เล่มที่ 10 บทที่ 295 ใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

นี่คือกลอุบาย!

หลินเมิ้งหยารีบหันไปมองฮองเฮา ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายจ้องนางด้วยสายตาตื่นตะลึง มีเพียงไท่จื่อเท่านั้นที่เก็บซ่อนความสะใจเอาไว้ไม่มิด หลินเมิ้งหยาจึงเข้าใจได้ในที่สุด

“ใช้ได้นี่ชายาอวี้! เมื่อครู่ทุกท่านคงได้ยินหมดแล้วว่ามือสังหารพูดว่าอะไร ชายาอวี้! เพราะเหตุนี้ท่านอ๋องจึงไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างนั้นสินะ นั่นก็เพราะเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งหมดเป็นแผนการของเขา!”

ยังไม่ทันที่หลินเมิ้งหยาจะไหวตัวทันก็มีคนโยนความผิดให้กับนาง

ทว่านางกลับมีท่าทีเหนือความคาดหมายของทุกคน

นางไม่ปฏิเสธ ไร้ซึ่งท่าทางตื่นตระหนก ยิ่งไปกว่านั้นยังพินิจพิจารณาศพบนพื้นอย่างละเอียด

“เป็นอะไรไป? เขาตายไปแล้ว เจ้าคิดจะทำลายหลักฐานอย่างนั้นหรือ? ฮองเฮา พวกเราจับตัวนางไปขังเถิด จะได้ชำระแค้นให้กับญาติพี่น้องที่ตายไป”

“แม้เขาจะตายไปแล้ว แต่เบาะแสยังคงอยู่ ข้าเพียงแค่มองศพเท่านั้น หาได้ทำลายหลักฐานแต่อย่างใดไม่ หรือเจ้ากลัวว่าข้าจะพบเจอสิ่งใดอย่างนั้นหรือ?”

หลินเมิ้งหยาตอบโต้กลับไป

แต่คนคนนั้นยังไม่ยอมแพ้และยังคงสาดน้ำลายกล่าวใส่ร้ายป้ายสีหลินเมิ้งหยา

“ชายาอวี้ เจ้าอย่าได้หาข้ออ้างอีกเลย พวกเราได้ยินสิ่งที่เขาพูดหมดแล้ว เขาทำสิ่งที่ท่านอ๋องรับสั่งไม่สำเร็จ ต่อให้เขาเป็นหมาบ้า แต่เพราะเหตุใดจึงพุ่งเข้ามาหาเจ้ากันเล่า?”

หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่าหลินเมิ้งหยาเป็นผู้วางกลอุบายเหตุการณ์ในคราวนี้ แต่ทว่านางกลับหมุนตัวแล้วหันไปมองไท่จื่อและฮองเฮา

“อันที่จริงหมู่โฮ่วคงมีความเห็นในใจแล้ว เมื่อครู่ตอนที่องครักษ์จะสังหารเขา แต่กลับร้องห้ามและปล่อยให้เขาตะเกียกตะกายมาหาข้า ถูกต้อง ก่อนเขาตายเขาเรียกชื่อข้า แต่นั่นเป็นหลักฐานว่าข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ การลอบสังหารในคราวนี้อุกอาจยิ่งนัก แต่เพราะเหตุใดก่อนที่เขาจะตาย เขาจึงหันมาแว้งกัดเจ้าของเล่า? ท่านอ๋องจะโง่เขลาถึงขนาดวางแผนลอบสังหารและสุดท้ายแล้วเมื่อเขาจะตายก็สั่งให้เขาโยนความผิดมาให้จวนอวี้กระนั้นหรือ? หมู่โฮ่ว หม่อมฉันขอร้องพระองค์ได้โปรดตรวจสอบความจริงและมอบความบริสุทธิ์ให้จวนอวี้ด้วยเพคะ”

ไม่ว่าหลงเทียนอวี้จะเป็นผู้สั่งการหรือไม่ หลินเมิ้งหยาไม่มีทางยอมรับง่ายๆ อย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่คนๆ นั้นราวกับได้ช่วยหลงเทียนอวี้เอาไว้

