ตอนที่ 280 กระถางดอกไม้ของฉินหร่าน

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านยื่นมือรับ “ขอบใจนะ”

เฉิงมู่ที่อยู่ด้านหลังพวกเขามองถุงพลาสติกในมือของฉินหร่านอย่างไร้อารมณ์ เพราะรู้แล้วว่ายังคงเป็นต้นหญ้าต้นนั้นเหมือนเดิม

เมื่อครู่เฉิงมู่ได้พูดเตือนเฉิงเวินหรูแล้ว

เฉิงเวินหรูรู้ว่าครอบครัวของเพื่อนร่วมโต๊ะฉินหร่านคือนักปลูกดอกไม้ ทั้งไม่ได้เอะใจอะไร และไม่ได้ถามอะไรมากตามมารยาท พวกเขาส่งคนสกุลหลินขึ้นรถตู้ก่อนออกมาจากร้าน

เฉิงเวินหรูไม่ได้กลับคอนโดของตัวเอง แต่ไปคอนโดถิงหลานกับเฉิงเจวี้ยนและฉินหร่านแทน

ฉินหร่านไม่ได้ซ้อมไวโอลิน เธอมาที่ห้องหนังสือของเฉิงเจวี้ยนเพื่อหาหนังสือก่อน

เฉิงเวินหรูกำลังพูดคุยกับเฉิงเจวี้ยนเรื่องบริษัทกับบ้านสกุลเฉิง

“การแข่งขันสูงเกินไปไม่รู้ว่าครั้งนี้ทางอวิ๋นกวงกรุ๊ปจะเคลื่อนไหวยังไง” เฉิงเวินหรูนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือถือแก้วชาพลางหรี่ตาเล็กน้อย

ทั้งเธอไม่ได้ระแวงฉินหร่าน จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา

เฉิงเจวี้ยนเปิดคอม ก่อนเข้าบัญชีในระบบ เปิดอ่านอีเมลที่เฉิงสุ่ยเป็นคนส่งมาก่อนตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ชุดระบบปฏิบัติการการEAและหุ่นยนต์”

“นายมีข้อมูลเหรอ?” เฉิงเวินหรูมองเฉิงเจวี้ยนอย่างไม่ละสายตา

ถึงแม้เป็นพี่น้องกัน ทว่าเฉิงเวินหรูไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเฉิงเจวี้ยนกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ราวกับว่าเขารู้ทุกอย่างไปหมด ทั้งยังรู้จักกับหัวหน้าใหญ่ในแถบเอเชีย

เฉิงเจวี้ยนคลิกเปิดหน้าเอกสารถัดไปอย่างไม่รีบร้อน พรางมองฉินหร่านที่ค่อยๆ หยิบหนังสืออยู่เงียบๆ ก่อนยิ้มตอบ“ไม่มี แค่เดาเฉยๆ น่ะ”

เฉิงเวินหรูรู้ว่าเฉิงเจวี้ยนไม่ใช่คนพูดเล่น การที่เขาพูดแบบนี้เป็นเรื่องจริงอยู่แปดเก้าส่วน เธอลูบแก้วชา พลางครุ่นคิด

ฉินหร่านยืนอยู่ที่ชั้นวางหนังสือ ดูอย่างละเอียด เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มือข้างหนึ่งถือหนังสือ อีกข้างสอดในกระเป๋า “ฉันไปซ้อมไวโอลินก่อนนะคะ”

เฉิงเจวี้ยนไม่ได้พูดอะไร เฉิงเวินหรูยืนขึ้นทันที ตามฉินหร่านไปที่ห้องซ้อมไวโอลิน “ดึกขนาดนี้แล้วยังซ้อมอีกเหรอ? พักผ่อนด้วยนะ อย่าหักโหมเกินไป”“แล้วก็อีกสามวันเวลาสองทุ่มจะมีงานประมูล” เฉิงเวินหรูมองฉินหร่านพลางยิ้มอย่างอบอุ่น “ที่นั่นมีของน่าสนใจใหม่ๆ เยอะเลย เธออยากจะไปดูกับฉันไหม?”

