Ch.73 – อบิลิตี้มืดที่แข็งแกร่งที่สุด

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.73 – อบิลิตี้มืดที่แข็งแกร่งที่สุด

 

“จำไว้ให้ดี คุณต้องช่วยหันเหความสนใจของพวกเขาไปจากผม” ฉินเฟิงกล่าว

 

ซูซิงฝูยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่ทราบจริงๆว่ามีวิญญาณชั่วร้ายสิงสู่อยู่ในหัวใจของเด็กหนุ่มเบื้องหน้าหรืออย่างไร

 

ในความเป็นจริง โดยทั่วไปแล้ว ใครก็ตามที่สังหารเจียงเส้าหยาง สมควรจะพบเจอกับปัญหาใหญ่ และจำเป็นต้องหันมาซบอกซูซิงฝู หรือไม่ก็ตัวตนที่แข็งแกร่งผู้ว่าการเจิ้ง เพื่อรักษาชีวิต

 

ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงกลับกล่าวออกมาอย่างแข็งกร้าว คล้ายเป็นการออกคำสั่งโดยสิ้นเชิง

 

ราวกับว่านี่คือสิ่งที่ซูซิงฝูสมควรจะทำ

 

แต่เมื่อซูซิงฝูมองไปยังอุปกรณ์รูนมิติในมือของเขา เจ้าตัวก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง

 

หากมอบโอกาสรอดให้แก่ฉินเฟิง ช่วยเหลืออีกฝ่ายเบี่ยงเบนความสนใจในครั้งนี้ บางทีไม่สองก็สามเดือนต่อมา ฉินเฟิงอาจจะสามารถนำเอาอุปกรณ์รูนมิติของหลินเซิงมามอบให้กับเขาก็ได้!

 

“วางใจเถอะ ด้วยสิ่งของภายในนี้ น่าจะพอให้ฉันสามารถใช้มันปิดคลับอินทรีได้ แล้วจะแสร้งปล่อยข่าวเกี่ยวกับเจียงเส้าหยางเอง!”

 

แม้หลังจากนี้อาจจะเกิดเหตุวุ่นวายครั้งใหญ่ตามมา แต่ด้วยสิ่งเหล่านี้ที่อยู่ในอุปกรณ์รูนมิติของเจียงเส้าหยาง ก็น่าจะกระตุ้นเส้นประสาทของผู้คนที่เกี่ยวข้องได้พอสมควร ว่าอย่าแส่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้ มิฉะนั้นอาจถูกเปิดโปง และมีโทษทางกฏหมายถึงตาย

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว อาชญากรทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่ทรงพลัง และบ่อยครั้งมักจะละเมิดกฏหมาย ในที่ลับ ไม่อย่างนั้นเครือข่ายนักล่าเงินรางวัลคงไม่คึกคักขนาดนี้

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของซูซิงฝู ฉินเฟิงก็พยักหน้า “เอาล่ะ ตกลงตามนั้น ข่าวนี้น่าจะมีมูลค่าสัก 50 ล้าน ผมจะให้เวลาคุณเตรียมตัวสักสองสามวัน แล้วค่อยมาจ่ายมันก็แล้วกัน ”

 

เดิมทีซูซิงฝูกำลังจะเอ่ยตักเตือนเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าว แต่เมื่อได้ยินคำของฉินเฟิง ท่าทีแข็งกร้าวของเขาก็อ่อนโทรมลงทันที

 

นี่ฉินเฟิงจะคิดราคานี้จริงๆน่ะหรอ!

