บทที่ 92 การประชดประชัน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ในตอนเช้าตรู่ฉีเฟยอวิ๋นพลิกตัวไปมา มีคนนอนขว้างอยู่ข้าง ๆ และจับมือนางไว้แน่น แต่เมื่อลืมตาขึ้นมา นางก็เห็นใบหน้าที่ไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นได้สติ และนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าอับอายเมื่อคืนนี้

เมื่อคืนตอนที่กำลังจะมีอะไรกับหนานกงเย่ ระดูของนางก็มา

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงต้องยุติและตัดสินใจเลื่อนออกไปก่อน

แต่เห็นได้ชัดว่าหนานกงเย่ไม่พอใจ และนอนไม่หลับทั้งคืน เขาจับมือนางไว้ ราวกับกลัวว่านางจะหนีไป

เมื่อฉีเฟยอวิ๋นพลิกตัวกลับมา นางก็เผชิญหน้ากับหนานกงเย่พอดี หนานกงเย่ขยับเข้ามาจูบนางฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหายใจไม่ออก ตื่นขึ้นก็เจอแบบนี้แต่เช้า นางรู้สึกว่าไม่ไหวจริง ๆ

แต่ทางด้านของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ากำลังฮึกเหิม ฉีเฟยอวิ๋นยากที่จะต้านทาน โดยเฉพาะการเล้าโลมของเขา

หลังจากที่จูบกันอยู่ครู่หนึ่งก็หยุด หนานกงเย่หายใจหอบ และถามว่า:“นานแค่ไหนกว่าระดูของเจ้าจะหมด?”

“หม่อมฉันก็ไม่แน่ใจเพคะ อาจจะสามหรือห้าวัน บางครั้งก็เจ็ดหรือแปดวันเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่เขินอาย นางเลียริมฝีปากของตัวเอง รสชาติใช้ได้เลย

“ไม่มีวันที่แน่นอนเลยหรือ ?” หนานกงเย่จูบอีกครั้ง และพลิกตัวไปกดฉีเฟยอวิ๋นไว้ข้างล่าง จากนั้นก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ครู่หนึ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นทำได้เพียงให้ความร่วมมือ เมื่อความคึกคะนองของหนานกงเย่ลดลงแล้ว ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นจากเตียง

ฉีเฟยอวิ๋นไปดูหนอนไหมของนางก่อน มันเจริญเติบโตขึ้นมากและใส่ใบหม่อนเข้าไปอีก ฉีเฟยอวิ๋นควบคุมอุณหภูมิของห้อง และรอให้หนอนไหมพ่นไหมออกมา

หนานกงเย่เปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินไปข้าง ๆ ฉีเฟยอวิ๋น:“อยากอาบน้ำไม่ใช่หรือ อีกเดี๋ยวก็อาบซะที่นี่เลย”

ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมอง:“เมื่อคืนหม่อมฉันบอกว่าอยากอาบน้ำเพคะ แต่วันนี้หม่อมฉันไม่ได้พูด”

ใครเขาอาบน้ำแต่เช้ากัน อากาศหนาวเช่นนี้

“เช่นนั้นก็ไปกินข้าวกันก่อน”

ฉีเฟยอวิ๋นถูกหนานกงเย่ลากไปกินข้าว หลังจากกินเสร็จแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เริ่มปวดเอว และไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้ถึงรู้สึกปวดมากกว่าปกติ

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไม่ไหว และล้มตัวลงนอนบนเตียง

หนานกงเย่เป็นกังวล จึงนั่งเฝ้านางอยู่บนเตียง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหงุดหงิด เขาเป็นกังวลว่านางจะตาย หรือเป็นกังวลว่านางจะหนีไป?

เพื่อที่จะบรรเทาอาการปวด ฉีเฟยอวิ๋นจึงบอกให้คนไปเตรียมน้ำขิง หลังจากที่ดื่มแล้ว อาการของนางก็ดีขึ้น แต่นางยังไม่อยากลุกจากเตียง

จนกระทั่งมืดฉีเฟยอวิ๋นจึงยอมลุกขึ้นจากเตียง

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกปวดน้อยลงแล้ว นางจึงไปดูว่าหนอนไหมเย็นพ่นไหมออกมาแล้วหรือไม่ มันเริ่มพ่นไหมออกมาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจที่หนอนไหมเย็นพ่นไหมออกมาเป็นความเย็น

ฉีเฟยอวิ๋นหยิบมันขึ้นมาวางไว้ในมือ และอดไม่ได้ที่จะชื่นชม:“สรรพสิ่งในโลกนี้ช่างน่าพิศวงเสียจริง รู้สึกเย็นจริง ๆ ด้วย ”

หนานกงเย่รออยู่ในห้องมาทั้งวันแล้ว นางสนใจแต่หนอนไหมและไม่สนใจเขา

“เจ้าน่าพิศวงกว่าพวกมันเสียอีก”

หนานกงเย่เดินเข้าไปหาฉีเฟยอวิ๋น และเมื่อไปถึงตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น เขาก็กอดนาง:“เจ้าไม่คิดถึงข้าหรือ ?”

