บทที่ 295 เทพธิดาหอยพวกนั้น...นุ่มมาก

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 295 เทพธิดาหอยพวกนั้น…นุ่มมาก

รถลากเก้ามังกรเร็วจนน่าตกใจ

ในสองวันสั้นๆ จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ช้ามมาครึ่งเขตแดน มาถึงทะเลเหนือ

ในสองวันนี้ เสิ่นเทียนไม่ค่อยเห็นราชามังกรดำเท่าไร ได้ยินองครักษ์เทพมังกรพวกนั้นบอกว่าเหมือนราชามังกรกำลังปิดด่านบำเพ็ญ

ส่วนจะปิดด่านบำเพ็ญจริงหรือไม่ นั่นมีแค่เอ๋าเย่ที่รู้

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ คนที่เดินทางไปทะเลเหนือไม่ได้มีเพียงเสิ่นเทียน

ยังมีโอรสสวรรค์ที่ทำสัญญาเทพมังกรกับเผ่ามังกรดำอีกคน…ฉีเซ่าเสวียน ครั้งนี้ก็ขึ้นรถลากเก้ามังกรไปด้วย

ฉีเซ่าเสวียนเป็นสหายทำสัญญากับเอ๋าอู จึงมีสิทธิ์เข้าเกาะดาราเบิกฟ้า

เดิมทีเอ๋าปิงไม่ค่อยยินดีกับเรื่องนี้นัก ถึงอย่างไรในมุมมองของเอ๋าปิง ฉีเซ่าเสวียนก็ไม่โดดเด่นพอเมื่อเทียบกับเสิ่นเทียน พันธมิตรของเผ่ามังกรมีเสิ่นเทียนคนเดียวก็พอ เจ้าฉีเซ่าเสวียนนี่มีความสามารถน้อย แต่อวดดีมากกว่า

สารภาพตามตรง เอ๋าปิงไม่ชอบเลย

แน่นอนว่าเผ่ามังกรย่อมให้ความสำคัญกับท่าทีของเอ๋าปิง

ขณะที่เกาะมังกรดำจะโน้มน้าวให้ฉีเซ่าเสวียนถอยนั้น ตอนนี้เองเสิ่นเทียนเป็นคนพูดขึ้น

เขาพูดขอร้องกับเอ๋าปิง ถึงทำให้เอ๋าปิงยอมอนุญาตให้ฉีเซ่าเสวียนดำรงตำแหน่งพันธมิตรของเผ่ามังกรต่อไป

นี่ทำให้ฉีเซ่าเสวียนซึ้งใจมาก นับถือในน้ำใจของเสิ่นเทียน

สมกับเป็นคู่ต่อสู้ที่แซ่ฉียอมรับ ยิ่งใหญ่จริงๆ!

แซ่ฉี ยินดีจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าไปชั่วชีวิต!

หากฉีเซ่าเสวียนรู้ว่าตนในสายตาเสิ่นเทียนเป็นเพียงผักกุยช่ายต้นใหญ่ ก็ไม่รู้จะคิดอย่างไร

บุตรแห่งโชคที่มีวงรัศมีสีม่วงอมทอง จะต้องได้มหาโชคลิขิตในเกาะดาราเบิกฟ้าแน่นอน

…………

สองวันผ่านไปในพริบตา ไม่นานรถลากเก้ามังกรก็เข้าสู่ส่วนลึกของทะเลเหนือ มาหยุดอยู่หน้าเกาะยักษ์แห่งหนึ่ง

เกาะนี้ใหญ่มหึมายิ่ง ถ้าจะบอกว่าเป็น ‘เกาะ’ สู้บอกว่าเป็นแผ่นดินใหญ่ที่ลอยอยู่บนทะเลดีกว่า!

