บทที่ 246 ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 246 ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่

ความจริงแล้ว หลี่เทียนและเจ๋าซือก็ตั้งใจจะกลับไปคุยเรื่องวันเก่า ๆ กับเซียวเฟิงหลังจากที่พวกเขาซ้อมเหว่ยเทียนหมิง แต่ถูกตู้เปียวห้ามไว้เสียก่อน

“นายโง่หรือไง! ไม่เห็นเหรอว่าพี่เซียวกับดาวมหาวิทยาลัยกำลังเดตกันอยู่? นายจะไปทำอะไรที่นั่น? ดูกาลเทศะหน่อย!”

“แต่มันเป็นโอกาสดีที่ได้เจอพี่เซียวในโลกจริงนี่ ทำไมเราไม่ไปคุยกันสักหน่อยล่ะ?” หลี่เทียนพูดอย่างลังเลเมื่อเขาตระหนักได้

“หาวันอื่นไม่ได้เหรอ! ในเมื่อเรารู้แล้วว่าพี่เซียวก็อยู่ในเมืองนี้ด้วย คราวหน้าเราจะชวนเขาไปเที่ยวก็ได้! นายจะไปขัดจังหวะพวกเขาให้โดนด่าเล่นเหรอ?”

“ก็ได้ งั้นเราไปกันเถอะ ไปหาร้านดื่มกัน”

“แน่นอน ไปกันเถอะ พวกเราต้องเก็บข้าวของหลังจากดื่มเสร็จ เพราะเราจะออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อกลับบ้านในวันพรุ่งนี้”

“พวกนายกลับบ้านกันหมดเลยหรือเปล่า?”

“ฉันไม่อยากกลับบ้าน ฉันวางแผนที่จะหางานทำช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ตอนนี้ฉันมีมิธ และฉันสามารถสร้างรายได้มากมายจากภารกิจประจำวันด้วย”

“ถูกต้อง! ฉันก็ไม่กลับเหมือนกัน! ฉันจะกลายเป็นผู้เล่นมืออาชีพในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนี่แหละ!”

“งั้นเราก็ไม่กลับ! ไป! ดื่มกันข้ามคืนเลยวันนี้!”

“ดื่มอะไรล่ะ! ฉันยังไม่ได้ลงดันเจี้ยนเลย!”

“ฉันด้วย งั้นช่างมันเถอะ ทำไมไม่ซื้อขนมแล้วไปลงดันแทนล่ะ? ฉันไม่อยากออกไปไหนในวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้โรงอาหารจะปิดด้วย”

“ใช่ งั้นไปซูเปอร์มาร์เก็ตกันเถอะ!”

ผ่านไปนานมากแล้วที่พี่น้องนิโคลัสยังไม่กลับมา ดังนั้นเซียวเฟิงจึงตามซือเยี่ยจิ๋งออกจากร้านหม้อไฟ พวกเขารอนานมากจนตอนนี้เวลาตีหนึ่งแล้ว ย่านมหาวิทยาลัยที่แต่เดิมมีชีวิตชีวาก็กลายเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ

ในเวลานี้ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีผู้คนกระจัดกระจายอยู่ไม่กี่คนบนถนน

“เฮ้!”

ทั้งสองเดินเตร่อยู่ใต้โคมไฟถนน บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัด ดังนั้นซือเยี่ยจิ๋งจึงอดไม่ได้ที่จะพูดก่อน

“อะไร?” เซียวเฟิงหันกลับมาถาม เขาพบว่าซือเยี่ยจิ๋งกำลังจ้องมองที่พื้น

“เมื่อกี้… คนพวกนั้นบอกว่าเราคบกัน ทำไมนายไม่ปฏิเสธล่ะ” ซือเยี่ยจิ๋งถามด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ดูเหมือนเธอจะประหม่าเล็กน้อย

“เธอบ้าหรือเปล่า?” เซียวเฟิงกล่าวอย่างโกรธเคือง เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร? เขาไม่สนใจคนเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ

ซือเยี่ยจิ๋งเงียบ เธอถือคำตอบของเซียวเฟิงเป็นการยืนยันความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอยื่นมือออกมาและมองที่นิ้วกลางของเธอ เธอใส่แหวนที่ชายหนุ่มมอบให้เธอไว้ที่นิ้วกลาง แต่นั่นมันคือในเกม ในความเป็นจริงเธอไม่มีอะไรบนนิ้วเรียวยาวและขาวของเธอเลย

“ฉันรู้สึกหนาวนิดหน่อย”

เมื่อพวกเขาเดินผ่านประตูมหาวิทยาลัยเซี่ย ซือเยี่ยจิ๋งก็พูดขึ้นอีกครั้ง

เซียวเฟิงเหลือบมองเธออีกครั้งด้วยสายตาแปลก ๆ ของเขา ชายหนุ่มมองไปที่เสื้อฮู้ดและเสื้อโคตของเธอ แล้วก้มลงมองเสื้อกั๊กของเขา

