“น่าตลก ฉู่เหวินสงและคนเหล่านี้ไม่ใช่เลอะเลือนแล้วเหรอ โดนเด็ก ม.ปลายหลอกแล้ว นักพรตเฒ่าเมื่อครู่นี้ น่าจะเป็นเฉินไต้ซือตัวจริง ไอ้เด็กนี่อย่างมากก็แค่จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ”

“ฉันว่าเฉินไต้ซือคนนี้ ไม่ต้องให้เจ้าสำนักกู่และไต้ซือท่านอื่นๆลงมือหรอก ฉันส่งเหล่าสมุนไม่กี่คนไปก็พอแล้ว”

“ใช่ ให้ฉันจัดการเฉินไต้ซือเอง ต่อไปฉันก็คือจางไต้ซือ ฮ่าฮ่า……..” จางเฟิงยู่ผู้มีอิทธิพลแห่งเมืองหลี่โจวใบหน้าเยาะเย้ย

ได้ยินลูกพี่ของตัวเองพูดประชดเฉินไต้ซือ พวกลูกสมุนที่ลูกพี่พามาเหล่านั้น ต่างก็หัวเราะเยาะเฉินโม่

ทันใดนั้น เกิดความโกลาหล เสียงหัวเราะ เสียงด่า คำพูดที่ไม่เข้าหูก็ตามมา

พวกฉู่เหวินสงและผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ แต่ละคนโดนด่าจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง แม้ว่าเฉินโม่จะไร้เทียมทาน แต่ก็เป็นแค่เด็กนักเรียน ม.ปลายคนหนึ่ง พวกผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ที่หนุ่มที่สุดก็อายุสี่สิบปี ตลอดจนเซวียเชียนเหอกับปู่ของเฉินโม่อายุก็พอๆกัน แต่กลับต้องมาก้มหัวทำความเคารพให้กับเฉินโม่ ช่างเหลวไหลจริงๆ

และสมุนที่พวกผู้มีอิทธิพลพามา ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เคยเห็นพลังของเฉินโม่ ถูกอีกฝ่ายด่าแบบนี้ เก็บความโมโหไว้ในใจ

พวกเขาไม่กล้าโมโหลูกพี่ของตัวเอง ทำได้แค่เอาความไม่พอใจต่างๆย้ายไปที่เฉินโม่ และเริ่มด่าทอเฉินโม่

“เฉินไต้ซือบ้าอะไรล่ะ ขายขี้หน้าชะมัด!”

“ไม่ได้ กลับไปพวกเราต้องเตือนลูกพี่ อย่าได้ถูกนักต้มตุ๋นคนนี้หลอก”

“เฮ่ย ฉันติดตามลูกพี่ฉู่ทำธุรกิจสีเทาในอู่โจว ยังไม่เคยขายขี้หน้าขนาดนี้มาก่อน!”

……

ทันใดนั้น เฉินโม่ถูกคนผู้คนชี้หน้าด่า

ซังซังและเอียนชิงเฉิงยืนอยู่ด้านหลังของคนกลุ่มนี้ ฟังคำหยาบจากปากของคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา

ในใจซังซังดูถูก: “พวกตาสุนัขชอบดูถูกคน รอให้เฉินโม่แสดงความสามารถก่อน หวังว่าพวกแกจะไม่ตกใจตาย!”

เฉินโม่ไม่เคยสนใจในเสียงเหล่านี้ ใจแห่งธรรมสงบนิ่งไม่หวั่นไหว ก้าวแรกเดินออกไป มองดูกู่เชียนซาอย่างนิ่งๆ สายตาราบเรียบ

“เห็นว่าคุณยังมีปัญญาอยู่บ้าง ที่ไม่ได้เอาชีวิตของพวกเขา ฉันจะให้โอกาสแกสักครั้ง ยอมจำนนฉันซะ หรือว่าจะตาย!”

ความโกรธทั่วใบหน้ากู่เชียนซา กำลังเตรียมจะด่า ผู้มีอิทธิพลที่ต้องการประจบสอพลอเขาเหล่านั้นได้พูดออกมาว่า: “เด็กน้อย สมองนายถูกลาเตะมาเหรอ ถึงได้กล้าพูดกับเจ้าสำนักกู่แบบนี้!”

“เจ้าสำนักกู่ จัดการกับเด็กคนนี้ ไม่จำเป็นต้องให้คุณและไต้ซืทอหลายท่านต้องลงมือ ฉันส่งลูกน้องสองคนไปจับเขา ให้เขาคุกเข่าโคกศีรษะสำนึกผิดต่อหน้าท่าน!” จางเฟิงยู่ผู้มีอิทธิพลแห่งหลี่โจวพูดพร้อมกับหัวเราะ

แววตาของกู่เชียนซายิ้มอย่างยากที่จะเข้าใจ พยักหน้าเบาๆ: “ได้ คุณไปเถอะ!”

จางเฟิงยู่ดีใจอย่างมาก เหลือบมองผู้มีอิทธิพลคนอื่นอย่างภาคภูมิใจ เลือกลูกน้องมาสองคน: “แกสองคนไปจับเด็กคนนั้นมา ให้มาคุกเข่าโคกศีรษะสำนึกผิดกับเจ้าสำนักกู่!”

ผู้มีอิทธิพลหลายท่านไม่พอใจ โอกาสดีขนาดนี้ที่จะได้แสดงความสามารถ ไม่คิดว่าจะถูกจางเฟิงยู่แย่งไปก่อน สองคนที่ใส่ชุดกีฬาสีดำ หนุ่มหน้าเข้ม รีบก้าวเดินไป หน้าจ้องไปทางเฉินโม่

“เด็กน้อย แกจะให้จับไปดีๆ หรือจะให้พวกเราลงมือ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่หัวเราเยาะเย้ยเล็กน้อย

เฉินโม่พูดเบาๆว่า: “พวกแกกลับไปเถอะ ฉันไม่อยากลงมือกับคนธรรมดา”

“โอ้โห ยังบ้าบิ่นอีก ฉันฝึกวิชาบู๊มาแปดปี ไม่ใช่คนธรรมดาตั้งนานแล้ว แกเอาแรงที่กินนมแม่ออกมาใช้เถอะ ฉันจะรอดูว่าแกจะทำอะไรฉันได้!”ชายวัยรุ่นอีกคนที่ใส่ถุงมือสีดำ ไว้ทรงผมสกินเฮดสไตล์เหมือนกันพูดเยาะเย้ยออกมา

“รนหาที่ตาย!”

เฉินโม่พูดออกมาเบาๆไม่กี่คำ ได้ซัดฝ่ามือหนึ่งออกไปทำให้ชายหนุ่มนั่นลอยออกไป

เหตุเกิดขึ้น เพียงพริบตา เห็นเพียงเงาหนึ่งลอยผ่านไป จากนั้นคนที่เรียกตัวเองว่าฝึกวิชาบู๊มาแปดปีก็ลอยออกไป เฉินโม่ยืนอยู่นิ่งๆอยู่กับที่