มองเกาะนี้แวบแรก เชื่อมกับผืนฟ้าทะเลเป็นเส้นเดียว แทบจะมองไม่เห็นขอบเขต

คำนวณคร่าวๆ ต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อยหลายหมื่นลี้

และที่สำคัญกว่านั้นคือภายนอกเกาะมังกรดำแห่งนี้มีค่ายกลลึกลับปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง

ค่ายกลนี้ห่อหุ้มเกาะมังกรไว้ แยกออกจากโลกภายนอกลับๆ เหมือนอยู่ในอีกมิติหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่ามีวิธีการต่างกันแต่ผลลัพธ์เหมือนกันกับ ‘โลกเล็ก’ ของแดนศักดิ์สิทธิ์

ทั้งเกาะมังกรดำพร้อมหนีเข้าไปในมิติได้ทุกเมื่อ

รถลากเก้ามังกรเปล่งแสงสายหนึ่งก่อนจะหลอมรวมเข้าไปในผนึกพื้นผิวของเกาะมังกรดำ แสงหม่นบนพื้นผิวเกาะพลันแตกออกช้าๆ

รถลากเก้ามังกรยักษ์บินเข้าไปในเกาะมังกรดำผ่านช่องผนึก ก่อนมาหยุดอยู่หน้าวังผลึก

วังผลึกวังนี้แกะสลักด้วยหินหยกใสแวววาว เปล่งประกายระยิบระยับ

มองจากแค่ลักษณะก็ดูสวยงามยิ่งกว่าวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสียอีก

“หมื่นปีผ่านไปแล้ว เกาะมังกรนี่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาก”

เอ๋าปิงแบกน้ำเต้าสุรายืนอยู่หน้ารถลากเก้ามังกรอย่างโอหัง พูดวางมาดอาวุโส

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ถึงจะรู้ดีว่าเจ้านี่มีอายุหมื่นปีกว่า พูดเช่นนี้ไม่ผิด แต่เห็นเด็กน้อยที่สูงไม่ถึงหน้าอกเขาพูดจาด้วยน้ำเสียง ‘ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน’ แล้ว ก็ยังทำให้เขาปวดหัว

“วังผลึกทะเลเหนือประณีตสวยงามจริงๆ ทำให้แซ่ฉีได้เปิดโลกกว้างแล้ว”

ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูเดินออกมาจากห้องลับ มองวังผลึกพลางรู้สึกปลงอนิจจัง

ทุกคนรู้ว่าทะเลเหนือมีเขตแดนทะเลไร้ที่สิ้นสุด ในนั้นมีของหายาก สมบัติแปลกและแหล่งแร่ธาตุก้นทะเลมากมาย มูลค่าไม่อาจประเมินค่าได้

เผ่ามังกรที่เป็นพี่ใหญ่ของทะเลเหนือยังมีชื่อเสียงเรื่องความร่ำรวย ไม่อาจจินตนาการได้เลย

ต่อให้เป็นบุตรแห่งโชคอย่างฉีเซ่าเสวียนก็ยังตกตะลึงกับความมั่งคั่งของเผ่ามังกร

“เป็นแค่ของนอกกายเท่านั้น สำหรับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงแล้ว ทรัพยากรธรรมดาพวกนี้ไม่มีความหมายเลย”

ร่างสูงใหญ่ของเอ๋าเย่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน มองวังผลึกกับเผ่ามังกรมากมายด้วยแววตามืดหม่น

ความร่ำรวยของเผ่ามังกรเป็นที่ยอมรับจากขุมอำนาจทั้งหมดของห้าดินแดนแล้ว

แต่นั่นแล้วอย่างไร

สมบัติสุดยอดสูงสุดที่แท้จริงไม่อาจใช้ศิลาวิญญาณหรือผลึกวิญญาณซื้อได้ มีเงินแต่ก็หาซื้อไม่ได้

ผู้แข็งแกร่งสูงสุดที่แท้จริงยิ่งไม่อาจกองขึ้นด้วยทรัพยากร พรสวรรค์และสายเลือดสำคัญกว่าอะไร

ก็เหมือนกับเขาเอ๋าเย่ มีเพียงสายเลือดมังกรระดับแปด แม้จะฝึกฝนอย่างหนักมาพันปีก็ยังยากจะทะลวงพลังไปได้

แต่คอขวดเช่นเดียวกัน เอ๋าปิงที่มีสายเลือดมังกรระดับเก้าอาจจะแค่ต้องปิดด่านบำเพ็ญร้อยปีก็จะทะลวงไปได้อย่างง่ายดาย

เผ่ามังกร พรสวรรค์และสายเลือดสำคัญอย่างยิ่ง

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดฐานะของเอ๋าปิงถึงสูงส่งเช่นนี้

“ท่านป้าเอ๋าปิง ท่านพ่อเตรียมต้นกำเนิดมังกรจำนวนมากไว้ให้ท่านแล้ว ขอแค่ท่านตั้งใจฝึกฝน ไม่นานจะต้องฟื้นกลับมาในสภาพสมบูรณ์แน่นอน”

เอ๋าเย่มองเอ๋าปิง ในแววตาเต็มไปด้วยการเฝ้ารอคอย

ขอแค่ท่านป้าเอ๋าปิงฟื้นกลับมาในสภาพสมบูรณ์ ไม่นานเผ่ามังกรก็จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง!