“เธอบ้าหรือเปล่า?” เซียวเฟิงถามอีกครั้ง

สีหน้าของซือเยี่ยจิ๋งหยุดนิ่ง เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวไปข้างหน้า แต่หญิงสาวเดินไปได้ไม่ไกลก็พูดอีกครั้ง

“มันดึกเกินไปแล้ว มหาลัยน่าจะปิดไปแล้ว ฉันคิดว่าฉันกลับไปไม่ได้แล้วล่ะ”

ซือเยี่ยจิ๋งหลบตาเซียวเฟิงขณะที่พูดเรื่องนี้ เธอมองไปรอบ ๆ อย่างร้อนรน

“เธอปีนข้ามกำแพงนั่นได้สบาย ๆ ไม่ใช่หรือไง?” เซียวเฟิงถามซือเยี่ยจิ๋งและมองเธอด้วยสายตาสงสัยอีกครั้ง

“นาย!”

ในที่สุดซือเยี่ยจิ๋งก็โกรธ เธอจ้องเซียวเฟิงอย่างดุร้าย “นายมันโอตาคุจริง ๆ! นายจงโสดต่อไปเถอะ!”

เมื่อพูดอย่างนั้น ซือเยี่ยจิ๋งก็เร่งฝีเท้าและวิ่งไป เธอทิ้งเซียวเฟิงไว้ที่นั่น ซึ่งทำให้เซียวเฟิงเกาหัวด้วยความสับสน ดังนั้นเซียวเฟิงก็เลยต้องกลับไปยังที่จอดรถและขับรถของเฉียนโตวโตวกลับไปที่วิลล่า

วิลล่าเงียบสงบมาก คาดว่าเซียวหลิงและหนิงเคอเค่อคงหลับไปแล้ว ส่วนเฉียนโตวโตวยังคงเล่นเกมอยู่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่รบกวนเธอ เขาวางกุญแจไว้ที่เดิม ก่อนจะกลับไปที่ห้องของเขาและล้างไม้ล้างมือ จากนั้นก็เข้าสู่ระบบเช่นกัน

หลังจากกลับมาที่ชั้นสองของป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึก เซียวเฟิงก็พบว่าซือเยี่ยจิ๋งออนไลน์อยู่ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าหญิงสาวใช้วิธีอะไรลากบอสออร์คออกจากจัตุรัสเพียงลำพัง และตอนนี้เธอกำลังดิ้นรนกับการต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับบอสตัวนี้

“ไอ้เวร! บัฟฉันเร็ว!”

ทันทีที่เธอเห็นเซียวเฟิงเข้าสู่ระบบ ซือเยี่ยจิ๋งพลันเรียกเขาอย่างไม่สุภาพ

เซียวเฟิงพูดไม่ออก แต่ก็ยังคงบัฟให้เธอ มิฉะนั้น เธอคงจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะล้มบอสเลเวล 30 ได้

ด้วยบัฟของเซียวเฟิง ค่าความสามารถในการสร้างความเสียหายต่อวินาทีของซือเยี่ยจิ๋งก็เพิ่มขึ้นทันที

ภายในสองนาที ซือเยี่ยจิ๋งก็ได้ฆ่าบอสออร์คลงได้ น่าเสียดายที่หนังสือสกิลไม่ดร็อป อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ในป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกก็จะดร็อปแต่หนังสือสกิลและไม่ดร็อปอย่างอื่น

“เฮ้ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

หลังจากฆ่าบอสออร์คแล้ว ซือเยี่ยจิ๋งก็เข้ามาหาเซียวเฟิง ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังอาย ๆ อยู่หน่อย

“ว่าไง?” เซียวเฟิงถามซือเยี่ยจิ๋งโดยไม่หันหลังกลับไปมองขณะเขากำลังจะลากมอนสเตอร์

“วิลล่าของนายใหญ่มาก นายคงยังมีห้องว่างอยู่ใช่ไหม?” ซือเยี่ยจิ๋งถาม

“ก็ใช่”

เซียวเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง มีห้องหกห้องบนชั้นสองของวิลล่า ซึ่งสี่ห้องเป็นห้องของเซียวเฟิง เซียวหลิง หนิงเคอเค่อและเฉียนโตวโตว แม้ว่าหลิวเฉียงเหว่ยจะอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย แต่ก็ยังมีห้องว่างเหลืออยู่หนึ่งห้อง ดังนั้นเซียวเฟิงจึงพยักหน้าและตอบ

