ตอนที่ 991-992

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 991+992 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 991 เจ้ามีคนในใจแล้วใช่ไหม

ทำให้ตัวเขาก็ค่อนข้างประหลาดใจมากเช่นกัน หรือเป็นเพราะสวรรค์ไม่พอใจที่เขาเปลี่ยนตัวตนบ่อยๆ ดังนั้นจึงให้เขาแสดงบทบาทที่ยากที่สุด?

หรือจะเป็นการลงโทษที่เขาละเมิดกฎสวรรค์?

หรืออายุขัยของเขาใกล้สิ้นสุดลงแล้ว?

เขาสำรวจร่างกายอีกครั้ง ดูเหมือนพลังวิญญาณจะฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว

เลือดลมที่เดิมทีติดขัดเนื่องจากสูญสิ้นพลังวิญญาณเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาช้าๆ สงบขึ้นเล็กน้อยแล้ว…

นับตั้งแต่เขากลายสภาพเป็นอิงเหยียนนั่ว การฟื้นฟูของพลังวิญญาณก็เชื่องช้าจนน่าตกใจ ระยะเวลาครึ่งปีพอฟื้นฟูขึ้นมาก็จะหายไปทันที ทำให้ตัวเขาค่อนข้างสิ้นหวังไปหมด

แต่หลังจากเขากลายสภาพเป็นเด็กชายตัวน้อย ความเร็วในการฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับเพิ่มขึ้น…

เหมือนเห็นเช่นนี้แล้ว งทีการกลายเป็นเด็กก็มิใช่เรื่องเลวร้ายไปเสียทั้งหมด

เขาถือแส้ไว้ เอนกายพิงตัวรถแล้วนั่งสมาธิเสียเลย ไป๋เจ๋อสัตว์วิเศษที่ปลอมเป็นสิงโตเวหาอยู่ด้านหน้า ทราบสภาพภูมิประเทศขุนเขาสายธารใต้หล้านี้ดี กล่าวว่าเป็นจีพีเอสเลยก็ว่าได้ อันที่จริงไม่ต้องใช้คนบังคับมัน ก็สามารถโบยบินไปสู่สถานที่ที่เจ้านายต้องการไปด้วยตัวเองได้

….

กู้ซีจิ่วพักผ่อนอยู่ในรถครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่วางใจปล่อยคนป่วยอย่างเขาไว้ด้านนอกเพียงลำพัง จึงออกมาอีกครั้ง

มองเห็นตี้ฝูอีที่ห่อด้วยผ้าห่มขนสัตว์เอนกายพิงด้านหน้าห้องโดยสารอยู่ เป็นท่านั่งสมาธิประเภทหนึ่ง ดวงตาพริ้มลงนิดๆ ราวกับเข้าสู่ห้วงสมาธิ ใบหน้าน้อยๆ ที่เดิมทีค่อนข้างซีดขาว บัดนี้กลับมีเลือดฝาดจางๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว ดูเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ประณีตบอบบางยิ่งกว่าเดิม เห็นทีว่าความสามารถในการฟื้นฟูของเขาจะรวดเร็วยิ่ง ก่อนหน้านี้ยังไม่มีแม้แต่แรงจะเดินด้วยซ้ำ ยามนี้สามารถนั่งสมาธิได้แล้ว

เธอมองสิงโตเวหาที่อยู่ด้านหน้าอีกครั้ง จู่ๆ ก็พบว่าสิงโตเวหาตัวนี้ไม่ค่อยเหมือนสิงโตเวหาทั่วไปประเภทนั้น สีขนผุดผ่องกว่า ทั้งตัวขาวพิสุทธิ์ดุจหิมะ ขนไม่ยุ่งเลยสักเส้น

โดยทั่วไปแล้วบนใบหน้าของสิงโตเวหาล้วนมีความดุดันของผู้เป็นราชาแห่งสัตว์ร้าย แต่ใบหน้าของสิงโตตัวนี้กลับเป็นความทรงอำนาจน่าเกรงขามที่แฝงความสุภาพเอาไว้ ดวงตาสีฟ้าคราม แถมบนเปลือกตายังมีขนตายาวเป็นแพด้วย ปีกสองข้างขาวพิสุทธิ์ ไม่เร่งรีบร้อนรน มีความสง่างามอย่างหนึ่งของผู้เป็นราชัน

มันบินได้มั่นคงยิ่งนัก ต่อให้ในห้องโดยสารวางถ้วยน้ำเต็มเปี่ยมเอาไว้ก็คงไม่หกออกมา สิ่งที่หายากกว่านั้นคือ ความเร็วในการโบยบินของมันถึงแม้จะรวดเร็วพอ แต่สายลมกลับไม่นับว่ารุนแรงนัก มีเขตแดนสีขาวรางๆ รูปทรงตัววีอยู่บนร่างมันชั้นหนึ่ง ปิดกั้นสายลมทั้งหมดที่ดาหน้าเข้ามาให้พัดออกไปสองด้าน

นี่เกรงว่าจะเป็นราชาสิงโตเวหากระมัง?