ฉินหร่านเปลี่ยนข้างถือหนังสือ ก่อนตอบตกลง “ได้ค่ะ”

เฉิงเจวี้ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง ฟังทั้งสองคนคุยกัน “…”

เฉิงเวินหรูกลับมาไม่ถึงนาทีก่อนหยิบกระเป๋าตัวเอง มองเฉิงเจวี้ยนแวบหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ส่วนพี่จะกลับบริษัท”

เป็นน้ำเสียงที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน

**

ชั้นล่าง

เลขาหลี่นั่งอยู่บนโซฟาด้านล่าง ในมือถือแก้วชาอยู่ กำลังสนทนากับเฉิงจิน

เมื่อเห็นเฉิงเวินหรูลงมา ทั้งสองคนจึงยืนขึ้น “คุณหนูใหญ่”

เฉิงจินเพียงพูดตามมารยาท ทั้งเฉิงเวินหรูและเลขาหลี่ต่างคุ้นเคยกับท่าทีของเฉิงจินแล้ว จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก

“กลับมาเมื่อไหร่?” เฉิงเวินหรูหยุดเดิน มองที่เฉิงจิน

เธอสงสัยเล็กน้อยกับท่าทีของเฉิงจินที่มีต่อฉินหร่าน

เฉิงจินยิ้ม “เพิ่งกลับมาตอนสองทุ่มครับ”

“คุณหนูใหญ่ครับ เมื่อครู่ผมกับคุณชายเฉิงจินคุยถึงเรื่องคุณชายใหญ่กับคุณหนูโอวหยางครับ” เลขาหลี่โค้งตัว ก่อนวางแก้วชาลง “วันนี้พวกเขาเจอกันตอนช่วงบ่าย จากที่ผมคาดการณ์น่าจะทำงานสั่งซื้อกับหน่วย129เรียบร้อยแล้ว”

“ไม่มีประโยชน์หรอก” เฉิงจินส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง “ระบบนิรภัยของงานประมูลแน่นหนามาก ในเมื่อทางฝั่งประมูลเองไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ขายดอกไม้จีน ถ้าอยากสืบ อย่างน้อยต้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสโมสร129”

คิดอยากแตะต้องพวกเขา ไม่ใช่เรื่องง่าย

หน่วย129ในเมืองหลวงลึกลับเกินไป ระบบป้องกันของพวกเขาแม้แต่แฮ็กเกอร์ในห้องปฏิบัติการหลายคนก็ไม่สามารถแฮ็กได้ ทว่าโอวหยางเวยเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไป ถ้าอยากตามหาเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นเรื่องยากมาก

เฉิงเวินหรูมองเฉิงจินปราดหนึ่ง ก่อนยิ้ม ทว่าในใจจดจำทีละน้อย ดูเหมือนเฉิงจินจะคุ้นเคยกับระบบภายในของงานประมูลดี แม้แต่เรื่องหน่วย129ต้องใช้เจ้าหน้าที่ระดับไหนก็ล้วนรู้อย่างแน่ชัด

“หลายปีมานี้ทั้งเฉินเหนี่ยวและจาหลงต่างทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว มีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือมาตั้งเท่าไหร่ แต่ว่าพื้นที่รับผิดชอบหลักของทั้งสองอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่แน่ว่าอาจหาตัวคนขายดอกไม้จีนเจอก็ได้” ดังนั้นเฉิงจินจึงบอกว่าการที่เฉิงเหราฮั่นไปเจอกับโอวหยางเวยเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ “แน่นอนว่าหากโอวหยางเวยสามารถเข้าถึงหมาป่าเดียวดายได้ ก็คิดว่าผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินเฉิงจินพูดจบ

เฉิงเวินหรูเผลอยื่นมือกดระหว่างคิ้ว

“แบบนั้นก็ยุ่งยากแล้ว…” เธอหรี่ตา เกรงว่าอีกหนึ่งเดือนนายท่านเฉิงคงอาหารหนักแล้ว

ปกติแล้วผู้ซื้อขายจะไม่ระบุชื่อในงานประมูล เดือนนี้เหลือเพียงหนึ่งขวด แน่นอนว่าต้องเกิดศึกแย่งชิง

ขณะที่ทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่

เฉิงมู่เดินขึ้นมาจากห้องต้นไม้มงคลด้านล่าง เพื่อย้ายกระถางต้นไม้แต่ละกระถางขึ้นมาอย่างเร่งรีบ

“คุณหนูใหญ่” เมื่อเห็นเฉิงเวินหรู เขาก็ทักทายอย่างสุภาพ จากนั้นถือกระบอกฉีดน้ำ ก่อนเปิดกระเป๋าเป้หยิบอุปกรณ์ออกมาวางข้างกระถางต้นไม้ริมหน้าต่างอย่างระมัดระวัง

สองวันมานี้เฉิงจินรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ก่อนหันหลังกลับเพราะไม่อยากสนใจอีก

เฉิงเวินหรูกับเลขาหลี่มองดูเฉิงมู่พักหนึ่ง

เฉิงเวินหรูเลิกคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นละสายตาหันมาพูดกับเฉิงจิน ตอนกำลังจะหันหลังเดินออกไป แต่หันหลังมาอีกครั้ง ขณะนั้นเองราวกับเกิดไฟฟ้าสถิตในหัว

เท้าของเธอหยุดชะงักอย่างแรง

“คุณหนูใหญ่ครับ?”เลขาหลี่และเฉิงจินต่างมองเธอ

เฉิงเวินหรูกำมือของตัวเองแน่น

เธอเดินตรงไปหาเฉิงมู่ ชี้ไปยังดอกไม้ที่เฉิงมู่ดูแลอย่างพิถีพิถัน “เฉิงมู่ ดอกไม้กระถางนี้นายเอามาจากไหน?”

