ตอนที่ 499 พระเจ้ายังสะเทือน
เมื่อเว่ยสวีเฟิงเห็นการจบด้วยดริฟต์ขวางแฉลบข้าง เขาดูตื่นเต้นมากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน
“นี่…ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันไปดูบอสแข่งแบบสด ท่าจบสุดคลาสสิคของบอส ฉันยังจำได้ว่าประโยคแรกของคนพากษ์พูดว่า…พระเจ้ายังสะเทือน!” เว่ยสวีเฟิงพูดกับฉีเซ่าหยวนที่อยู่ข้างๆ
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ฉีเซ่าหยวนเหลือบมองเว่ยสวีเฟิงแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่แยแส “งั้นเหรอ…แต่ทำไมฉันรู้ว่าแปลกๆ ล่ะ ดูไม่ค่อยคล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อน”
หลังฉีเซ่าหยวนพูดจบ เว่ยสวีเฟิงชะงักครู่หนึ่งแล้วเผยสีหน้าอึ้งทึ่ง “ไม่คล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อนงั้นเหรอ? ไม่นะ ฉันว่าไม่ต่างอะไรกับตอนนั้นเลย”
“เหอๆ นายดูไม่ออก ก็แปลว่านายยังมืออาชีพไม่พอไงล่ะ นี่มันไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของตอนนั้นเลย เทียบกับบอสในตอนนั้นแล้ว ดูต่างกันโดยสิ้นเชิง เฮ้อ ผิดหวังจริงๆ ” ฉีเซ่าหยวนหัวเราะแล้วส่ายหัว
เห็นแบบนั้นแล้ว เว่ยสวีเฟิงจ้องไปยังฉีเซ่าหยวน คิ้วขมวดขึ้น “ฉีเซ่าหยวน นายหมายความว่าไง นายหมายความว่าฝีมือบอสตก ก็เลยจะเลิกเป็นแฟนคลับงั้นเหรอ?”
สิ้นเสียงเว่ยสวีเฟิง มุมปากฉีเซ่าหยวนกระตุกเล็กน้อย เขามองไปทางเว่ยสวีเฟิงเหมือนคนสมองเบลอ
เลิกเป็นแฟนคลับอะไรของมัน ใครกันแน่ที่หลุดพ้นสภาพแฟนคลับอยู่เนี่ย ไอ้เอฟซีตัวปลอมเว่ยสวีเฟิง!
ฉีเซ่าหยวนยังไม่ทันแขวะเว่ยสวีเฟิงต่อ ในสนามส่งเสียงร้องโห่เชียร์อย่างสนั่น
ขณะนี้ ตัวปลอมได้โชว์เทคนิคการควบคุมเส้นทางในสนามแข่งของเยวาอีกครั้ง เทคนิคพวกนี้ถึงแม้จะเป็นการแข่งขันธรรมดา เยวาเองก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่
เห็นเช่นนั้นแล้ว เว่ยสวีเฟิงขี้เกียจคุยกับฉีเซ่าหยวนต่อ เขาหันไปร่วมเฮกับผู้คนในสนาม
…
“ไม่แย่หนิ”
อีกฝั่งของสนาม หลินเยียนจ้องไปยังรถแข่งสิเงินพลางยิ้มขึ้น
ตัวปลอมนี่ทำการบ้านมาอย่างดีจริงๆ เลียนแบบเทคนิคต่างๆ ของเธอได้ดีมาก
แต่ถึงแม้จะเลียนแบบได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ยังเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนอยู่
ที่หลินเยียนทำอะไรพวกนี้ในสนามไม่ได้ทำเพื่อแสดงแต่อย่างไร ยิ่งไม่ได้ต้องการให้ผู้คนจดจำเธอให้ขึ้นใจจากการเล่นกลแพรวพราวแบบนี้
ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อคว้าชัยชนะเท่านั้นเอง
เทคนิคที่หลินเยียนทำตอนนั้นก็เพื่อประหยัดเวลา ทุกคนรู้ว่าในสนามรถแข่งนั้นหากช้าไปหนึ่งวิก็เท่ากับห่างกันไปแล้วหลายหมื่นลี้
แต่แล้วเพื่อถ่ายทอดเทคนิคพวกนี้ออกมา ตัวปลอมคนนี้ใช้เวลามากกว่าเดิมไปทำให้มันสำเร็จ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เทคนิคในสนามพวกนี้จะมีความหมายอะไรอีกเหรอ?