ไม่รู้ว่ายอดฝีมือท่านไหนกันที่สร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมา

“เอาล่ะ เปิ่นกงจะตัดสินเรื่องนี้เอง เขาก็แค่มือสังหารคนหนึ่งเท่านั้น เรามิอาจเชื่อถือได้ บางทีเขาอาจต้องการใส่ร้ายอวี้เอ๋อร์ก็เป็นได้ เรื่องนี้เปิ่นกงจะตรวจสอบให้ชัดเจนและประกาศให้ทุกคนได้รับรู้”

ฮองเฮายังคงเป็นฮองเฮาคนเดิม หลังจากปลอบโยนหลินเมิ้งหยาแล้ว นางแสดงความคิดเห็นที่หลินเมิ้งหยาทำได้เพียงพยักหน้ารับ

“ทูลหมู่โฮ่ว การลอบสังหารในคราวนี้ทำให้ญาติพี่น้องล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เพราะเหตุใดก่อนที่มือสังหารจะตาย เขาจึงพยายามกัดฟันพูดเช่นนั้นกับชายาอวี้เล่า? เรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน เช่นนั้นพวกเราคุมตัวชายาอวี้เพื่อรอการไต่สวนก่อนมิดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ไอ้ไท่จื่อบ้านี่! หลินเมิ้งหยาก่นด่าเขาในใจ

ทว่าสีหน้ายังคงเป็นปกติดังเดิม ดูเหมือนไท่จื่อจะอยากใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อลงโทษนาง

“คงทำเช่นนั้นไม่ได้ การปลอบโยนญาติพี่น้องเกี่ยวเนื่องกับหน้าตาของราชวงศ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชายาอวี้เองก็นับเป็นคนของราชวงศ์ คำพูดเพียงประโยคเดียวของมือสังหารไม่มีค่าพอที่จะคุมขังชายาอวี้ได้ หากคุมขังชายาอวี้แล้วล่ะก็ เหล่าราษฎรคงคิดว่าเหล่าเชื้อพระวงศ์โง่เขลาเบาปัญญา ไม่ตรวจสอบความผิดให้ดีและใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์”

หลินเมิ้งหยาตื่นตะลึง เหตุเพราะประโยคเหล่านี้ออกจากปากของคนที่หลินเมิ้งหยาไม่รู้จัก

ชายคนนี้แต่งกายงดงามราวผู้หญิง ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น ท่าทางเหมือนนักปราชญ์

ฮองเฮาชำเลืองมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะผงกศีรษะลง

เมื่อหันมาสบตากับนาง ชายคนนั้นทำเพียงพยักหน้าให้ โดยมิเอ่ยอันใดออกมา

“อ๋องเซิ่นกล่าวถูกต้องแล้ว เปิ่นกงจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียด หากแต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากชายาอวี้ คาดว่าชายาอวี้คงไม่ปฏิเสธ เช่นนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ก่อนที่เรื่องราวจะถูกตรวจสอบอย่างชัดเจน เจ้าเข้ามาพักอาศัยในวังหลวงชั่วคราว เปิ่นกงได้ยินมาว่าเจ้ามีความสามารถทางการแพทย์ เหล่าขุนนางเสนอเปิ่นกงอยู่หลายครั้งให้เจ้าเข้าวังมารักษาพระอาการประชวรของฮ่องเต้ การเข้ามาในวังหลวงคราวนี้ หนึ่งเพื่อช่วยเปิ่นกงตรวจสอบเรื่องนี้ สองเพื่อรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกกังวลใจ นางได้ยินหลงเทียนอวี้เล่าว่าฮองเฮามิยินดียินร้ายเรื่องที่จะส่งนางเข้าวัง

แม้จะไม่ปฏิเสธ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเห็นด้วย

แต่เหตุใดคราวนี้นางจึงตอบตกลงง่ายๆ เล่า?