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสิงโตเวหาที่อยู่เบื้องหน้าตัวนี้เก่งกาจยิ่งกว่าเพรียกวายุของตน!

ความจริงแล้วไป๋เจ๋อสนใจความเคลื่อนไหวของกู้ซีจิ่วอยู่ตลอด มันถูกเธอจ้องจนค่อนข้างขนลุกแล้ว กระดิกใบหูอย่างกระวนกระวาย มันเผยพิรุธแล้วหรือ?

กู้ซีจิ่วมองสิงโตเวหาอยู่พักหนึ่ง ครั้นพอหันกลับไป ก็เห็นว่าตี้ฝูอีลืมตาแล้ว กำลังมองเธออยู่เงียบๆ

กู้ซีจิ่วยื่นผลไม้สีน้ำเงินสุกใสลูกหนึ่งให้เขา “สิ่งนี้มอบให้เจ้า”

ตี้ฝูอีมองผลไม้ลูกนี้ไม่กี่วินาที จากนั้นก็หลุบตาลง ไม่พูดอะไรและไม่รับไว้

“อ้าว นี่คือโกรธหรือ?” กู้ซีจิ่วรู้สึกขบขันอยู่บ้าง อิงเหยียนนั่วฉบับย่อส่วนดูน่ารักนัก ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่เก็บความขุ่นเคืองอารมณ์บูดของเขามาใส่ใจ โบกผลไม้ในมือไปมา “นี่คือผลตะพุ่นน้อย เป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงพลังวิญญาณได้มาก เหมาะสมกับเจ้านะ”

ตี้ฝูอีลอบถอนหายใจ เขาย่อมรู้จักผลตะพุ่นน้อยลูกนี้ดี นี่ก็เป็นสิ่งที่เขามอบให้นางเช่นกัน ถูกนางส่งมาอย่างใจกว้างอีกแล้ว!

สรุปแล้วนางมีตัวเขาตี้ฝูอีอยู่ในใจบ้างไหม?

ตี้ฝูอีเริ่มสงสัยปัญหาข้อนี้อย่างจริงจังแล้ว

เขายังคงไม่รับผลไม้ของนางเช่นเดิม “ซีจิ่ว เจ้ามีคนในใจแล้วใช่ไหม? ดังนั้นจึงปฏิเสธข้า”

ทำไมวกกลับมาที่หัวข้อนี้อีกแล้ว?

กู้ซีจิ่วรู้สึกจนปัญญา

“ข้าได้ยินมาจากคนอื่นว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยอดเยี่ยมนัก เจ้าชอบเขาใช่ไหม? ภายหน้าจะแต่งให้เขาหรือ?”

————————————————————————————-

บทที่ 992 ไม่แน่นางอาจจะหนีไปกับคนอื่น…

“ข้าได้ยินมาจากคนอื่นว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยอดเยี่ยมนัก เจ้าชอบเขาใช่ไหม? ภายหน้าจะแต่งให้เขาหรือ?” อิงเหยียนนั่วตัวน้อยไม่ยอมเลิกรา

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีบอกว่าถ้าเธออายุสิบแปดจะมาสู่ขอเธอ เธอเคยคิดว่าเป็นเรื่องที่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่ค่อยแน่ใจแล้ว

เธอไม่ได้พบเขามาหนึ่งปีครึ่ง และเขาก็ผิดนัดด้วย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน สืบถามข่าวคราวไม่ได้เลย

เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาเขาจะมาขอจริงหรือไม่เธอก็ไม่อาจทราบได้…

เธอไม่อยากสนทนาหัวข้อนี้กับอิงเหยียนนั่ว จึงยื่นมือไปยัดผลไม้ใส่อ้อมแขนเขา “เรื่องของผู้ใหญ่เด็กน้อยอย่าได้ถามเซ้าซี้ เด็กดี กินผลไม้ลูกนี้ซะ ไม่แน่เจ้าอาจะฟื้นฟูเป็นปกติก็ได้” เอ่ยพลางหันหลังเข้าไปในห้องโดยสารอีกครั้ง

ตี้ฝูอีเงียบงัน

เขามองมือน้อยๆ ของตน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าการกลับสู่ร่างเดิมกลายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดแล้ว!

ถ้าเขายังไม่กลับร่างเดิมแล้วไปพบนางอีก ไม่แน่นางอาจจะหนีไปกับคนอื่น…

….

