เยอะทีเดียว ถึงได้พูดกันอย่ายั่วโมโหผู้หญิงเด็ดขาด

แต่เพราะระบบไม่ใช่มนุษย์มันจึงไม่หวาดกลัว และกล้าท้าทายความโกรธของพวกผู้หญิงทุกคน…

ในใจฟางหนิงเริ่มสั่นไหว หนุ่มโสดอายุยี่สิบแปดเริ่มเป็นกังวลแล้ว

ในช่วงเวลานั้น เขาจึงตัดสินใจได้ว่าควรจะเป็นโสดไปก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

ดังนั้นเขาจึงอ่านนิยายและเล่นเกมต่อไปในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบทุกวัน นอกเหนือจากเวลาที่ระบบไปทำงานแล้ว มันก็ใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่า จับปีศาจ ปิดระบบ จับปีศาจ ปิดระบบ และบางครั้งก็เรียกฟางหนิงไปช่วยสะสมสล็อตความโกรธด้วย

คุณหนูตระกูลฉีที่ถูกหัวหน้าระบบหลอกกลับไม่ได้ใช้ชีวิตสวยงามขนาดนั้น

เธอมาจากตระกูลผู้ดี แน่นอนว่าตอนนี้เหมือนกับตระกูลใหญ่อื่น ๆ แตกกิ่งก้านสาขาออกไปทั่วทุกสารทิศ ความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติหลวมๆ ไม่สนิทสนมกันมากนัก ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตระกูลเศรษฐีที่มีอำนาจสมัยโบราณ

ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาจะรวมตัวกันครั้งหนึ่งก็เฉพาะช่วงวันขึ้นปีใหม่เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ขณะเดียวกันก็โอ้อวดสารพัด เมื่อก่อนเคยอวดความมั่งมีและตำแหน่งขุนนางใหญ่ แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือศิลปะการต่อสู้พลังพิเศษ

พลังพิเศษจำเป็นต้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และยังไม่มีใครค้นพบกฎเกณฑ์วิธีการปลุกพลังพิเศษนี้ แต่ศิลปะการต่อสู้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพียงแต่การฝึกฝนชั่วชีวิตเทียบไม่ได้กับยิงปืนหนึ่งนัด โชคดีที่การฝึกฝนเพื่อสุขภาพอย่างน้อยก็มีประโยชน์ทำให้อายุยืน แต่การฝึกยิงปืนไม่มีประโยชน์อย่างนี้

ตระกูลฉีเป็นตระกูลใหญ่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ มีศิลปะการต่อสู้หลายอย่าง แต่ก็มีคนรุ่นต่อๆ มาอีกหลายคนที่ไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้เลย

มีแต่ผู้สูงอายุในตระกูลเท่านั้นที่ฝึกฝนบ่อยๆ เพื่อรักษาสุขภาพ และผลที่ได้ก็แข็งแกร่งกว่าการออกกำลังกายที่สอนกันทั่วไปเป็นอย่างมาก

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่รู้เพราะสาเหตุใด ผู้สูงอายุบางคนในกลุ่มที่อาศัยการฝึกศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษเพื่อรักษาสุขภาพกลับเริ่มฝึกกำลังภายในที่ไม่เคยมีใครฝึกฝนมาเป็นเวลานานได้ ทายาทตระกูลบางคนที่หัวไวก็ใช้กำลังภายในผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยยกระดับธุรกิจครอบครัวบางส่วนไปอีกขั้น ทำให้เหล่าคนในตระกูลเข้าใจว่ายุคใหม่กำลังจะมาถึง

เช่นคลินิกแพทย์แผนจีนที่สืบทอดกันในครอบครัว ในอดีตมีการใช้วิธีการรักษาและตำรับยาโบราณ กับบางคนและบางโรคถึงจะได้ผลอัศจรรย์ แต่ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยแพทย์แผนปัจจุบันที่ครอบคลุมและเป็นระบบ

จนกระทั่งแพทย์แผนจีนสูงอายุในตระกูลคนนั้นฝึกฝนกำลังภายในและสามารถมองเห็นเส้นลมปราณในหนังสือโบราณได้จริง ทุกอย่างก็แตกต่างไป…

ข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรครักษาไม่ได้ระยะสุดท้ายได้รับการรักษา โดยเขาใช้กำลังภายในประกอบกับวิธีการนำทางด้วยเข็มทองควบคุมการลุกลามของโรคได้สำเร็จ จนกระทั่งค่อยๆ ฟื้นตัวได้ ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดกันในวงแคบๆ เท่านั้น แต่ความจริงแล้วหลานชายของเขาเป็นผู้คิดค้นวิธีการนี้

……………………………………………………..

[1] เป้าผูจื่อ คือ ตำราของลัทธิเต๋าเรียบเรียงโดยเก๋อหง ว่าด้วยแนวคิดของเก๋อหงต่อลัทธิเต๋า วิธีการบรรลุเซียนและยาอายุวัฒนะ