ฉีเฟยอวิ๋นกลอกตา หน้าไม่อาย กอดกันกลางวันแสก ๆ คนสมัยก่อนเปิดกว้างเช่นนี้เลยหรือ ?”

แล้วผู้ชายคนนี้นิสัยเปลี่ยนไปแล้วหรือ ?

ฉีเฟยอวิ๋นหลุดพ้นจากหนานกงเย่และไปนั่งลง และพูดอย่างโกรธเคืองว่า:“ท่านไม่กลัวว่าจะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะหรือ ถึงอย่างไรท่านก็เป็นอ๋องเย่”

“เป็นอ๋องเย่แล้วอย่างไร ก็เป็นชายคนหนึ่งไม่ใช่หรือ ?” หนานกงเย่นั่งลงและบีบแก้มของฉีเฟยอวิ๋น และฉีเฟยอวิ๋นก็เอามือของเขาออกไป

“อ๋องเย่ผู้สง่างาม บีบแก้มของผู้อื่น หน้าไม่อาย ?”

“พะเน้าพะนอกับชายาของตน ใครจะกล้าพูดว่าหน้าไม่อาย ?”

“……”

ฉีเฟยอวิ๋นนิ่งอยู่สักพัก และทันใดนั้นก็ค้นพบเรื่องหนึ่ง การหยอกล้อกับหนานกงเย่เป็นเรื่องที่สบาย ๆ

การไม่ยึดถือว่าเขาเป็นอ๋องเน่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก

“ทำไม ข้าพูดไม่ถูกหรือ ?” หนานกงเย่เอาบีบแก้มของฉีเฟยอวิ๋นอีกครั้ง

คราวนี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ผลักมือของเขาออก แต่ถามเขาอย่างจริงจังว่า:“ท่านอ๋อง ท่านทรงชอบหม่อมฉันหรือเพคะ ?”

“……” หนานกงเย่เงยหน้าขึ้นมองฉีเฟยอวิ๋น และเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นดูสับสนเล็กน้อย

“ชอบหรือไม่ชอบเพคะ ?” นางเพียงแค่อยากรู้เท่านั้น

หนานกงเย่ยิ้ม:“เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นคนของข้าแล้วหรือ ?ชอบหรือไม่ชอบสำคัญไฉน ในเมื่อเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว”

“หม่อมฉันไม่อยากได้ยินคำนั้นแล้วเพคะ ชอบก็คือสามีภรรยา ไม่อยากให้มันพังทลายตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่ม เพื่อที่ในวันข้างวันจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง”

“……” หนานกงเย่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอย่างเย็นชา และเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่สบอารมณ์

“ข้ารู้จักหนักเบา เจ้าอย่ากังวลไปเลย” หนานกงเย่กล่าว

สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นทรุดลง เดิมทีเป็นเรื่องของนาง จะเรียกว่าเป็นกังวลได้อย่างไร

“ท่านอ๋อง ถ้าหากท่านต้องการ หม่อมฉันสามารถให้ได้เพคะ และจะไม่เสียใจภายหลัง แต่มีเรื่องหนึ่งที่หม่อมฉันอยากจะถามท่านอ๋อง ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ?”

สีหน้าของหนานกงเย่ทรุดลง:“เรื่องอะไร ?”

“ท่านต้องการให้หม่อมฉันมีลูก เมื่อมีลูกแล้วหม่อมฉันก็จะเป็นแม่ และท่านก็จะเป็นพ่อ ในวันข้างหน้าหม่อมฉันต้องการจะเป็นพระชายาในจวนนี้ ท่านอ๋องทำได้หรือไม่เพคะ ?”