 

อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้นับว่าคุ้มค่า ผลจากการล่วงรู้มันมีค่ามากกว่าเงินที่ว่าด้วยซ้ำ

 

กระทั่งซูซิงฝูก็ยังไม่กล้าต่อรองราคาในครั้งนี้

 

“ก็ได้ๆ ฉันจะรายงานเรื่องนี้ไปยังเบื้องบน หลังจากได้รับเงินแล้ว ฉันจะมอบมันให้แก่เธอทันที”

 

ซูซิงฝูไม่รั้งอยู่อีกต่อไป เพราะยังไงซะ ทั้งสองได้สนทนากันมายาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมง และตอนนี้ก็ปาเข้าไปตี 3 ครึ่งแล้ว และอีกไม่นานก็จะถึงรุ่งเช้า

 

หลังจากที่ซูซิงฝูจากไป ก็เข้าสู่ช่วงเวลาผ่อนคลายของฉินเฟิง

 

เขาเข้าไปอาบน้ำขัดตัวเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องนอน ทว่าก็ต้องชะงักไป

 

เพราะแม้จะไม่มีแสงสว่างใดๆ หากแต่ฉินเฟิงคือผู้ที่สามารถปลุกอบิลิตี้มืดขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาย่อมสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน เจ้าตัวพบว่าในเวลานี้ บนเตียงใหญ่ มีเด็กสาวทรงเสน่ห์กำลังจมอยู่ในห้วงหลับฝัน ส่งเสียงกรนน้อยๆ น้ำลายหยดย้อยลงจากมุมปากของเธอ

 

ช่างเป็นภาพที่ดูน่ารักบริสุทธิ์ แต่ขณะเดียวกันก็ยั่วยวน!

 

ไม่เพียงเท่านั้น อีกฝ่ายยังเปลี่ยนไปใส่ชุดนอนผ้าไหมที่เพิ่งจะซื้อมา แต่ต่อให้สวมเสื้อแล้วยังไง? มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สวมใส่อะไรเลยอยู่ดี

 

ฉินเฟิงสูดหายใจลึก สุดท้ายตัดสินใจว่าจะไปนอนที่ห้องรับแขก ในหัวคิดว่าจากนี้ไป คงต้องสั่งสอนให้เสี่ยวไป๋รู้บ้างแล้วว่าชายหญิงไม่ควรจะนอนร่วมห้องกัน!

 

ทว่าเมื่อคิดถึงจุดนี้ ฝีเท้าของฉินเฟิงก็ต้องหยุดลง

 

“แต่ถ้าฉันไปนอนห้องอื่น ท่านปู่น้อยคงโกรธอีกแน่ๆ ช่างเถอะ คิดซะว่ายังไงมันก็เป็นแค่จิ้งจอกตัวหนึ่งก็แล้วกัน!”

 

เมื่อปลอบใจตัวเองเช่นนี้ ฉินเฟิงจึงค่อยผ่อนคลายลง ดึงผ้าห่มออกมาอีกฝั่งให้ไกลพอสมควร มุดเข้าไปและนอนลง

 

จิ้งจอกน้อยที่กำลังหลับปุ๋ย เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย มันก็ม้วนตัวเข้ามาใกล้ๆ เลียแก้มฉินเฟิง ยกขาขึ้นพาดตัวเขา แล้วหลับไปอย่างสงบอีกครั้ง

 

ฉินเฟิง “ … ”

 

ทำแบบนี้ ฆ่าฉันซะยังดีกว่า!

 

ฉินเฟิงควบคุมสติอารมณ์ของเขา เบี่ยงเบนความสนใจจากจิ้งจอกน้อย มุ่งสมาธิเข้าไปในแก่นอบิลิตี้ของตัวเอง

 

ปัจจุบัน สถานะผู้ใช้วรยุทธของเขาได้ขึ้นสู่เลเวล F แล้ว ทว่าสถานะผู้ใช้อบิลิตี้ของฉินเฟิงยังไม่ได้รับการยกระดับเลย

 

เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ฉินเฟิงยังไม่พบวิธีดีๆที่จะใช้ฝึกฝนพลังสมาธิของเขา!

 

แน่นอน ว่าผู้ใช้อบิลิตี้น่ะแข็งแกร่งอย่างหาที่ใดเปรียบ อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนของพวกเขาก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน กระทั่งก่อนที่ฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เขายังเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง แต่ยามเมื่อพลังเติบโตขึ้น อำนาจของผู้ใช้อบิลิตี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณจะสามารถเทียบเปรียบได้

 

“หรือว่าฉันควรจะไปฆ่าพวกมือปืน เพื่อดูดกลืนพลังสมาธิและการรับรู้ของพวกเขามาดี?”

