ส่วนที่ 8 ภาคตำนานแม่พระแห่งวังหลัง ตอนที่ 3 ตำนานแม่พระแห่งวังหลัง

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

เมื่อเห็นเจ้านายของตนเองนั่งอยู่บนเตียงมังกรด้วยท่าทีงุนงง วังอี้หัวหน้าขันทีก็รีบสั่งลูกน้องขันทีที่อยู่ข้างหลังเขาให้รีบหามศพอวี้กุ้ยเหรินไปในทันที พร้อมกับหันกลับไปกำชับให้นางในด้านข้างให้ทำความสะอาดพื้นให้เรียบร้อย และจบเรื่องทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ วังอี้ก็คร่อมตัวแล้วย้ายไปที่ข้างหน้าเตียงมังกร เขาหยิบเสื้อในสีเหลืองสว่างใสทางด้านข้างขึ้นมาสวมทับตัวของซู่รุ่ย กุมคอตนเองพร้อมกับพูดเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท ท่านต้องการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไหมขอรับ เวลาขึ้นท้องพระโรงกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว”

 

 

ขึ้นท้องพระโรงน้องสาวแกสิ

 

 

ซูรุ่ยเงยหน้าขึ้นมองวังอี้ แค่เพียงแวบเดียวก็ทำให้วังอี้เหงื่อตก

 

 

ดวงตาสีแทนที่เยือกเย็นลึกล้ำและเศร้าหมองทำให้ผู้คนหวาดกลัว

 

 

วังอี้ตัวสั่นพร้อมกับถอยหลังไปสองสามก้าว อดไม่ได้ที่จะโค้งต่ำลง

 

 

“อาบน้ำละกัน”

 

 

หลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดซูรุ่ยก็พูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา วังอี้ที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายของเขา ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นพร้อมกับหันหลังไปเรียกนางในในวังเฉียนคุนให้รีบทยอยไปนำของที่เตรียมไว้เรียบร้อยออกมา ซูรุ่ยที่อยู่บนเตียงมังกรเมื่อเห็นชุดที่มาจากแดนตะวันออกก็ขมวดคิ้วออกมาโดยไม่ตั้งใจ และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นางในที่สวยงามราวกับดอกไม้ก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

 

 

“ออกไปให้หมด! ”

 

 

แม่ทัพซูโกรธอีกแล้ว นี่ไม่ใช่การบังคับให้คนทำผิดเหรอ?

 

 

เมื่อเห็นฝ่าบาทโมโห นางในที่อยู่ด้านข้างทั้งหมดก็ตัวสั่น ทั้งหมดคุกเข่าลงและถอยกลับในทันที

 

 

ส่วนวังอี้ที่อยู่ด้านข้างซึ่งแสร้งทำสีหน้าเรียบเฉยมาตลอด ในที่สุดก็ปรากฏร่องรอยแห่งความตื่นตระหนก เกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทนะ? เหตุอันใดนางอวี้กุ้ยเหรินถึงทำให้ฝ่าบาทโมโห แล้วฝ่าบาทโมโหถึงเพียงนี้ใครจะกล้าสู้หน้าล่ะ

 

 

“วังอี้”

 

 

ในขณะที่วังอี้กำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้น ซูรุ่ยก็ลุกขึ้นมาจากเตียงมังกรอย่างแน่วแน่ เขาดึงเสื้อจากไหล่และโยนมันลงไปบนพื้นด้วยท่าทีขยะแขยง “ข้าวของทุกอย่าง รวมถึงเตียงมังกรนี้ เอาไปทำลายให้หมด แล้วรีบเรียกขันทีมาช่วยข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ต่อไปนี้ห้ามมีนางในอยู่ในวังเฉียนคุนนี้อีก~ ”

 

 

วังอี้: ……

 

 

ซวยแล้ว ซวยแล้ว หรือว่าฝ่าบาทถูกอวี้กุ้ยเหรินปั่นหัวจนทำให้รังเกียจผู้หญิงไปซะแล้ว?