มือของเฉิงมู่สั่นสะท้านจนเกือบรดน้ำเยอะเกินไปแล้ว

“คุณหนูใหญ่ นี่เป็นดอกไม้ของคุณหนูฉินครับ” เมื่อพูดจบก็ถามต่อว่า “มีปัญหาอะไรเหรอครับ?”

เฉิงเวินหรูไม่พูดอะไร เพียงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า ก่อนเปิดรูปหนึ่งเปรียบเทียบอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่ากระถางต้นไม้บนโลกไม่อาจมีสองกระถางต้นไม้ไหนที่เหมือนกันขนาดนี้

ทว่าลักษณะของใบไม้และดอกของกระถางในรูปเหมือนกับที่เฉิงมู่ดูแลอยู่ไม่ผิดเพี้ยน

เฉิงเวินหรูจำได้อย่างชัดเจน ว่ากระถางต้นไม้นี้เป็นของใหม่ เพิ่งเริ่มใช้เมื่อเดือนที่แล้ว รวมกับที่ขายในงานประมูลสองกระถาง กระถางหนึ่งอยู่ที่บ้านสกุลเฉิง อีกกระถางอยู่ที่ศูนย์วิจัย…

แล้วทำไมถึงอยู่ที่เฉิงมู่อีกกระถางหนึ่งได้?

เฉิงเวินหรูไม่พูดอะไร เพียงแต่นึกถึงเลขรหัสที่ติดอยู่ใต้กระถางดอกไม้ขึ้นมา เธอพลิกดูด้านใต้ แต่ไม่มีเลขรหัสเฉพาะ

“เฉิงมู่ ดึงใบไม้สักใบของต้นนี้ให้ฉันหน่อยได้ไหม?” เฉิงเวินหรูมองเฉิงมู่ทีหนึ่ง

ใบไม้ของต้นไม้กระถางนี้มีลักษณะเป็นเหรียญกษาปณ์ขนาดน้อยใหญ่ ขอบเป็นรูปดาวห้าแฉก กลางใบสีเขียวมีแสงสีน้ำเงินเรืองแสงดูแปลกตา ถึงแม้ไม่มีเลขรหัส ทว่าเฉิงเวินหรูก็สัมผัสได้ว่านี่คือของจริง

เมื่อได้ยินเฉิงเวินหรูพูดเช่นนั้น เฉิงมู่ก็มองเธอแวบหนึ่ง “ผมต้องถามเจ้าของก่อน”

เขาส่งข้อความหาหลินซือหราน ถามว่าเขาสามารถดึงใบไม้หนึ่งใบให้คนอื่นได้ไหม

ดูเหมือนว่าตอนนี้หลินซือหรานยุ่งมากๆ จึงตอบเขาไปอย่างขอไปทีว่า “ได้สิ”

เฉิงมู่ดึงใบไม้ใบหนึ่งส่งให้เฉิงเวินหรู

เฉิงเวินหรูถือใบไม้ไว้ ก่อนกลับไปที่บ้านเดิมของสกุลเฉิงอีกรอบ แล้วเคาะประตูใหญ่หน้าศูนย์วิจัยท่ามกลางความมืดมิดเพื่อนำใบไม้ให้พวกเขาตรวจสอบ

“สามวันถึงรู้ผลนะครับ” เฉิงเวินหรูยื่นใบไม้สองใบให้เจ้าหน้าที่วิจัยพิสูจน์ พลางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ

เฉิงเวินหรูถอนหายใจด้วยความโล่งอก “รบกวนอาจารย์แล้วค่ะ”

**

สามวันให้หลัง

งานประมูลใต้ดินประจำเดือนครั้งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงเริ่มขึ้นแล้ว

เย็นวันนี้เฉิงเวินหรูสวมกระโปรงยาวสีแดงมารับฉินหร่านที่ถิงหลาน แต่ไม่ได้พาเฉิงเจวี้ยนไปเที่ยวเล่นด้วย ขณะที่เลขาหลี่อยู่กับพวกเขาทั้งสองคน