 

ยังไงก็ตาม แม้มือปืนจะมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะสังหารพวกเขา ต้องไม่ลืมนะว่าการฆ่าแกงกัน มีแค่บนเวทีประลองใต้ดินเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น

 

เมื่อคิดเช่นนี้ ฉินเฟิงเลยไม่มีทางเลือก จำต้องเริ่มต้นกระตุ้นพลังสมาธิ โคจรแก่นอบิลิตี้ ทำตามบทเรียนของอาจารย์เฉิงเฉาทีละขั้น ทีละตอน เริ่มค้นหารูนที่สามารถจัดเรียงกับอบิลิตี้ได้

 

 

หลังจากทนทรมานจนรุ่งเช้า ฉินเฟิงกับไป๋หลีในร่างจิ้งจอกน้อย ก็ก้าวเข้าสู่รั้วสถาบันระดับสูงอีกครั้ง

 

วิชาในช่วงเช้ายังคงเป็นทฤษฏีรูน และการวิเคราะห์สัตว์ร้าย แต่ในช่วงบ่ายเป็นวิชาปืนจักรกล!

 

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากวิชาทฤษฏีรูนแล้ว วิชาอื่นๆล้วนไร้ประโยชน์สำหรับฉินเฟิง

 

หลังจากจบวิชารูน ฉินเฟิงก็ลุกขึ้นและตรงไปที่ห้องสมุดทันที แต่ก็ถูกวัยรุ่นสาวที่ผูกผมหางม้าหยุดเอาไว้

 

“ฉินเฟิง คลาสผู้ใช้อบิลิตี้ของเราสร้างกลุ่มแชทไว้ติดต่อกันแล้วนะ นายก็ควรจะใช้อุปกรณ์สื่อสารของนายเข้ากลุ่มด้วยเหมือนกัน จะได้ติดต่อกันสะดวกมากขึ้น”

 

“อ่า ตกลง”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า เขาไม่ปฏิเสธที่จะทิ้งหมายเลขสื่อสาร และเข้าร่วมกลุ่มแชทของคลาสผู้ใช้อบิลิตี้ ส่วนคนที่ชวนเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหัวหน้าห้องของคลาส – จ้าวหยู

 

จ้าวหยูเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ ในการทดสอบ ทั้งความเข้มข้นของพลังสมาธิและความเข้ากันได้กับรูน เธอล้วนอยู่ในระดับ B จึงและไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในไม่ช้า เธอก็จะกลายเป็นการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียน

 

ด้วยเหตุนี้เอง การที่เธอถูกเลือกเป็นหัวหน้าห้อง เลยไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงโดดคาบวิเคราะห์สัตว์ร้าย หนีมาหมกตัวอยู่ในห้องสมุด

 

ภายในห้องสมุดแทบจะเรียกได้เลยว่าโล่งโจ้ง เกือบจะว่างเปล่า เพราะหนังสือส่วนใหญ่ ปัจจุบันได้ถูกแทนที่ด้วยชิปหมดแล้ว

 

“เจอแล้ว! ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้อบิลิตี้มืด!”

 

ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส

 

มันมีอยู่จริงๆ ถึงจะแค่อันเดียวก็เถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลย

 

ฉินเฟิงใส่ชิปลงไปในอุปกรณ์สื่อสารของเขา เนื้อหาภายในมีน้อยนิดเท่านั้น แต่ก็ยังชวนให้ประหลาดใจ

 

พออ่านมาได้ถึงช่วงกลาง ฉินเฟิงก็เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

 

เพราะสถาบันระดับสูงทางตอนเหนือ เปิดมานานกว่า 50 ปีมาแล้วก็จริง แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว กลับมีผู้ใช้อบิลิตี้มืดปรากฏขึ้นเพียง 2 คนเท่านั้น

 

ผู้ใช้อบิลิตี้มืดคนแรกที่ปรากฏตัวขึ้น แข็งแกร่งชนิดต่อต้านสวรรค์ อย่างไรก็ตาม หลังจากจบการศึกษา เขาดันไปเข้าร่วมกับองค์กรต่อต้านมนุษยชาติ และกลายเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด จากนั้นไม่นานก็ถูกฆ่าตาย

 

นับเป็นความอัปยศอย่างยิ่งของสถาบันระดับสูงทางตอนเหนือ!