“ให้ฉันเช่าห้องได้ไหม” ซือเยี่ยจิ๋งถามทันที ซึ่งทำให้เซียวเฟิงที่กำลังจะเข้าไปถึงจัตุรัสก็ต้องหันกลับไปมองเธอทันที

“ปิดเทอมฤดูร้อนกำลังจะมาถึง พรุ่งนี้ฉันจะออกจากมหาวิทยาลัย ฉันวางแผนที่จะไปที่สตูดิโอของลูกพี่ลูกน้องของฉัน แต่เธอมีพนักงานที่นั่นมากเกินไป เลยไม่สะดวกไปที่นั่นน่ะ” เมื่อเห็นเซียวเฟิงไม่พูดอะไร ซือเยี่ยจิ๋งก็รีบพูดต่อ

“ไม่ต้องห่วง! ฉันจะจ่ายค่าเช่า! และค่าอาหารเอง!” ซือเยี่ยจิ๋งกล่าวอย่างประหม่า ฝีมือการทำอาหารของเซียวเฟิงคุ้มกับการจ่ายค่าอาหารพิเศษสำหรับเธอ

เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรแต่ลูบคางและไตร่ตรอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะให้เธออาศัยอยู่ในวิลล่า ยังไงเขาและซือเยี่ยจิ๋งก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นเกม ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย

นอกจากนี้ ความปลอดภัยของวิลล่าก็ยังคงเป็นปัญหาเพราะวิลล่าบนภูเขานั้นปลีกวิเวก และไม่มีการจัดการดูแลทรัพย์สินและการรักษาความปลอดภัยของสาธารณะ มีแต่เฉพาะในเวลาที่เซียวเฟิงอยู่ด้วย พวกเขาถึงจะปราศจากปัญหาด้านความปลอดภัย

แต่เมื่อเซียวเฟิงไม่อยู่และเหลือเพียงเซียวหลิงและหนิงเคอเค่ออยู่ในบ้าน พวกเขาก็คงทำอะไรไม่ได้เมื่ออันตรายใกล้เข้ามา

อย่างไรก็ตาม ฝีไม้ลายมือของซือเยี่ยจิ๋งก็ไม่เลว แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ระดับปรมาจารย์ แต่ก็สามารถจัดการกับหัวขโมยหรือโจรทั่วไปได้อย่างง่ายดาย

“ได้สิ” เซียวเฟิงพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของซือเยี่ยจิ๋งหลังจากคิดดูแล้ว

“จริงหรอ? งั้นเดี๋ยวฉันจะขนของไป!” ซือเยี่ยจิ๋งดีใจที่ได้ยินแบบนั้น

“ยังไงก็เถอะ มาตีบอสกันได้แล้ว”

เซียวเฟิงกล่าวอย่างสบาย ๆ มีบอสออร์คอย่างน้อย 30 ตัวที่เหลืออยู่บนจัตุรัส ซึ่งทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาในการจัดการพวกมัน

พวกเขาสู้จนถึงเช้า เมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้น บอสออร์คที่เกือบตายและพวกที่เหลือก็ถูกกำจัดในคราวเดียวพร้อมกับยามเช้าที่มาถึง

ซือเยี่ยจิ๋งออกจากระบบไปก่อนเพื่อเก็บของของเธอ หญิงสาวยังบอกเซียวเฟิงให้เก็บอาหารเช้าของเธอไว้ เธอจะมาถึงในตอนเช้า

เซียวเฟิงเอ้อระเหยอีกเล็กน้อยและออกจากระบบเช่นกัน หนิงเคอเค่อยังคงยุ่งอยู่ในครัวและอาหารเช้าก็ยังไม่พร้อม เซียวเฟิงจึงไปที่โรงยิมบนชั้นสามเพื่อออกกำลังกาย

นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฟิงมาที่โรงยิมซึ่งมีอุปกรณ์ครบครัน แต่สำหรับเซียวเฟิงแล้ว มันยังคงเบาไปและใช้ได้แค่อบอุ่นร่างกายเขาเท่านั้น

ถึงกระนั้น ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย เพราะตั้งแต่มิธเปิดบริการมา เซียวเฟิงก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเกม ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาหย่อนยานมากเกินไป ก็เลยต้องออกกำลังกายสักหน่อย…

ดังนั้นเขาจึงออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจนเหงื่อออก แล้วเขาก็ลงมาชั้นล่างอย่างสบายใจ

“นายท่าน… อาหารเช้าพร้อมแล้ว…”

หนิงเคอเค่อพูดกับเขาทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มลงบันไดมาจากชั้นสาม

“อืม” เซียวเฟิงพยักหน้าและเดินลงไปชั้นล่างเช็ดเหงื่อ

“นะ… นายท่าน… เมื่อกี้คุณอยู่ในโรงยิมหรือเปล่า?”