เอ๋าปิงมองเสิ่นเทียน “ปิดด่าบำเพ็ญน่าเบื่อ เสิ่นเทียน ถ้าไม่เช่นนั้นเจ้าก็ปิดด่านบำเพ็ญเป็นเพื่อนข้าเถอะ!”

เอ๋าเย่มุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนรีบพูด “ท่านป้าอย่าใจร้อน บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีโชควาสนาของเขา เผ่าเราจะไม่เอาเปรียบเขาแน่นอน ท่านป้าเองก็ต้องไปเกาะดาราเบิกฟ้า รู้ว่าบนเกาะมีมหาโชคลิขิตตั้งเท่าไร หากพลาดไปก็น่าเสียดายเกินไป”

เช่นนั้นเองรึ

เอ๋าปิงครุ่นคิด ก่อนจะยื่นมือไปทางเสิ่นเทียนด้วยความอาลัยอาวรณ์ “เช่นนั้นเจ้าก็เอาสุราเซียนมาให้ข้าสักสองสามร้อยชั่งก่อน”

เสิ่นเทียนพูดไม่ออก

ปิดด่านบำเพ็ญยังต้องดื่มสุราด้วยหรือ

อีกทั้งดูจากสภาพคออ่อนของเอ๋าปิงตอนนี้ ไม่ไหวจริงๆ

เกิดดื่มและธาตุไฟเข้าแทรกขึ้นมาจะทำอย่างไร ดื่มสุราไม่ปิดด่านบำเพ็ญ ปิดด่านบำเพ็ญไม่ดื่มสุรา ไม่รู้หรือ

เสิ่นเทียนนำสุราเซียนสิบกว่าไหออกมาจากในแหวนเวหา ก่อนพูดด้วยความจำใจ “ค่อยๆ ดื่ม ข้าเองก็มีสุรานี่เหลือไม่เยอะแล้ว”

ใช่ว่าไม่เยอะ ที่สำคัญกว่านั้นคือเสิ่นเทียนบ่มเองไม่เป็น

เจ้านี่ดื่มหนึ่งไหหมดไปหนึ่งไห แทบจะไม่มีมาอีก

เสิ่นเทียนคิดอยู่ว่าสักวันหนึ่งจะเรียนบ่มสุรา จากนั้นคั้นตัวเองมาบ่มดีหรือไม่

ไม่รู้ว่าของเหลวเถากลืนกินเซียนของเขาเอง บ่มเป็นสุราแล้วจะได้รสชาติดั้งเดิมหรือไม่

……………..

เอ๋าปิงรับสุราเซียนมา ก่อนจะไปปิดด่านฝึกบำเพ็ญด้วยความพอใจ

เอ๋าเย่โล่งอกเช่นกัน มองเสิ่นเทียนด้วยแววตามืดหม่น มองจนคนข้างหลังขนลุก

ผ่านไปนาน เอ๋าเย่ก็เค้นรอยยิ้มออกมานิดๆ “เอ๋าอู ช่วงนี้ข้าตระหนักรู้อะไรมาได้ ต้องปิดด่านบำเพ็ญ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เดินทางมาไกล ทั้งยังเป็นสหายทำสัญญากับท่านป้า วัดตามการแบ่งรุ่นอาวุโสแล้ว เจ้าน่าจะต้องเรียกเขาว่าท่านปู่น้อย

ครั้งนี้เกาะดาราเบิกฟ้าเปิดให้เข้าไปผจญภัย เจ้าเข้าไปกับฉีเซ่าเสวียน เช่นนั้นเจ้ากับฉีเซ่าเสวียนก็ต้อนรับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แทนพ่อแล้วกัน!”