 

ผู้ใช้อบิลิตี้มืดคนที่สองปรากฏตัวขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน หลังจากที่เขาพบว่าตัวเองเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด เขาก็ต้องการที่จะเรียนรู้จากทางสถาบัน แต่หลังจากเข้ามา ผลปรากฏว่าทางสถาบันไม่เคยมีบันทึกใดๆเกี่ยวกับอบิลิตี้มืดเลย เขาตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เป็นอย่างนี้มาครึ่งปี สุดท้ายก็ตัดสินใจทิ้งข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้เองเอาไว้

 

【ฉันหวังว่าในอนาคต นักเรียนรุ่นน้องที่สามารถปลุกอบิลิตี้ธาตุมืดขึ้นมาได้เหมือนกัน จะช่วยกันทิ้งข้อมูลเกี่ยวกับรูนของธาตุมืดเอาไว้ที่นี่ ส่งต่อไปยังรุ่นต่อๆไป】

 

【ตามทฤษฏีแล้ว พื้นฐานของอบิลิตี้ทั้งสิบธาตุล้วนเหมือนกัน รูนที่ปรากฏก็เหมือนกัน ลักษณะก็เหมือนกัน ทว่าแต่ละสีต่างก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน และนี่คือตัวอย่างที่ง่ายดายที่สุด … 】

 

【หลังจากทำการค้นหาข้อมูลไปมากมาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันก็ค้นพบว่า อบิลิตี้ธาตุมืดน่ะแข็งแกร่งกว่าทุกธาตุจริงๆ แต่ทักษะของมันที่จะใช้สำแดงพลังออกมา กลับแตกต่างจากธาตุอื่นๆ ฉันไม่สามารถหามันพบได้เลย … 】

 

【แต่ที่ฉันรู้ได้ว่าธาตุมืดแข็งแกร่งที่สุด นั่นก็เพราะเหตุการแห่งความตายอันน่าสยดสยองเมื่อ 67 ปีก่อน หลังจากการทำลายล้างครั้งใหญ่ทางทิศตะวันออก จู่ๆก็มีชายในชุดคลุมดำปรากฏตัวขึ้นจากรอยแยกมิติ และด้วยการยื่นมือออกไป ชี้นิ้วเพียงนิ้วเดียว ปลดปล่อยลำแสงสีดำทะลุผ่านฟากฟ้า สังหารคู่ต่อสู้ผู้ใช้อบิลิตี้ระดับ S สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่หลงเหลือกระทั่งซากศพ ฉากนั้นทำให้มนุษย์เลเวล S ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกสามคนในที่นั่นถึงขั้นหวาดผวา 】

 

พอได้อ่านข้อมูลนี้ ในหัวใจของฉินเฟิงก็เต้นครึกโครม มิอาจสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานาน

 

“เพียงหนึ่งนิ้วก็ส่งตัวตนสุดแกร่งลงสู่ความตาย?”

 

ในนิ้วเดียว สามารถสังหารผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S ได้อย่างกระทันหัน อำนาจของมันจะทรงพลังถึงขนาดไหนกันนะ?

 

แล้วถ้าหากเทียบกับฉินเฟิงเล่า? ฉินเฟิงที่ครอบครองรูนมืดนับร้อยๆล้านอยู่ภายในร่างกาย หากเขาสามารถปลดปล่อยมันออกมาได้ในคราวเดียว จำนวนรูนที่ว่าจะเพียงพอต่อการใช้ทักษะหนึ่งดรรชนีสู่ความตายนี้หรือไม่?