งานประมูลในเมืองหลวงจัดอยู่ที่ห้องใต้ดินคาสิโนนอกกฎหมายชั้นสาม

เริ่มงานสองทุ่ม

ด้านในตกแต่งอย่างสวยงามเหลืองอร่ามตา ทางมีเดินขนาดใหญ่โต เมื่อลงลิฟต์ถึงชั้นสาม ก็เจอกับบอดี้การ์ดสองคนยืนเฝ้าประตูอยู่ เฉิงเวินหรูหยิบบัตรสีดำใบหนึ่งจากกระเป๋าส่งให้พวกเขา

ไม่ถึงสองนาที ก็มีพนักงานเปิดประตูชุดดำคนหนึ่งพากลุ่มของฉินหร่านเข้าไปในห้องรับรองพิเศษอย่างสุภาพ

ห้องรับรองพิเศษลอยอยู่ด้านรอบสนามประมูล ด้านหน้าคือกระจกเดี่ยวกั้น สามารถมองเห็นเวทีการประมูลและคนที่นั่งอยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน

“หรานหร่าน ถ้าเธอถูกใจอันไหนก็กดปุ่มอันนั้นเลยนะ” เฉิงเวินหรูชี้ไปยังปุ่มแดงที่อยู่กลางโต๊ะ พลางส่งสัญญาณให้ฉินหร่านเข้ามานั่ง “น้องสามสั่งไว้น่ะ”

ฉินหร่านนั่งข้างเฉิงเวินหรู ก่อนวางโทรศัพท์บนโต๊ะ มองผู้ประมูลที่ถือของประมูลชิ้นแรกออกมา

เป็นหยกชิ้นหนึ่ง

วันนี้เฉิงเวินหรูมาเพื่อดอกไม้จีน ทว่าก็ดูของชิ้นอื่นไปด้วยว่ามีของชิ้นไหนเหมาะสมกับฉินหร่านหรือไม่

ฉินหร่านเท้าคาง ตอนแรกเธอสงสัยเรื่องงานประมูลมาก

แต่ต่อมารู้สึกว่าทั้งที่นี้และงานประมูลในรัฐ M ก็ไม่ได้แตกต่างกัน เธอจึงไม่ได้สนใจอีก ก่อนนั่งไขว่ห้าง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกม

เฉิงเวินหรูไม่ได้รบกวนเธอ เพียงมองดูของประมูล เมื่อเห็นเครื่องประดับสวยๆ งามๆ หรือของโบราณก็ประมูลมา

ไม่นานนัก ของที่เธอต้องการที่สุดในวันนี้ก็มาถึง: ดอกไม้จีน

บนหน้าจอใหญ่ของงานประมูลมีขวดแก้วขวดหนึ่งปรากฏขึ้น

เลขาหลี่พูดเตือนเธอ “คุณหนูใหญ่ครับ”

เฉิงเวินหรูพยักหน้า ราคาเริ่มต้นของดอกไม้จีนยังอยู่ที่สองล้าน ไม่นับว่าสูงเกินไป ในตอนแรกล้วนเป็นคนด้านล่างเวทีแย่งกันเสนอราคา

ยังไม่มีใครในห้องรับรองพิเศษพูดก่อน

เมื่อราคาเพิ่มสูงขึ้นถึง5ล้านบาท ถึงเริ่มมีประมูลจากห้องรับรองพิเศษด้านบน

ดอกไม้จีนราคา5ล้านบาท เป็นราคาประมูลที่สูงกว่าครั้งก่อน ทำให้คนที่เพิ่มราคายิ่งน้อยลง ทว่าเมืองหลวงไม่เคยขาดคนมีทรัพย์

“จู่ๆ ดอกไม้จีนก็เหลือเพียงขวดเดียว” เลขาหลี่กดเสียงต่ำ “ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้าหากเดือนหน้าไม่มีแม้แต่ขวดเดียวล่ะก็…”

เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นสิ่งที่นักประมูลทุกคนต่างกังวล

ทุกเดือนดอกไม้จีนมีทั้งหมดสิบขวด แต่จู่ๆ เดือนนี้เหลือเพียงขวดเดียว ลูกค้าประจำต่างคิดว่าตัวของดอกไม้จีนมีปัญหาใช่หรือไม่ นี่อาจเป็นขวดสุดท้ายก็เป็นได้ ดังนั้นไม่ว่าราคาเท่าไหร่ต้องประมูลมันมาให้ได้

แม้ราคาแตะถึง8ล้าน ทว่าการแย่งชิงยังคงเกิดขึ้นอย่างดุเดือด