เมื่อพูดจบ เอ๋าเย่หยิบป้ายคำสั่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ

ป้ายคำสั่งนี้เป็นสีดำทุกส่วน ด้านหน้าแกะสลักมังกรเทพสีดำตัวหนึ่ง ด้านหลังเป็นสามคำใหญ่ ‘เกาะมังกรดำ’

เอ๋าเย่ส่งป้ายคำสั่งให้เสิ่นเทียน “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ นี่คือป้ายคำสั่งมังกรดำทะเลเหนือข้า เห็นป้ายนี้จะเหมือนพบข้า หากเจ้าเจอขุมอำนาจที่ไม่เข้าตาหยาบคายใส่เจ้าในทะเลเหนือ ก็แสดงป้ายคำสั่งนี้ไปได้เลย เกาะมังกรดำข้ายังพอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง ปกติจะแก้ไขปัญหาได้”

ป้ายคำสั่งอีกแล้วหรือ

เสิ่นเทียนอึ้งไป ถ้านับรวม ‘ป้ายคำสั่งเสียงอัสนี’ ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีส่งมาให้ก่อนหน้านี้ กับ ‘ป้ายคำสั่งธารหยก’ ของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก นี่เป็นชิ้นที่สามแล้ว

ทำไม มอบบัตรผ่านให้ข้าหรือ

แต่จะแขวะก็แขวะไป อีกฝ่ายให้เกียรติก็ต้องรับไว้

โดยเฉพาะในทะเลเหนือ ทุกที่มีแต่เผ่าอสูรทะเล เผ่าอสูรทะเลบางพวกก็ไม่ค่อยเป็นมิตรกับเผ่ามนุษย์เท่าไร

การรับป้ายคำสั่งมังกรดำนี่จะลดปัญหาไปได้ นี่ถือว่าราชามังกรดำมีเจตนาดีแล้ว

เสิ่นเทียนรับป้ายคำสั่งมังกรดำไว้ “ท่านราชามังกรลำบากแล้ว เสิ่นเทียนขอขอบคุณด้วย”

……

“ถ้าเช่นนั้น ข้าไปปิดด่านบำเพ็ญก่อน เอ๋าอู พาท่านปู่น้อยของเจ้าไปเดินเล่น ทำความคุ้นเคยกับทิวทัศน์ของทะเลเหนือหน่อย”

พูดจบแล้วเอ๋าเย่ก็กลายเป็นเงามังกรหายไปต่อหน้าทุกคน อืม ไม่รีบเลยสักนิด

ทิ้งไว้เพียงเอ๋าอูกับฉีเซ่าเสวียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจ มองเสิ่นเทียนอย่างผู้บริสุทธิ์

เสิ่นเทียนย่อมรู้ว่าพวกเขาว้าวุ่นใจอะไร

เดิมทีก็ยึดถือหลักการ ‘ทำดีกับผู้อื่น เจ้าดีข้าก็ดีด้วย’ อยู่แล้ว เสิ่นเทียนจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “สหายฉี น้องเอ๋าอู เราอายุไล่ๆ กัน ถึงตามกฎของสัญญาเทพมังกร แซ่เสิ่นน่าจะรุ่นเดียวกับพี่สาวปิง แต่เช่นนั้นก็เท่ากับแซ่เสิ่นแก่มาก

นับจากนี้ไปก็ต่างคนต่างเรียกแล้วกัน ข้าเรียกเอ๋าปิงว่าพี่สาว พวกเจ้าก็เรียกนางว่าท่านย่า แต่พวกเจ้ากับแซ่เสิ่น เรียกกันเป็นพี่น้องปกติดีหรือไม่”

เกาะดาราเบิกฟ้ากำลังจะเปิดแล้ว เสิ่นเทียนยังหวังจะให้เอ๋าอูพาตนไปรู้จักกับโอรสสวรรค์เผ่าทะเลพวกนั้นอยู่!

แบบนี้ ‘ยอดค่ายกลดวงชะตาบุตรศักดิ์สิทธิ์’ ของเขาถึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เกี่ยวดองกับโอรสสวรรค์เผ่าทะเลพวกนั้นได้ดีกว่าเดิม

หากไม่เช่นนั้น ด้วยมุมมองของสัตว์อสูรเผ่าทะเลมากมายที่เป็นศัตรูกับเผ่ามนุษย์แล้ว แค่เสิ่นเทียนปรากฏตัวก็อาจจะถูกปิดล้อมทุบตีได้ ต่อให้ไม่ถูกปิดล้อม ก็ยากจะได้รับความเชื่อใจ

หากให้เอ๋าอูกับฉีเซ่าเสวียนเรียกตนว่าท่านปู่น้อยต่อไป เจ้าสองคนนี้ยังไม่ทันเจอหน้าเขาจะไม่หลบเลี่ยงไปพันลี้หรือ