ตอนนี้ความสนใจของทุกคนตกอยู่ที่นาง หากนางปฏิเสธก็อาจทำให้ทุกคนสงสัย

“เพคะ หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชา เพียงแค่หม่อมฉันยังมีของที่ต้องกลับไปเตรียม ฮองเฮาได้โปรดอนุญาตให้หม่อมฉันกลับไปเก็บของเข้าวังด้วยเถิดเพคะ”

ฮองเฮาหยักยิ้ม

“ของเหล่านั้นปล่อยให้สาวใช้ของเจ้าไปเอามาเถิด ตอนนี้ร่างกายของเสด็จพ่อเจ้าไม่แข็งแรง คืนนี้ยังต้องพบเจอกับเรื่องตื่นตระหนก เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้สาวใช้ของเจ้าจงกลับไปที่จวน ส่วนเจ้าอยู่ที่วังหลวง อย่าทำให้เปิ่นกงผิดหวังเลย”

คำพูดนี้เหมือนเป็นการปฏิเสธมิให้นางออกจากวังหลวง

ดูเหมือนจะกลัวนางหนีไปใช่หรือไม่?

หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ ฮองเฮายังคงดูถูกนางเสมอ

แต่ก่อนนางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าวังหลวงและรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฮองเฮาจึงเปลี่ยนใจ แต่นางมั่นใจว่าฮองเฮาจะต้องวางกลอุบายบางอย่างเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน หรือไม่ก็คิดหาวิธีเอาชีวิตนางได้แล้ว

ดี เช่นนั้นนางก็จะอยู่ที่นี่และเป็นคู่ปรับให้นางเอง

“เพคะ หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชา”

ฮองเฮาผงกศีรษะลงด้วยความพึงพอใจ ตอนนี้ร่างของพระญาติถูกเคลื่อนย้ายออกไปหมดแล้ว ความอันตรายหมดสิ้นไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังไร้วี่แววของหลงเทียนอวี้

หลินเมิ้งหยาสงบสติอารมณ์ ไม่ว่าใครจะพูดกล่าวหาเช่นไร แต่นางยังคงสั่งห้ามสาวใช้ของตนเองมิให้ตอบโต้

มีหลายคนที่เปลี่ยนแปลงความคิดและมั่นใจว่านางจะต้องถูกใส่ร้ายอย่างแน่นอน

มีเพียงเหล่าพระญาติที่คนในครอบครัวถูกฆ่าตายเท่านั้นที่มองนางด้วยความโกรธแค้น

นางไม่สนใจพวกเขาก็เพียงพอแล้ว คนที่รักต้องมาตายต่อหน้า จะโกรธก็มิใช่เรื่องแปลก ตอนนี้พวกเขาคงไม่คิดให้อภัยอย่างแน่นอน

“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ท่านอ๋องกลับมาแล้ว”

นอกตำหนัก ไม่รู้ว่าเสียงของใครร้องตะโกนออกมา

จากนั้นร่างสูงโปร่งพลันปรากฏต่อหน้าทุกคน

เสมือนก้อนหินที่ทับหัวใจอยู่ถูกยกออก

เขามิได้สวมชุดเกราะ แต่กลับสวมใส่ชุดพิธีการที่ขาดรุ่งริ่ง หน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ ราวกับเพิ่งไปทำบางสิ่งบางอย่างมา

เมื่อกลับมาถึงตำหนักฉงชิ่ง เขาเห็นพื้นที่เต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น

แต่หลังจากเห็นว่าหลินเมิ้งหยาปลอดภัย หัวคิ้วของเขาจึงคลายลง

“หมู่โฮ่วได้โปรดลงโทษ กระหม่อมมาช้าไป เมื่อครู่กระหม่อมได้รับข่าวว่าตำหนักชิงกงถูกไฟไหม้ ดังนั้นจึงรีบไปดับไฟเพื่อช่วยชีวิตเสด็จพ่อ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกคนเลวเหล่านั้นจะกระทำการอุกอาจเช่นนี้ หมู่โฮ่วได้โปรดให้อภัยกระหม่อมที่มาช้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