 

 

เมื่อได้ฟังคำสั่งของซูรุ่ย วังอี้ก็รีบหันไปปฏิบัติตาม แต่ภายในใจเขากลับรู้สึกน้ำตาจะไหลนองหน้า

 

 

ณ โรงพยาบาลอวี้

 

 

ภายในห้องที่สะอาดสะอ้านเรียบร้อย เหยียนอวี่นั่วนอนอ่อนแรงอยู่บนเตียงคนไข้ มีลู่มู่สวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สนข้างเตียง ในมือถือเข็มฉีดยา ที่ข้อมือขาวซีดของเธอมีร่องรอยรูเข็มอยู่หลายจุด

 

 

เหยียนอวี่นั่วผู้ซึ่งอายุยังไม่ถึงสิบห้าปี ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้ อีกทั้งตนเองยังต้องเปลี่ยนแขนเสื้อต่อหน้าเขา เผยให้เห็นถึงข้อมือ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเพียงนี้ ทำให้เหยียนอวี่นั่วรู้สึกประหม่า ใบหน้าเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ

 

 

“ไอหยา หน้าพี่อวี่นั่วเหมือนจะแดงอีกแล้ว”

 

 

ปิงเย่ว์ที่ยืนอยู่ด้วยอดไม่ได้ที่จะก็กรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเธอเห็นแก้มสีแดงของเหยียนอวี่นั่ว

 

 

ซูหว่าน: ……

 

 

ปิงเย่ว์น้องรัก ฉันรู้ว่าเธอเป็นกันเอง แต่ที่เธอตะโกนออกมาแบบนี้มันเป็นการตั้งใจหรือเปล่านะ?

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ได้คิดอะไรของปิงเย่ว์ เหยียนอวี่นั่วก็ทำตัวไม่ถูกทันที แขนของเธอเริ่มเคลื่อนไหวอย่างไม่รู้ตัว

 

 

“อย่าขยับ! ”

 

 

ดวงตาของลู่มู่สวินเปล่งประกาย นิ้วเรียวสะอาดของเขากดแขนของเหยียนอวี่นั่วอย่างเบามือ กระแสไฟฟ้าอันอุ่นจากปลายนิ้วของเขาทำให้เหยียนอวี่นั่วแข็งไปทั้งตัว อยากขยับแต่ก็ไม่กล้าขยับ

 

 

เมื่อเหลือบไปเห็นรอยยิ้มแวบหนึ่งจากริมฝีปากของลู่มู่สวิน ซูหว่านที่ไม่ไกลก็ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะจับคู่คุณหมอลู่กับนางเอกของเรื่องสำเร็จโดยไม่ตั้งใจซะแล้ว?

 

 

อืม ดูไปดูมายังต้องเรียนรู้อีกเยอะนะ! ละครเรื่องนี้คุณหมอลู่ปรากฎตัวช้าเกินไปหน่อย!

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

 

“โอเคครับ”

 

 

ลู่มู่สวินเก็บเข็มฉีดยา ช่วยเหยียนอวี่นั่วดึงแขนเสื้ออย่างเบามือ “เดี๋ยวผมจะสั่งยาให้คุณ กลับไปก็ทานให้ตรงเวลานะครับ อุณหภูมิความเย็นในร่างกายของคุณจะได้หายไป”

 

 

เมื่อเห็นลู่มู่สวินหันกลับไปเขียนใบสั่งยาบนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมข้างตัว เหยียนอวี่นั่วก็กัดริมฝีปากของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแผ่นหลังอันผอมเพรียวของลู่มู่สวิน เธอเปิดปากพูดออกมาอย่างอ่อนแรง “คุณหมอลู่ ค่ารักษา…ค่ารักษาเท่าไหร่คะ”

 

 

เมื่อถามถึงค่ารักษาพยาบาล เหยียนอวี่นั่วก็เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีไม่มั่นใจ เธอจับกระเป๋าใบเล็กข้างเอวของตนเองอย่างไม่รู้ตัว ภายในกระเป๋าใบนี้คือเงินเดือนที่เธอเพิ่งจะได้รับมานั่นเอง

 

 

“ค่ารักษา? ”

 

 