ถึงตอนนั้นเขาจะตัดต้นกุยช่ายอย่างไร

เสิ่นเทียนมีจิตวิญญาณของชาวสวนผัก จะต้องดูแลผักกุยช่ายอย่างดี

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เมื่อเสิ่นเทียนเอ่ยอย่าง ‘เข้าอกเข้าใจผู้อื่น’ เอ๋าอูกับฉีเซ่าเสวียนพลันมีสีหน้าดีขึ้นไม่น้อย

เอ๋าอูกระแอมไอเบาๆ “แค่กๆ พี่เสิ่นเทียน แบบนี้ไม่ดีกระมัง! หากท่านพ่อกับท่านย่ารู้ คงจะไม่พอใจ”

เสิ่นเทียนแบะปาก “เจ้าไม่พูดข้าไม่พูด บิดาเจ้าจะรู้ได้อย่างไร ส่วนพี่สาวปิง เจ้าคิดว่านางชอบที่ได้ยินพวกเจ้าเรียกนางว่าท่านย่าจริงๆ รึ ตอนนี้นางนิพพานเกิดใหม่ อยากจะให้ทุกคนมองนางเป็นหญิงมังกรน้อยใจจะขาด!”

เอ๋าอูพูดไม่ออก

ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออก

พูดมีเหตุผลที่สุด!

ขอแค่ทุกคนไม่พูด ใครจะรู้ว่าพวกเราตกลงกันลับๆ อย่างไร

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ ไม่กดขี่คนอื่นแม้แต่น้อย มิน่าถึงได้โด่งดังเช่นนี้

เอ๋าอูมองเสิ่นเทียน นัยน์ตามีประกายเลื่อมใสรางๆ โอรสสวรรค์แข็งแกร่งเช่นนี้ หน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ นิสัยยังเป็นกันเองเช่นนี้ ไม่แปลกที่จะได้รับการยอมรับจากท่านย่า

“ตกลง พี่เสิ่นเทียน เอ๋าอูเข้าใจแล้ว! พี่เสิ่นเทียนน่าจะเพิ่งมาทะเลเหนือครั้งแรกกระมัง! ข้าจะพาพวกท่านไปที่ดีๆ!”

เอ๋าอูพูดพลางแสยะปาก ก่อนหยิบหอยสังข์เล็กสีทองอันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วบรรเลงดังฮูๆๆ

เมื่อเป่าสังข์ดัง ‘ฮูๆ’ ไม่นานก็ปรากฏสี่ร่างขึ้นไกลๆ ก่อนจะพุ่งทะยานมาทางพวกเสิ่นเทียน

……

“องค์ชายเจ็ด รีบร้อนเรียกพวกเรามาเช่นนี้ มีเรื่องใดหรือ”

คนที่อยู่หน้าสุดของสี่ร่างเป็นบุรุษชุดคลุมขาว ใบหน้ามีรอยยิ้ม สุภาพเรียบร้อย ดูมีกลิ่นอายของปัญญาชนเล็กน้อย

สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงคือ ช่วงล่างของบุรุษชุดคลุมขาวไม่ใช่สองขามนุษย์ แต่เป็นหนวดหมึกสีขาวแปดเส้น

หนวดแปดเส้นนี้ขยับไปมาบนผิวน้ำ ทำให้ทั้งตัวเขาดูเหมือนกับลูกธนูสีเงิน

ชั่วพริบตาเดียวก็พุ่งไปได้เป็นพันเป็นหมื่นลี้ ความเร็วน่าตกใจมาก

“องค์ชายเจ็ดไปดินแดนบูรพามา พวกข้าคิดถึงท่านมากเลย!”