การเลียนแบบเป็นเรื่องยาก ถ้าจะเลียนแบบจนสำเร็จนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่ถ้าลืมเจตนาที่เป็นจุดมุ่งหวังสุดท้ายไว้ การเลียนแบบเช่นนี้ถือว่าไม่มีความหมายอะไรเลย
“พี่สะใภ้ครับ เห็นไหมครับนั่น? เทพสุดๆ พี่สะใภ้เรียนไว้สิ พี่เป็นแล้วค่อยสอนผมตัวต่อตัว…” หลังจากตัวปลอมแสดงเสร็จ เผยอวี่ถังหันไปมองหลินเยียนแล้วพูดขึ้นด้วยความรีบลน
“มันก็ไม่ได้ยากอะไรหนิ”
หลินเยียนพูดกับเผยอวี่ถัง
“ไม่ยาก?”
เผยอวี่ถังได้ยินเช่นนั้นแล้ว ชะงักอยู่กับที่ด้วยสีหน้าตะลึง “ทำไมถึงไม่ยากล่ะ…พูดผิดหรือเปล่าพี่ นั่นคือเทคนิคในสนามแข่งของเยวาเลยนะ!!”
หลินเยียนถอนหายใจแล้วไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม
แค่เลียนแบบท่าทางพวกนี้ง่ายอยู่แล้ว แต่ถ้าลงสนามแข่งจริงจังแล้วยังสามารถลดเวลาลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นถึงเรียกว่าเทคนิค
“ไม่ใช่เทคนิคทุกอย่างเรียกว่าเทคนิคในสนามแข่งนะจ๊ะ” หลินเยียนยิ้มแล้วเอ่ยปากขึ้น
ตอนที่ 500 ไม่มีสิทธิ์
เลียนแบบ?
เทคนิคในสนามแข่ง?
เผยอวี่ถังงงกับคำพูดของหลินเยียน อะไรคือการเลียนแบบ…
“หลินเยียน เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”
จู่ๆ เว่ยสวีเฟิงเดินไปข้างหลินเยียน แล้วจ้องมองหลินเยียนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“อะไรของนาย” หลินเยียนมองไปทางเว่ยสวีเฟิง ทำไมหมอนี่เหมือนวิญญาณเลยวะ ไม่ไปไหนสักที สรุปว่าใครวุ่นวายกับใครกันแน่ ช่วยดูเงาหัวตัวเองด้วย
“เมื่อกี้เธอบอกว่าเทคนิคสนามแข่งของเยวาง่ายงั้นเหรอ!” สายตาเว่ยสวีเฟิงเย็นยะเยือก ไอดอลตัวเองโดนเหยียดหยามแบบนี้ ทนไม่ได้จริงๆ
“ยากหรือไง ฉันลงไปฉันก็ทำได้” หลินเยียนยิ้มบางๆ แล้วยักไหล่ขึ้น
“เธอลงไป เธอก็ทำได้?”
สิ้นเสียงหลินเยียน เว่ยสวีเฟิงหัวเราะขึ้นมาทันที เหมือนได้ยินเรื่องขำๆ ที่ตลกที่สุดในโลก
“พระเจ้า คุณหลินเยียน โม้ได้ใจจริงๆ!” ไม่ปล่อยให้เว่ยสวีเฟิงมีโอกาสได้พูดต่อ ฉีเซ่าหยวนที่อยู่ข้างๆ รีบพูดขึ้นมา “คุณคิดว่าผู้หญิงเมื่อกี้นั่นคือใครเหรอ นั่นคือเยวาตำนานวงการรถแข่งเลยนะ คุณกล้าพูดว่าเทคนิคในสนามแข่งง่ายมากงั้นเหรอ!”