เส้นทางสู่หุบเขาถามสวรรค์ห่างไกลนัก อาศัยความสามารถของสิงโตเวหา ก็ต้องใช้เวลาสองวันกว่าจะไปถึง

ช่วงพลบค่ำ คนทั้งสองเข้าไปในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งเตรียมกินข้าวกินปลาพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยเดินทางต่อ

หนูน้อยอิงเหยียนนั่วร่างกายบอบบางแถมยังจุกจิกเลือกกินอีก ทั้งสองย่อมต้องเสาะหาภัตตาคารที่ดีที่สุด

ทั้งสองมาถึงไม่ค่อยถูกเวลานัก เป็นเวลาอาหารพอดี ในภัตตาคารไม่มีห้องส่วนตัวแล้ว ในโถงใหญ่เหลืออยู่เพียงโต๊ะเดียว ไม่มีทางเลือกอื่นอีก

ปัจจุบันรูปโฉมของกู้ซีจิ่วงดงามยิ่ง เรือนร่างก็ไร้ที่ติ ไม่ได้แปลงโฉม ทั้งนี้เนื่องจากเธอฝึกฝนพลังวิญญาณถึงขั้นเจ็ดแล้ว ผิวพรรณจึงเปล่งปลั่ง รอบกายแฝงรัศมีบริสุทธิ์เรียบง่าย เธอที่เป็นเช่นนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนล้วนกลายเป็นจุดสนใจของฝูงชนได้ทั้งนั้น

ส่วนตี้ฝูอียามนี้ก็งดงามประหนึ่งตุ๊กกระตากระเบื้องเคลือบ นุ่มนิ่มอ่อนเยาว์ ดวงตาใสฉ่ำวาว ทำให้คนเห็นแวบเดียวก็ไม่อาจละสายตาไปได้

คนสองคนที่เป็นเช่นนี้เดินเคียงกันเข้ามาย่อมดึงดูดสายตาของคนทั้งโถงได้ สายตามากมายมองตามพวกเขาไปตลอดจวบจนนั่งลง…

โชคดีที่ทั้งสองถูกผู้คนจับจ้องอยู่เสมอจนเคยชินแล้ว จึงไม่สนใจเรื่องนี้

ตี้ฝูอีท่องไปทั่วแผ่นนี้อยู่ตลอดปี เขาแทบจะคุ้นชินกับทุกพื้นที่แล้ว ที่ไหนมีของดีประจำท้องถิ่นอะไรมีอาหารเลิศรสอันใดเขาล้วนจำแนกได้คล่องแคล่วปานนับสมบัติในบ้านตน

แถมเขายังทราบรสชาติที่กู้ซีจิ่วโปรดปรานด้วย ดังนั้นไม่ต้องเปิดรายการอาหารก็สามารถสั่งอาหารได้ทันที

เพิ่งจะสั่งไปไม่กี่อย่าง จู่ๆ คุณชายวัยหนุ่มโบกพัดจีบคนหนึ่งก็ก้าวมาอยู่ด้านข้าง คุณชายโบกพัดจีบผู้นี้รูปโฉมหล่อเหลา แย้มยิ้มอย่างสุภาพให้กู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง “แม่นาง ข้าพเจ้าเห็นหน้าท่านแล้วรู้สึกถูกชะตา ราวกับเคยพบที่ไหนมาก่อน…”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง วิธีตีสนิทแบบนี้ชาติก่อนเธอเคยเจอมาแปดร้อยรอบแล้ว และมีภูมิต้านทานอยู่ก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจ

คุณชายโบกพัดมิได้รับการตอบสนอง ทว่าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เขาก้าวเข้าไปหาเสมียนร้านที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยสั่งว่า “แม่นางท่านนี้กับข้าพเจ้าเพียงแรกพบก็รู้สึกถูกชะตา ค่าอาหารของพี่ชายน้องสาวคู่นี้คุณชายอย่างข้าจะจ่ายเอง” แล้วหันมายิ้มน้อยๆ พูดคุยกับกู้ซีจิ่วต่อ “แม่นางสั่งได้ตามสบายเลย ข้าพเจ้าจะเป็นเจ้ามือเอง”

ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ตี้ฝูอีที่อยู่ข้างๆ ก็กะพริบตาปริบๆ พลางเอ่ยถาม “คุณชายต้องการเป็นเจ้ามือหรือ?”

คุณชายหนุ่มผู้นั้นพยักหน้า “มิผิด ข้าถูกชะตากับพี่สาวเจ้าตั้งแต่แรกพบ…”

ตี้ฝูอีตัดบทเขา “ตกลง เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว” เขาสั่งอาหารไปหลายสิบอย่าง โดยไม่มองรายการอาหารเลย ทุกอย่างล้วนเป็นอาหารขึ้นชื่อของภัตตาคารนี้ ราคาแพงเหมือนปล้นทรัพย์

คุณชายโบกพัดผู้นั้นหน้าคล้ำแล้ว ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายน้อยสั่งอาหารมากมายถึงเพียงนี้…เกรงว่าจะกินไม่ไหวเอา ฟุ่มเฟือยเกินไปคงไม่ดีเท่าไหร่…”

ตี้ฝูอีมองดูเขา “ท่านเลี้ยงไม่ไหวหรือ?”

คุณชายโบกพัดพูดไม่ออก อาหารเหล่านี้เป็นเงินถึงเจ็ดแปดร้อยตำลึง ถึงแม้เขาจะร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้พกติดตัวมามากมายปานนั้น

————————————————————————————-