คนที่ตามบุรุษชุดคลุมขาวมาติดๆ เป็นพ่อค้าชุดคลุมด้ายสีทองสวยงามคนหนึ่ง รูปร่างอ้วนใหญ่

ท่าทางการเคลื่อนตัวของเขามีความอวดดีเป็นพิเศษ แกว่งก้ามปูยักษ์สองข้างไปมา แสดงความบ้าอำนาจกลางทะเล

มารดามันเถอะ มีก้ามปูจะทำอะไรก็ได้

ส่วนบุรุษอีกสองคน หนึ่งในนั้นสวมเกราะหนังสีแดงโลหิต แผ่พลังโหดเหี้ยมล้นฟ้าออกมาทั้งตัว

เขาสูงเก้าฉื่อ แบกดาบใหญ่ ตรงคมดาบยังเต็มไปด้วยเขี้ยวเหมือนกับฟันเลื่อย

แสยะปากยิ้ม เขี้ยวแหลมคมเต็มปากช่างน่าตกใจยิ่งนัก

คนสุดท้ายมีท่าทางดูน่าขบขันนิดๆ เขาเป็นเด็กหนุ่ม อายุราวสิบสี่สิบห้าปี สิ่งที่ควรค่าเอ่ยถึงคือเด็กหนุ่มคนนี้สวมชุดเกราะกระดองเต่าสีดำ อีกทั้งข้างหลังและข้างหน้ายังมีกระดองเต่าป้องกัน

เหมือนกับเด็กชายเผ่ามนุษย์หากระดองเต่าสองชิ้นมาคลุมตัวเอง

ไม่นานสี่คนนี้ก็มาถึงหน้าเอ๋าอู ทุกคนมองพิจารณามองเผ่ามนุษย์สองคนข้างเอ๋าอูด้วยความแปลกใจ

เด็กหนุ่มกระดองเต่ามองเสิ่นเทียน รู้สึกโดยไม่รู้ตัวว่าเผ่ามนุษย์คนนี้มีกลิ่นอายพลังอย่างหนึ่ง ทำให้เขาเป็นมิตรด้วยมาก

ราวกับว่า…มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน

“ได้ยินว่าองค์ชายเจ็ดทำสัญญาเทพมังกรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง หรือว่าท่านจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน”

เด็กหนุ่มกระดองเต่ายื่นมือออกมาอย่างเป็นมิตร “สวัสดี ข้าอู่อู๋ตี๋ มาจากเผ่าเทพเต่าดำ ยินดีที่ได้รู้จัก คนข้างๆ นั่นคนรับใช้ท่านรึ สมกับเป็นบุรุษที่องค์ชายเจ็ดยอมรับ คนรับใช้ยังแข็งแกร่งเช่นนี้!”

ฉีเซ่าเสวียนงุนงง

เอ๋าอูมุมปากกระตุกเล็กน้อย คนรับใช้อะไรจะแกร่งเช่นนี้

แม้พี่เซ่าเสวียนจะมีเอกลักษณ์ด้อยกว่าพี่เสิ่นเทียนไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับถูกเจ้ามองว่าเป็นคนรับใช้กระมัง! เจ้าเต่าบ้านี่ ช่วงนี้สายตาแย่ลงเรื่อยๆ แล้ว

เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนมีสีหน้าแปลกๆ เอ๋าอูก็รีบดึงเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนมาแนะนำตัว

“ข้าขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก คนทางซ้ายข้าต่างหากคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน หรือก็คือสหายทำสัญญากับข้า และทางซ้ายข้าคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พี่เสิ่นเทียน บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งและเป็นโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของดินแดนบูรพา

ขณะเดียวกันเขายังเป็นสหายทำสัญญาของผู้อาวุโสบางท่านของเผ่าข้า ไม่สะดวกจะเผยฐานะ สรุป พี่เสิ่นเทียนเป็นแขกที่ทุกเผ่าทะเลเหนือของเราต้องให้ความเคารพมากที่สุด ข้าเรียกพี่ชายทั้งสี่ท่านมา หวังว่าทุกคนจะต้อนรับเขาแทนข้าอย่างดี”

ฉีเซ่าเสวียนพูดไม่ออกแล้ว

ดังนั้น แซ่ฉีจึงแค่ตามมาด้วยหรือ!

คงจะผ่านชีวิตช่วงนี้ไปไม่ได้แล้ว!

…………..

หลังจากแนะนำตัวเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนเสร็จ เอ๋าอูก็เริ่มแนะนำตัวโอรสสวรรค์เผ่าทะเลสี่คนนี้

เรียกพี่เรียกน้องกับองค์รัชทายาทมังกรลำดับเจ็ดเอ๋าอูได้ ย่อมไม่ใช่เผ่าปีศาจชาวบ้านธรรมดา

ความจริงแล้วสี่คนนี้คือโอรสสวรรค์สายตรงที่ใกล้ชิดกับเผ่ามังกร ถูกเรียกว่า ‘สี่คุณชายทะเลเหนือ’

บุรุษเรียบร้อยในชุดคลุมขาวคือเจ้าชายของเผ่าเทพปลาหมึกยักษ์ ไม่ใช่แค่มีระดับพลังสูงส่ง แต่ยังชำนาญด้านข่าวกรอง

ในรุ่นเยาว์ทะเลเหนือ คุณชายไป๋ในสี่คุณชายทะเลเหนือเป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้รอบรู้ รู้ทุกอย่าง!