หนิงเคอเค่อถามเซียวเฟิงเมื่อเห็นว่าเขากำลังเหงื่อออก เธอแอบมองกล้ามเนื้อหลังของชายหนุ่มอยู่ด้านหลังอย่างเหนียมอาย ไม่กล้าแม้แต่จะพูดเสียงเต็มปาก

“ใช่ เคอเค่อ เตรียมอาหารเช้าเพิ่มสำหรับอีกหนึ่งคน เดี๋ยวเราจะมีแขกมา” เซียวเฟิงกล่าวหลังจากที่เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“ดะ… ได้เลย… นายท่านไปเปลี่ยนผ้าก่อนเถอะ… เดี๋ยวคุณจะเป็นหวัด…” หนิงเคอเค่อวิ่งเหยาะ ๆ ผ่านเซียวเฟิงและไปที่ห้องครัว

เมื่อพิจารณาจากสภาพร่างกายของเซียวเฟิงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าตัวเองจะเป็นหวัด แต่กลิ่นเหงื่อมันก็ไม่เหมาะกับห้องอาหาร ดังนั้นจึงกลับไปที่ห้องและอาบน้ำ

หลิวเฉียงเหว่ยและหนิงเคอเค่อไม่ได้รอกินข้าวพร้อมเขา หลิวเฉียงเหว่ยเป็นคนแรกที่กินข้าวเช้าเสร็จ เธอเช็ดปากของเธออย่างสง่างามและจากไป

อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเอง แท็กซี่ก็มาจอดที่ด้านนอกวิลล่า เป็นซือเยี่ยจิ๋งที่เพิ่งมาถึง เมื่อเธอกำลังจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาเซียวเฟิง ก็พบว่าประตูนั้นเปิดโดยอัตโนมัติ

ซือเยี่ยจิ๋งถือกระเป๋าเดินทางมาไว้ในมือข้างหนึ่ง และถือโทรศัพท์อีกมือหนึ่ง เธอสับสนในทันทีที่ได้พบกับหลิวเฉียงเหว่ยที่เพิ่งเดินมาจากภายในบ้าน

ทั้งสองตัวแข็งกันทั้งคู่ หลิวเฉียงเหว่ยจ้องไปที่ซือเยี่ยจิ๋งที่ถือกระเป๋าเดินทางอยู่ ในขณะที่ซือเยี่ยจิ๋งมองหลิวเฉียงเหว่ยผู้ซึ่งสวมชุดสีขาวและเพิ่งเดินออกมาจากวิลล่า บรรยากาศดูเย็นยะเยือกขึ้นทันตา

“หลิวเฉียงเหว่ย ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”

หลังจากผ่านไปไม่นาน ซือเยี่ยจิ๋งก็ทำลายความเงียบโดยการถามด้วยความประหลาดใจ

“ฉันก็มีคำถามเดียวกับเธอ ทำไมเธอถึงมากับกระเป๋าเดินทางล่ะ?”

หลิวเฉียงเหว่ยกล่าวอย่างสงบ แต่ความงดงามตามธรรมชาติก็ยังปรากฏออกมา หลิวเฉียงเหว่ยมีใบหน้าที่สวยงามสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนแยกตัวออกจากทางโลก เธอปล่อยแรงกดดันที่มีพลังมหาศาลที่น่ากลัวออกมาในสายตาของผู้หญิง

“ฉัน… ฉันปิดเทอมแล้วและกำลังหาที่พัก และไอ้หมอนั่นก็มีห้องว่างพอดี ฉันก็เลยขอเช่าห้องหลังจากคุยกับเขาแล้ว และเขาก็ตกลงด้วย” ซือเยี่ยจิ๋งตอบอย่างไม่รู้ตัว เธอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากหลิวเฉียงเว่ย แต่หลังจากนั้นเธอก็มองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนกทันที

“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง! หลิวเฉียงเหว่ย เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่! ฉันจำได้ว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหมอนั่นนี่?”

ซือเยี่ยจิ๋งถามอย่างระมัดระวัง เธอมองหลิวเฉียงเหว่ยขึ้นและลง ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่สวยของเธอ สัดส่วนร่างกายที่สมบูรณ์แบบของเธอหรืออารมณ์ที่พิเศษของเธอ ล้วนแต่เป็นภัยคุกคามต่อผู้หญิงคนอื่น ๆ เช่นเดียวกับซือเยี่ยจิ๋ง

“ฉันมีกุญแจของที่นี่”

หลิวเฉียงเหว่ยไม่พูดอะไรมาก และแสดงคีย์การ์ดของเธอให้ดู กว่าซือเยี่ยจิ๋งจะรู้สึกตัว หลิวเฉียงเหว่ยก็ไปที่โรงรถและขับรถออกไปแล้ว