ตอนที่ 517 เธอล่ะ
เธอพยายามจะฝืนข่มความรู้สึกบนใบหน้านี้เอาไว้ แต่กลับถูกไช่จิ้งอี๋ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสังเกตเห็นเข้า
เมื่อหันหน้าไปมองทางซูเหิง ก็เห็นท่าทางนั้นของซูเหิงเข้า พลันขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาทันที อดเอ่ยถามเสียงจริงจังไม่ได้
“ซูเหิง ลูกขัดข้องอะไรกับแผนการนี้ไหม”
ซูเหิงเงยหน้าขึ้นมา มองตอบสายตาของไช่จิ้งอี๋ ก่อนจะหันไปมองทางเฉินเชียนโหรวที่กำลังกัดริมฝีปากด้วยท่าทางเศร้าเสียใจอยู่ข้างๆ ท่ามกลางสายตาของไช่จิ้งอี๋ที่กำลังมองเขาอยู่ เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะตอบออกมา
“ผม…”
ใต้โต๊ะ เท้าของเขาถูกใครบางคนเหยียบเข้าอย่างแรง ซูเหิงชำเลืองไปมองสายตาที่เต็มไปด้วยสัญญาเตือนของไช่จิ่งอี๋ ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ
“แน่นอนว่าไม่มีครับ”
ใบหน้าที่ตึงเครียดของเฉินเชียนโหรวในที่สุดก็ผ่อนคลายลงมาได้ ใบหน้าของเจียงหรงหรงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาไม่น้อย
หยางลี่เวยที่เห็นว่าสีหน้าของไช่จิ้งอี๋และซูปิ่งโย่วไม่สู้ดีนักจึงรีบชวนพวกเขาคุยเพื่อเบี่ยงความสนใจ
“พนักงานเสิร์ฟที่นี่เป็นอะไรกัน ป่านนี้แล้วทำไมถึงยังไม่ยกอาหารมาเสิร์ฟอีก”
หยางลี่เวยตัดพ้อ ไช่จิ้งอี๋ก็ขมวดคิ้วด้วยท่าทางข้องใจ “นั่นสิ ตอนมารินน้ำชาให้ก็ดูกระตือรือร้นดี”
“ซูเหิง ลูกไปเร่งทีสิ ถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
ใครจะไปคิดถึงว่าหลังจากที่ไช่จิ้งอี๋พูดจบก็ได้ยินเสียง เพล้ง ดังขึ้นจากแก้วกระจกที่ตกกระทบลงบนโต๊ะไม้ จากนั้นก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจดังตามมาติดๆ เจียงหรงหรงรีบลุกขึ้นพลางปัดน้ำที่หกราดตัวทันที
มือที่ปัดเสื้อผ้าของเจียงหรงหรงชะงักไป ใบหน้าที่แดงระเรื่อมีเลือดฝาดเพราะความดีใจที่กำหนดวันจัดงานแต่งงานของเฉินเชียนโหรวแล้วเปลี่ยนเป็นใบหน้าขาวซีด
ความร้อนของน้ำชาที่สาดมาค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วตัว เวลานี้มือขวาของเจียงหรงกุมข้อมือซ้ายขวาไว้แน่น ใบหน้าซีดเซียวมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มหน้า
เฉินเชียนโหรวส่งเสียงร้องด้วยความตกใจและหวาดกลัว “คุณย่า คุณย่าไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
เป็นถึงขนาดนี้แล้วจะไม่เป็นไรได้ยังไง
ซูปิ่งโย่วรีบลุกขึ้นมาแล้วหันไปพูดกับซูเหิง
“ซูเหิง รีบขับรถพาประธานเจียงไปส่งที่โรงพยาบาล”
ทั้งหมดพากันออกไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หลังจากที่ตรวจอาการแล้วก็ได้รู้ว่ากระดูกมือซ้ายของเจียงหรงหรงหัก และข้อต่อเคลื่อนผิดตำแหน่ง
ระหว่างที่ดูคุณหมอกำลังรักษาให้เจียงหรงหรงก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ทำไมอยู่ดีๆ มือข้างซ้ายถึงได้กระดูกหักได้ล่ะ”