พ่อค้าที่สวมชุดสีทองคือ ‘คุณชายเซี่ย’ ในสี่คุณชายทะเลเหนือ เป็นศิษย์แกนหลักของเผ่าปูเทพทองคำ

เผ่าปูเทพทองคำมีพรสวรรค์ด้านการ ‘ค้นหาทอง’ สามารถตามหาเหมืองทองในทะเลลึกไร้ที่สิ้นสุดได้

กล่าวได้ว่าในเผ่าพันธุ์ที่ขึ้นตรงกับเผ่ามังกรดำ เผ่าปูเทพทองคำมีฐานะสูงส่ง

คุณชายเซี่ยที่เป็นศิษย์แกนหลักของเผ่าปูเทพทองคำ อีกทั้งยังมีก้ามปูจะทำอะไรก็ได้ วางอำนาจใหญ่โต!

‘คุณชายซา’ ในสี่คุณชายที่สวมเกราะหนังสีโลหิตมาจากเผ่าเทพฉลามโลหิต เป็นเผ่าสัตว์เทพแปลก

เล่าลือว่าเขาไม่ธรรมดาโดยธรรมชาติ ตอนเพิ่งกำเนิดก็มีพละกำลังสู้กับปลาวาฬเด็กห้าตัวได้ และยังสังหารได้อีก

ดังนั้นคนว่างงานจึงเรียกเขาว่า ‘ซาห้าวาฬ’ แม้จะมีส่วนหยอกล้อ แต่ก็มากพอจะอธิบายถึงความแข็งแกร่ง

ส่วนเด็กหนุ่มกระดองเต่าสองด้านคนสุดท้าย คือ ‘คุณชายอู่’ ในสี่คุณชายทะเลเหนือ

แม้เขาจะอายุน้อยสุดในสี่คุณชาย แต่ศักยภาพไม่อ่อนแอเลย

คุณชายอู่กำเนิดใน ‘เผ่าเต่าดำวัชระ’ ที่เผ่ามังกรไว้ใจมากที่สุด บิดาเป็นอัครเสนาบดีเต่าของเกาะมังกรดำ

อีกทั้งสายเลือดเขายังหวนคืนสู่บรรพบุรุษ ได้รับสายเลือดเต่าดำส่วนใหญ่มา เป็นอัจฉริยะที่ยากจะพานพบได้ในพันปีของเผ่าเต่าดำ

กระดองเต่าป้องกันสองชั้น ในรุ่นเยาว์มีคนที่ทำให้เขาบาดเจ็บได้น้อยมาก

กล่าวได้ว่าฐานะของสี่คุณชายนี้ค่อนข้างไม่ธรรมดาเลย

ภายภาคหน้าหากเอ๋าอูเติบใหญ่ขึ้น พวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญคนสนิทของเอ๋าอู

ถึงอย่างไร ผู้นำที่ไม่มีองครักษ์ก็ไม่มีค่าอะไร!

……

“เข้าใจผิด เข้าใจผิดไปแล้ว ขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอย่าถือสาเลย”

คุณชายเซี่ยเผยรอยยิ้มมีไมตรีจิต “ทั้งสองท่านเดินทางไกลมาทะเลเหนือ คงจะเหนื่อยกันแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน! แซ่เซี่ยจะเป็นเจ้ามือพาทุกท่านไปผ่อนคลายในเมืองแห่งสุขาวดีกันหน่อย ไปสัมผัสความรุ่งเรืองและเป็นมิตรของทะเลเหนือเรากัน”

พูดไปพูดมา คุณชายเซี่ยก็เผยรอยยิ้มแบบ ‘เจ้าเข้าใจ ข้าก็เข้าใจ’

เขาพูดเสียงเบาว่า “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ช่วงนี้มีสินค้าใหม่เข้ามาด้วย เทพธิดาหอยพวกนั้น…นุ่มมากทีเดียว!”

…………………………………………………….