เมื่อเขียนใบสั่งยาตัวสุดท้ายเสร็จ ลู่มู่สวินหันกลับมามองซูหว่านที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ไม่ไกล “ผู้หญิงคุณนี้จัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้กับคุณหมดแล้ว”

 

 

“ซูหว่าน? ”

 

 

สายตาของเหยียนอวี่นั่วจ้องไปที่ซูหว่านในทันที เธอรู้สถานการณ์ครอบครัวของซูหว่าน ตอนนี้พ่อของซูหว่านกำลังติดหนี้ก้อนโต เธอยากจนเสียยิ่งกว่าตัวเธอเองอีก

 

 

“ไม่เป็นไรพี่อวี่นั่ว คุณหมอลู่โด่งดังเรื่องความใจดีมีน้ำใจ ค่ารักษาเขาก็ไม่แพง ฉันยังมีเงินเหลือหลังจากจ่ายค่ารักษาอีกเยอะเลย! ”

 

 

เมื่อเห็นเหยียนอวี่นั่วมองมาที่ตนเอง ซูหว่านก็กระซิบมาหนึ่งประโยคพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ พูดแล้วยังก้าวไปข้างหน้าอย่างอดไม่ได้ ยกมือน้อย ๆ ขึ้นและวางไว้ตรงหน้า “คุณหมอลู่ เงินทอน! ”

 

 

“อ่อ”

 

 

ลู่มู่สวินยิ้มอย่างอ่อนโยนและหันไปมองที่ประตู “ฝูลู่ เอาเงินทอนให้คนไข้”

 

 

เด็กหนุ่มชื่อฝูลู่เมื่อได้ยินเสียงเรียกของลู่มู่สวินก็หน้าแดงและรีบเดินก้มหน้าก้มตาไปที่ข้างหน้าซูหว่าน “เงินทอนของพี่ครับ”

 

 

พูดเช่นนั้นเขาก็นำเงินทั้งหมดที่ซูหว่านมอบให้เขาก่อนหน้านี้คืนกลับไปที่ฝ่ามือของซูหว่านอย่างไม่เต็มใจ

 

 

“เยอะเกินไปแล้ว”

 

 

ซูหว่านก้มตาลงและยัดเงินครึ่งหนึ่งกลับเข้ามือของฝูลู่ “เธอชื่อฝูลู่ใช่ไหม ต่อไปนี้ต้องเรียนรู้จากหมอลู่ให้เยอะ ๆ นะ! ทำดี แล้วต้องได้ดี”

 

 

เป็นคนดี ทำเรื่องดี จะต้องได้รับรางวัลตอบแทน

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ฝูลู่ก็มองไปที่เธอด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับแววตาที่สดใส

 

 

ซูหว่าน: ……

 

 

ไม่ต้องขอบคุณพี่ แค่เรียกพี่ว่าแม่พระซู

 

 

ถูกต้องแล้ว ภายหลังจากเข้าสู่ภารกิจ ซูหว่านก็ได้ไอเดียดี ๆ ที่จะเอาชนะแม่พระเหยียนได้แล้ว

 

 

หากคุณได้พบกับหญิงงามร้อยเล่ห์ร้องไห้ โปรดจงอย่าทำให้เธอดูหน้าสงสารกว่าเดิม

 

 

หากคุณได้พบกับแม่พระที่บำเพ็ญแต่คุณงามความดี โปรดจงช่วยเธออย่างกล้าหาญ เพื่อให้เธอรู้สึกว่าจิตใจคุณเต็มไปด้วยพลังบวก

 

 

ซูหว่านเชื่อในเรื่องกฎของการบวกลบ เมื่อแม่พระสองคนมาเจอกัน มันไม่ง่ายเหมือนอย่างที่หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองหรอก~

 

 

ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ ซูเสียวหว่านตัดสินใจที่จะอยู่ต่อสู้กับมัน!