“แล้วในตอนนี้เจ้าเป็นนางสนมหรือ ?” หนานกงเย่โต้แย้งอย่างมีเหตุผล

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ในตอนนี้หม่อมฉันร่วมหอกับท่านอ๋อง และมีตำแหน่งพระชายา แต่ไม่มีอำนาจที่แท้จริง

พระชายาเช่นนี้ จะนับว่าเป็นพระชายาได้อย่างไรเพคะ”

“เจ้าต้องการอำนาจที่แท้จริง ?” หนานกงเย่ขบขัน
ฉีเฟยอวิ๋นจึงพูดกับเขาอย่างจริงจัง:“ท่านอ๋อง ในเมื่อท่านกับหม่อมฉันเป็นสามีภรรยากันแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันก็ยินดีที่จะรักเดียวใจเดียวและอยู่กับด้วยกันท่านอ๋อง แต่หากท่านอ๋องทรงคิดดีแล้วว่าจะปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างจริงใจ หม่อมฉันก็จะติดตามท่านอ๋อง แต่หากท่านอ๋องไม่สามารถทำได้ ก็ช่างมันไปเถอะเพคะ”

“ช่างมัน ?”

สีหน้าของหนานกงเย่ดูไม่น่ามอง ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าพูดกับเขาไป เขาก็ไม่เข้าใจ

“หม่อมฉันต้องการแต่งงานกับคนที่รักและทะนุถนอมหม่อมฉัน ไม่ใช่คนที่มีอำนาจและมีนางสนมมากมาย ท่านอ๋องเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่ด่างพร้อย อย่าทรงมาหาเรื่องหม่อมฉัน ถึงหม่อมฉันจะหัวรั้น แต่ก็จริงจังนะเพคะ”

หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นพูดจบ นางก็ลุกขึ้นและเตรียมจะจากไป หนานกงเย่คว้าข้อมือของ นางไว้

หนานกงเย่เงยหน้าขึ้นและถามว่า:“แน่นอนว่าข้าต้องมีผู้หญิงมากมาย หรือว่าเจ้าจะให้ข้ามีเจ้าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว ?”

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขาจริงจังมาก นางจึงไม่อยากรับฟัง

“ท่านอ๋อง นั่นคือสิ่งที่หม่อมฉันคิดเพคะ”

“ฮึ!”

ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจ เมื่อคิดถึงค่ำคืนที่รักใคร่ลึกซึ้งและดุเดือด นางก็ลังเลเล็กน้อย แต่นางไม่สามารถหมกมุ่นอยู่กับมันได้

นางไม่สามารถแบ่งปันหนานกงเย่กับผู้หญิงคนอื่นได้ นางกลัวว่านางจะฆ่าคนเพื่อระบายความโกรธแค้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ยิ่งไปกว่านั้นนางมีนิสัยรักความสะอาดมากเกินไป และกลัวว่าจะสกปรก!

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างใจเย็น:“หม่อมฉันไม่ต้องการแบ่งปันผู้ชายกับผู้หญิงคนอื่น เช่นเดียวกันกับที่ท่านอ๋องไม่สามารถเป็นเจ้าของหม่อมฉันร่วมกันกับชายคนอื่นได้ หากท่านอ๋องบอกว่าสามารถเป็นเจ้าของหม่อมฉันร่วมกันกับชายคนอื่นได้ เช่นนั้นหากท่านอ๋องจะสู่ขอหญิงคนอื่น หม่อมฉันก็ยินยอมเพคะ

แต่หากไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าอยู่ด้วยกันเลยเพคะ”

“หญิงเช่นเจ้า ไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ข้า…… เห็นได้ชัดว่าวันนั้นเจ้าต้องการให้ข้าสู่ขอพระสนม” หนานกงเย่โกรธมาก เขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเลย แต่หากไม่พูด นางก็คงจำไม่ได้!

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจ:“นั่นเป็นแผนรับมือชั่วคราวเพคะ ยิ่งไปกว่านั้นท่านกับหม่อมฉันก็ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อกัน เดิมทีหม่อมฉันวางแผนที่จะสู่ขอพระสนมให้กับท่าน ท่านจะได้หย่ากับหม่อมฉัน หม่อมฉันถึงได้พูดเช่นนั้น”

“ฉีเฟยอวิ๋น ข้าจะหย่ากับเจ้าเดี๋ยวนี้เลย!”

หนานกงเย่ลุกขึ้นและตบลงไปที่โต๊ะ เขาพูดอย่างโกรธเคืองว่า:“เอาเครื่องเขียนมาให้ข้า”

“พ่ะย่ะค่ะ”

อาอวี่ที่อยู่ข้างนอกรีบไปจัดเตรียม

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมอง หัวใจของนางสั่นสะท้าน เพราะกลัวว่าหนานกงเย่จะผิดคำมั่นสัญญา!