ขณะนี้เว่ยสวีเฟิงได้มองไปทางฉีเซ่าหยวนอีกครั้ง ฉีเซ่าหยวนค่อยรู้สึกว่ากลับมาปกติหน่อย
“แล้วก็อะไรนะ คุณลงไปคุณก็ทำได้งั้นเหรอ?! ฮ่าๆๆ ขำเกือบตาย เรื่องตลกระดับโลก ได้เลย…คุณลงไปสิ ถ้ากล้าจริงก็ไปเลย คุณแน่จริงก็ไปแข่งประลองกับบอสเยวาพวกเราเลย คุณกล้าเหรอ คุณต้องกล้าอยู่แล้วสิ มาสิ ไปเลย ไปลองแข่งกันเลย!” ฉีเซ่าหยวนตะโกนขึ้น
หลินเยียน “…”
“เหอะ แข่งกับบอสน่ะเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์จริงๆ” เว่ยสวีเฟิงมองไปทางฉีเซ่าหยวนแล้วพูดขึ้น
“ใช่แล้วเจ้าเฟิง นายพูดถูก เธอไม่มีสิทธิ์นั้น แต่ว่า…พวกเราต้องให้เธอไปแข่งกับบอสซะหน่อย ทำให้เธอรู้ว่าความหลงตัวเองของเธอช่างงี่เง่าแค่ไหน ให้เธอรู้ว่าบอสคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจก้าวผ่านได้!” ฉีเซ่าหยวนพูดอย่างไม่หยุดหย่อน
ขณะเดียวกัน ตัวปลอมกำลังพาหลินซูหย่าและหันอี้เซวียนเดินมาทางนี้ เหมือนจะคุยอะไรสักอย่างกับเว่ยสวีเฟิง ซึ่งพวกเขาได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่นั้นอย่างชัดเจน
“บอส…”
เมื่อเห็นตัวปลอม เว่ยสวีเฟิงลืมความคับแค้นใจที่มีต่อหลินเยียนไปทันที
“บอสฟังผมพูดก่อนนะ ผมเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ของคุณ แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของเว่ยสวีเฟิงด้วย…ผมชื่อฉีเซ่าหยวน!” สายตาของฉีเซ่าหยวนมองไปทางตัวปลอม ชิงหน้าเว่ยสวีเฟิงพูดขึ้นมาก่อน
“สวัสดี” ตัวปลอมพยักหน้า
“บอสรู้ไหมว่าการแสดงของบอสเมื่อกี้ มีคนไม่พอใจมากเลย อีกทั้งยังบอกว่าถ้าเธอลงสนามไป เธอก็ทำได้เหมือนกัน อีกทั้งเธอยังคิดว่าคุณแสดงได้ธรรมดามาก ไม่สมกับชื่อ บอสครับ ในฐานะแฟนพันธุ์แท้ของคุณ ผมทนไม่ได้เด็ดขาด บอสครับ แข่งกับเธอสักหน่อยเถอะ ให้เธอได้รู้ว่าอะไรคือภูผาอันสูงส่งอย่างแท้จริง!” ฉีเซ่าหยวนพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของตัวปลอมได้มองไปทางหลินเยียน ความไม่แยแสอย่างไม่ปิดบังใดๆ ปรากฎในแววตาอันยะเยือกของเธอ จากนั้นเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ใครหน้าไหนจะให้ฉันไปแข่งด้วย ฉันก็ต้องแข่งงั้นเหรอ”
“เอ่อ บอสก็พูดถูก…แต่ผมรู้สึกว่า คนบางคนต้องทำให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลย อีกอย่าง เป็นเรื่องง่ายๆ ที่บอสจะขยี้เธอได้ไม่ใช่เหรอครับ” ฉีเซ่าหยวนพูดขึ้น
“ฉี่เซ่า ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ คุณเยวาคงต้องรับมือกับพวกท้าทายในสนามแข่งตลอดทั้งปีเลยน่ะสิ” กัปตันหญิงทีมเควันเอ่ยปากขึ้น
“พูดเพ้อเจ้ออะไร แค่คนกระจอกในทีมเล็กๆ อยากให้คุณเยวาแข่งกับเธองั้นเหรอ”
“ฮ่าๆ อยากสร้างกระแสแหละมั้ง ต่อให้ลงสนามแข่งกันจริงๆ คุณเยวาหลับตาก็ขยี้เธอได้ง่ายๆ แหละนะ”
กัปตันทีมรถแข่งต่างๆ พลันหัวเราะขึ้นมา