 

 

“ไอหยา! ไอหยา! ไอหยาบ้าชะมัดเลย~ ”

 

 

ในขณะที่ซูหว่านกำลังจะประคองเหยียนอวี่นั่วออกไปนั้น ร่างเหนื่อยหอบก็วิ่งตะโกนเข้ามาในห้องของลู่มู่สวิน เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ผู้มาเยือนก็ตบหน้าอกเล็ก ๆ ของตนเองอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาสั่นเทาพร้อมกับกวาดตามองไปรอบห้องอย่างรวดเร็ว “เหยียนอวี่นั่ว ซูหว่าน! พวกคุณสองคน พวกคุณสองคน แต่เจินเจิน เจินเจินเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว! ”

 

 

“เฉินกงกง”

 

 

ผู้มาเยือนนี้ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน เขาคือเฉินจี๋กงกง ชายผู้ดูแลสำนักซั่งฝู

 

 

เฉินจี๋เมื่อเห็นเหยียนอวี่นั่วกับซูหว่านยังคงคารวะตนเอง เขาก็รีบโบกมือเล็ก ๆ ในทันทีและก้าวไปคว้ามือของทั้งสองคน “พวกคุณสองคน! รีบกลับสำนักซั่งฝูกับผมเถอะ! พวกคุณก่อเรื่องเข้าแล้ว เรื่องใหญ่มากด้วย!”

 

 

“เรื่องใหญ่อะไรกัน?”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินจี๋ ใบหน้าของเหยียนอวี่นั่วก็เปลี่ยนสี อีกทั้งปิงเย่ว์ที่อยู่ข้างหลังไม่ไกลจากสองคนก็ถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่มีใครสังเกตเพื่อรักษาระยะห่างจากพวกเขาสองคนไว้

 

 

บรรยากาศในห้องค่อนข้างตึงเครียดชั่วขณะหนึ่ง ลู่มู่สวินปรือตาลงราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แต่แท้จริงแล้วเขากำลังรอให้เฉินจี๋พูดต่อไป

 

 

“คือฝ่าบาท ฝ่าบาทท่าน…… ”

 

 

เมื่อเฉินจี๋พูดถึงฝ่าบาท เจ้าของใบหน้าอันเล็กเรียวนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีซีดเซียวในทันใด “ฝ่าบาทอยู่ที่สำนักซั่งฝู ฆ่า ฆ่าผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก! ”

 

 

เมื่อนึกถึงฉากที่เลือดไหลลงสู่แม่น้ำ เฉินจี๋ก็รู้สึกว่าท้องของตนสั่นอย่างรุนแรงตลอดเวลา! อีกทั้งระหว่างทางเขายังพบศพที่ถูกห่อด้วยเสื่อทยอยเข้าและออกจากประตูวังจิ้งอวิ๋น เลือดสีแดงสด คนทำช่างโหดร้ายมากยิ่งนัก!

 

 

สรุปแล้ววันนี้ไม่ทราบเพราะเหตุใดฝ่าบาทถึงโมโหรุนแรงตั้งแต่เช้ามืด เริ่มจากแทงขุนนางตายด้วยดาบ จากนั้นก็ผูกคอนางสนมซูจนวังจิ้งอวิ๋นจมนองไปด้วยเลือด ไม่รู้ตอนนี้จะไปถึงสำนักซั่งฝูแล้วหรือยัง?

 

 

แต่ไม่รู้โชคดีหรือเปล่า วันนี้คนของสำนักซั่งฝูอยู่กันหมด ขาดแค่เพียงซูหว่านและเหยียนอวี่นั่วเท่านั้น!

 

 

เฉินจี๋ไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สองคนนี้วันนี้น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดีถึงไม่ตาย!

 

 

ฝ่าบาทฆ่าคนตาย?

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินจี๋ เหยียนอวี่นั่ว ขาทั้งสองข้างของก็อ่อนแรงลง “เลี่ยวซืออี๋ล่ะ? เลี่ยวซืออี๋ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”

 

 

แม่พระองค์นี้นึกถึงผู้อื่นก่อนตนเองเสมอ ซูหว่านเทียบไม่ติดเลย! ดูเหมือนว่าแม่พระจอมปลอมคนนี้ต้องพยายามอีกเยอะเลย!

 

 

แต่ว่า……

 

 

ฝ่าบาท? ไม่ใช่แม่ทัพซูหรือ?

 

 

ก็คือฝ่าบาทนั่นแหละ เขาเล่นใหญ่มากจริงๆ หึหึหึ~