เจียงหรงหรงเพียงแต่เม้มริมฝีปาก ไม่พูดไม่จา
เธอจะบอกออกไปได้อย่างไร
จะให้บอกว่าเธอจับมือกับนายน้อยของป๋อซื่อแล้วถูกเขาบีบจนกระดูกหักอย่างนั้นหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงเวลาที่จับมือกันก็สั้นนิดเดียว ใครจะไปคิดว่าเวลาสั้นๆ เพียงแค่นั้นจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ
หลังจากที่ครุ่นคิดเงียบๆ อยู่ครู่ใหญ่ เธอก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แท้จริงแล้วเป็นเพราะนายน้อยของป๋อซื่อเดิมทีก็มีพละกำลังผิดมนุษย์มนามาตั้งแต่เกิด หรือว่าเธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจเข้า หรือว่า มือของเธอได้รับบาดเจ็บตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกปวดและต้องออกแรงมากเป็นพิเศษตอนที่จับมือ
มีความเป็นไปได้เยอะแยะมากมายไปหมด แต่สิ่งเดียวที่รู้สึกก็คือเธอไม่มีทางไปทำอะไรผิดใจป๋อจิ่งชวนแน่
คิดเท่าไรก็คิดไม่ตก
เธอจึงเพียงแค่ส่ายหน้า “อาจจะไม่ระวังไปชนอะไรเข้าละมั้ง อายุมากแล้ว กระแทกนิดกระแทกหน่อยก็อาการหนักกว่าพวกคนหนุ่มสาวเยอะ”
ไช่จิ้งอี๋พยักหน้าเออออด้วยท่าทางใช้ความคิด “ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น เพราะงั้น ต่อไปคุณก็ต้องระวังหน่อยนะคะ อาการบาดเจ็บของคุณคราวนี้ คงจะเรื้อรังไปเป็นครึ่งปีหรือหนึ่งปีได้”
เจียงหรงหรงถอนหายใจอย่างจนปัญญา ช่วยไม่ได้ นี่มันเวรกรรมอะไรกันเนี่ย
ช่วงนี้มีแต่เรื่องขัดใจ ดูเหมือนคงจะต้องหาเวลาไปวัดไหว้พระสักหน่อยแล้วจริงๆ
–
ที่คลับปี้หวงอวี๋เล่อ หลังจากที่ป๋อจิ่งชวนกลับเข้าไป จึงได้พบว่าภายในห้องมีแค่อินรุ่ยเจวี๋ย จี้อี้ ฉีน่าและสวี่ชิงจือสี่คน ไม่เห็นตัวเฉินฝานซิงเลย
“เธอล่ะ”
ใบหน้าหล่อเหลางดงามไร้อารมณ์ แต่ทว่าความเยือกเย็นในเส้นเสียงกลับทำให้ทุกคนพร้อมใจกันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ตอนที่ 518 หนีปัญหา
ใบหน้าหล่อเหลางดงามไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ทว่าความเยือกเย็นในเส้นเสียงกลับทำให้ทุกคนพร้อมใจกันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
สวี่ชิงจือตอบสนองก่อนใคร เธอนั่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้านพลางเชิดปลายคางชี้ไปทางด้านนอก
“หนีปัญหาไปหลบในห้องน้ำ”
ป๋อจิ่งชวนเหลือบมองเธอนิ่งๆ ปราดหนึ่ง จากนั้นร่างสูงยาวก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป
จี้อี้และฉีน่านั่งอยู่ที่เดิม ตั้งแต่วินาทีที่ป๋อจิ่งชวนเดินเข้ามา สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนอารมณ์ไปจนแทบนับไม่ถ้วน
จากงุนงง เป็นสงสัย เป็นอึ้ง จนสุดท้ายตะลึงจนอ้าปากค้าง
“คนเมื่อกี้นี้…เขาเป็น…ประธานบริหารคนใหม่ของป๋อซื่อใช่ไหม”