คำพูดของหลงเทียนอวี้ทำให้พวกปากมากทั้งหลายสงบปากสงบคำลง

ตำหนักชิงกงถูกวางเพลิงก่อน จากนั้นตำหนักฉงชิ่งก็ถูกลอบสังหาร

หากเมื่อครู่หลงเทียนอวี้อยู่ในตำหนักด้านข้าง เช่นนั้นเขาจะต้องรู้ข่าวการลอบวางเพลิงก่อนอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อลองมองร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขาแล้ว ดูเหมือนจะเป็นบาดแผลอันเกิดจากไฟไหม้อย่างแท้จริง

หลินเมิ้งหยารีบกล่าวต่อ

“หมู่โฮ่ว เช่นนั้นตามตัวองครักษ์ที่เข้าไปช่วยดับไฟมาดีหรือไม่เพคะ พวกเรามัวแต่ตกใจจนลืมสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นกับตำหนักชิงกง ความปลอดภัยของฮ่องเต้ย่อมหมายถึงความสงบสุขของต้าจิ้นนะเพคะ”

ตอนแรกฮองเฮาอยากทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก

แต่เมื่อหลินเมิ้งหยาเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา นางจึงจำเป็นต้องตามคนเข้ามาสอบถาม มิเช่นนั้นจะเป็นการละเลยต่อฮ่องเต้

ทว่าไท่จื่อกลับเริ่มกระวนกระวาย หากเป็นเช่นนั้น ความผิดที่โยนให้หลงเทียนอวี้ก็จะสูญเปล่า

แต่แม้เขาจะอยากร้องห้าม ทว่าเขากลับพูดไม่ออก

หากเขาเอ่ยออกมา หลินเมิ้งหยาอาจจะอาศัยโอกาสนี้ป้ายความผิดให้กับเขา

ดังนั้นจึงทำได้เพียงมองหมู่โฮ่วส่งคนไปตามทหารองครักษ์มาสอบสวน

เหล่าองครักษ์เองก็มีสภาพเดียวกับหลงเทียนอวี้ ลำตัวแปดเปื้อนไปด้วยเขม่าควัน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แต่ดูเหมือนสภาพของหลงเทียนอวี้จะดีกว่าพวกเขามาก

“กระหม่อมมาช้าเกินไป เหนียงเหนียงได้โปรดลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

องครักษ์รีบถวายคำนับ ไม่มีใครคาดคิดว่าวันนี้จะเกิดการก่อกบฏขึ้น

พวกองครักษ์ที่ดับไฟเรียบร้อยแล้วรีบมาช่วยเหลือทางฝั่งตำหนักฉงชิ่งทันที

“พวกเจ้าจะมีความผิดได้อย่างไร? การปกป้องฮ่องเต้คือหน้าที่ของพวกเจ้า ลุกขึ้นเถิด เล่าให้เปิ่นกงฟังหน่อยว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับตำหนักชิงกง? มีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

หลินเมิ้งหยาหันไปมองฮองเฮาด้วยความประหลาดใจ มีแต่คนเล่าว่าฮองเฮาและฮ่องเต้อภิเษกสมรสตั้งแต่เด็ก

หลังจากฮ่องเต้ขึ้นครองบังลังก์ ฮองเฮาได้ปกครองวังหลัง แม้จะมีสนมมากมาย แต่ฮ่องเต้กลับยังมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อฮองเฮาเสมอมา

แต่ทว่าคำถามถึงฮ่องเต้ที่หลุดจากปากฮองเฮาไม่เหมือนคนที่เป็นคู่รักเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงของนางไร้ซึ่งความกังวล ราวกับนางกำลังถามถึงคนแปลกหน้า

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ทูลเหนียงเหนียง ไฟไหม้เพียงหน้าตำหนักเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ มิได้ลุกลามไปถึงที่ประทับของฮ่องเต้”

ฮองเฮาพยักหน้าลง ก่อนจะถามอีกไม่กี่ประโยคแล้วปล่อยให้ทหารองครักษ์ไปทำแผล

เพียงคำบอกเล่าไม่กี่ประโยคขององครักษ์ก็สามารถเป็นหลักฐานให้กับหลงเทียนอวี้ได้ว่าเขาไปช่วยทุกคนดับไฟจริง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีความกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง