ณ เรือนฉีเย่ว์ที่จวนหานอ๋อง

กู้ชูหน่วนยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองดูนกบนยอดไม้และใช้หลังนิ้วเคาะให้เกิดเสียงดังขึ้น

เยี่ยจิ่งหานไม่ได้รับปากว่าเขาจะไปที่หุบเขาพิศวิญญาณด้วยตัวเอง

แต่เขาได้ตอบตกลงแล้วว่าจะช่วยยายเยี่ยออกมาให้ได้อย่างปลอดภัยและเอาชีวิตของผู้นำกองธงกล้วยไม้ เขาน่าจะทำสำเร็จกระมัง

ทำไมในใจของนางถึงรู้สึกกระวนกระวายใจเช่นนี้และมักคิดเสมอว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน

“ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นและประตูก็ถูกเปิดออก ชิวเอ๋อร์ได้ถือถ้วยอาหารบำรุงเข้ามา

“คุณหนู ทำไมท่านถึงยังยืนอยู่ตรงนั้นล่ะเจ้าคะ ตอนนี้ท่านกำลังตั้งครรภ์ ห้ามยืนตากลมเช่นนั้นเลยนะคะ คุณหนูมาลองชิมโจ๊กรังนกที่บ่าวทำมาให้สิเจ้าคะ”

กู้ชูหน่วนรวบรวมสติและยื่นมือออกไปหยิบช้อน จากนั้นจึงตักเข้าปาก

“อร่อยมากเลย ฝีมือของชิวเอ๋อร์พัฒนาขึ้นมากเลยนะ”

ใบหน้าของชิวเอ๋อร์เต็มไปด้วยรอยยิ้มและตักให้กู้ชูหน่วนอีกหนึ่งถ้วย “คุณหนู ใครๆ ต่างก็พูดกันว่าเทพแห่งสงครามนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนราวกับฆ่ามด แต่จากเท่าที่บ่าวสังเกตวันนี้นั้น ที่จริงแล้วท่านอ๋องก็เป็นคนดีมากเลยนะเจ้าคะ โดยเฉพาะหลังจากที่คุณหนูตั้งครรภ์ ท่านอ๋องก็ดูแลคุณหนูเป็นอย่างดีเลยเจ้าค่ะ”

“อ้อ……เขาดูแลข้าดีอย่างไรหรือ?” กักขังนางเอาไว้ในห้องเล็กๆ เช่นนี้และบริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยผู้คุ้มกันฝีมือสูง เช่นนี้ก็เรียกว่าดูแลดีอย่างนั้นหรือ?

“ท่านอ๋องสั่งให้คนนำอาหารบำรุงมาให้เยอะแยะมากมาย ผ้าไหมผ้าแพรอีกจำนวนมากและยังมีของเล่นโบราณวัตถุ คนในจวนต่างก็พากันอิจฉา อีกอย่าง ท่านอ๋องยังจัดให้หมอหลวงเข้ามาทำการดูแลครรภ์ให้คุณหนูอีกด้วยนะเจ้าคะ”

“คุณหนูรู้หรือไม่เจ้าคะว่าอาหารบำรุงที่ท่านอ๋องส่งมาให้นั้นล้วนแล้วแต่มีมูลค่ามหาศาลและเป็นของชั้นเลิศ แม้แต่วังหลวงของแต่ละรัฐก็ไม่อาจมีเจ้าค่ะ”

กู้ชูหน่วนไม่ได้สนใจ

อาหารบำรุงหากกินมากเกินไปก็อาจตายได้เช่นกัน

“คุณหนู ถึงแม้ว่าบ่าวจะไม่รู้ว่าคุณหนูตั้งครรภ์เมื่อไร แต่ในเมื่อท่านมีท่านอ๋องตัวน้อยแล้ว และพรุ่งนี้ก็ต้องเข้าพิธีแต่งงาน เช่นนั้นท่านก็ควรเว้นระยะห่างจากคุณชายเยี่ยและคุณชายเซี่ยวเอาไว้นะเจ้าคะ เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาไปพูดเสียๆ หายๆ ได้”

กู้ชูหน่วนถอนหายใจและกินโจ๊กรังนกจนหมดก่อนที่จะผลักชิวเอ๋อร์ออกไป “เจ้าบรรพบุรุษตัวน้อย ข้าง่วงแล้ว ข้าอยากงีบสักหน่อย เก็บคำบ่นของเจ้ากลับไปเถอะ ข้าได้ยินจนแทบจะปวดหูแล้ว”

“ปัง……”

ประตูใหญ่ถูกปิดลง

ชิวเอ๋อร์ยืนมองถาดในมือด้วยความมึนงง

นางพูดบ่นตั้งแต่เมื่อไรหรือ?

นางก็แค่บ่นไปนิดเดียววันนี้เท่านั้นเอง

ชิวเอ๋อร์ยังต้องการอยากจะเข้าไปตักเตือน แต่เมื่อนึกถึงว่าคนตั้งครรภ์มักจะง่วงมากก็ได้หยุดความคิดนี้ลง

ภายในห้อง กู้ชูหน่วนนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นนางก็นำหญ้านรกที่ได้มาจากส่วนที่ลึกที่สุดของเผ่าปีศาจมาทุบ นำครึ่งหนึ่งมาพอกหน้าและอีกครึ่งหนึ่งนำไปผสมน้ำเพื่อดื่ม

นางมองไปที่กระจกด้วยความเป็นกังวลใจ

หากหญ้านรกไม่สามารถทำให้ใบหน้าของนางคืนสู่สภาพเดิมได้ เช่นนั้นแล้ว บนโลกนี้ก็ไม่มีหญ้าชนิดไหนที่สามารถฟื้นคืนสภาพให้กับใบหน้าของนางได้อีกแล้ว

เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของกู้ชูหน่วนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ และตัวนางเองที่อยู่ในกระจกก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะทุบทำลายโต๊ะเครื่องแป้งทิ้งเสีย

ปัดโธ่……

แถมยังมีผิวหนังลอกออกมาอีกด้วย

กู้ชูหน่วนมองเข้าไปที่กระจก

ตัวของนางเองที่อยู่ในกระจกราวกับเป็นเด็กทารกแรกเกิดที่มีผิวขาว ซึ่งอาจถูกทำลายได้แม้เพียงลมเป่า ใบหน้ารูปไข่ที่เย้ายวน สง่างามและแทบไม่มีตำหนิแม้แต่จุดเดียว

กู้ชูหน่วนจ้องมองดูตัวเองอย่างอบอุ่น

นางรู้ว่าหลังจากที่ใบหน้ากลับคืนสู่สภาพเดิม ใบหน้าของนางจะต้องไม่แย่อย่างแน่นอน

เพียงแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะออกมาสวยงามมากเช่นนี้

หากจะพูดว่าเป็นความงามที่ไม่มีใครเทียบได้นั้นก็ไม่เกินความจริงเลยสักนิด