จี้อี้กลืนน้ำลาย สายตายังคงจ้องมองไปทางประตูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
เพราะในวันงานเลี้ยงฉลองของมหาวิทยาลัย เธอก็เคยเห็นเขาจากไกลๆ ท่าทางและใบหน้าที่ดูสูงสง่าไม่เหมือนใครนั้นทำให้เธอจำได้แม่นยำไม่มีทางลืมลง
อินรุ่ยเจวี๋ยส่งเสียงฮึดฮัดก่อนจะพูดขึ้น “แน่นอน ถามเธอหน่อยสิว่าบนโลกนี้ยังหาคนที่เหมือนพี่ป๋อของฉันได้อีกเหรอ”
จี้อี้ส่ายหัวพลางพึมพำ
“…แต่เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
อินรุ่ยเจวี๋ยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้จี้อี้ “อะไรกัน ดูเหมือนเธอจะยังไม่รู้สินะ”
จี้อี้รีบพยักหน้า แล้วหันหน้าไปมองอินรุ่ยเจวี๋ยแวบหนึ่ง พลันยื่นหน้าเข้าไปถามเขาเบาๆ
“ฉันไม่รู้ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ”
อินรุ่ยเจวี๋ยหัวเราะอย่างมีเลศนัย “ถ้ายอมตกลงร้องเพลงกับฉัน ฉันจะบอกเธอ”
“…”
–
ที่ห้องน้ำ เฉินฝานซิงเข้ามาหลบเพื่อหนีปัญหาทุกอย่างได้สำเร็จ ปรากฎว่าผ่านไปไม่ถึงสองนาทีก็ออกมายืนลังเลตรงหน้าอ่างล้างมือ
หนีปัญหาสบายใจแค่ชั่วครู่ สุดท้ายอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากับจุดจบอยู่ดี
ถ้าออกไปตอนนี้จะต้องทำยังไงดี...
ทว่าเธอยังไม่ทันได้ออกไปด้วยซ้ำ แต่กลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของความเย็นยะเยือกคืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย…
เธอหันไปมองทางหน้าประตูด้วยอาการเกร็งๆ ก็เห็นว่าร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
เฉินฝานซิงแน่นิ่งไป สมองมึนงงไปชั่วขณะ
ตามมาจัดการถึงที่ห้องน้ำเลย เธอจบแห่แล้ว
เธอมองทะลุผ่านช่องประตูออกไป มองเห็นป้ายสีเหลืองป้ายหนึ่งวางอยู่เต็มๆ ตา เธอเม้มริมฝีปาก แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไร ทำใจดีสู้เสือหันไปยิ้มให้กับป๋อจิ่งชวน
“บังเอิญจัง คุณก็มา…”
เฉินฝานซิงยังไม่ทันพูดจบ ป๋อจิ่งชวนก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเธอ
ดวงตาเฉินฝานซิงฉายประกาย รีบจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องน้ำหญิงทันที
ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ เธอเข้าไปในห้องน้ำหญิงได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่าเธอยังไม่ทันได้พักหายใจก็ได้ยินเสียง ปัง ก่อนจะเป็นเสียง แกร๊ก ตามมา ประตูถูกปิดและล็อกอย่างรวดเร็ว
เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พลางมองไปที่ป๋อจิ่งชวนแล้วเม้มริมฝีปากด้วยความเก้อเขิน
“ป๋อจิ่งชวน…นี่มันห้องน้ำหญิง…”
แววตาป๋อจิ่งชวนนิ่งเฉย เขาเดินเข้ามาใกล้เฉินฝานซิงด้วยใบหน้านิ่งขรึม
เฉินฝานซิงรู้สึกใจหวิวๆ เมื่อเห็นว่าป๋อจิ่งชวนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ก็รีบพุ่งเข้าไป ยื่นแขนออกมาจับไหล่ของป๋อจิ่งชวนไว้แล้วออกแรงดันเขาไปที่ประตู