ตอนที่ 505 นั่นเรียกว่าโง่เขลา
“กินนาฬิกา?”
เมื่อได้ยินที่หลินเยียนพูดแล้ว เผยอวี่ถังพยายามส่งสัญญาณทางสายตาให้หลินเยียน
สำหรับฝีมือของหลินเยียน รู้ดีอยู่แล้ว อีกทั้งยังเชื่อมั่นในฝีมือหลินเยียนอีกด้วย แต่นั่นก็แค่กับระดับทีมรถแข่งทั่วไป แต่ในตอนนี้หลินเยียนกำลังท้าทายใครอยู่?!
เธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้นธรรมดามากหรือไง?
เยวาเชียวนะ!
ฉายาเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวา ตำนานนักแข่งรถหญิงที่ครองสถิติความเร็วบนโลกนี้
ปกติคนอย่างพวกเขา ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้เจอเยวา แต่ตอนนี้หลินเยียนจะไปท้าทายตำนานแบบนี้ อีกทั้งยังเดิมพันกันว่าใครแพ้คนนั้นต้องกินนาฬิกา!
ถ้าไม่ได้รู้จักหลินเยียนเป็นอย่างดี เผยอวี่ถังคิดว่าที่หลินเยียนให้นาฬิกาเป็นของขวัญแล้วก็มาท้าทายว่าใครแพ้คนนั้นก็กินนาฬิกา…ไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ!
ไม่ปล่อยให้หลินเยียนมีโอกาสได้พูดต่อ เผยอวี่ถังดึงตัวหลินเยียนมาข้างๆ ทันที
“พ่อทำอะไรอยู่ครับเนี่ย?” เผยอวี่ถังมองไปทางหลินเยียนด้วยความอึ้งทึ่ง
เผยอวี่ถังไม่คิดว่าที่หลินเยียนมาร่วมงานครั้งนี้จะสร้างเรื่องได้เยอะขนาดนี้
สิ่งที่สำคัญคือ หลินเยียนไม่มีทางชนะ หรือว่าเธอจะกินนาฬิกาที่ตัวเองให้เป็นของขวัญ?
ตอนแรกหลินเยียนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่โดนเผยอวี่ถังขัดซะก่อน “พี่สะใภ้…หรือว่าพี่อยากใช้โอกาสนี้สร้างกระแส? แต่คงจะสร้างได้แค่คำด่านะ?”
หลินเยียน “…”
จริงๆ แล้วสำหรับคำพูดของเผยอวี่ถัง หลินเยียนเองก็พอจะเข้าใจได้
ถ้าตัวเองเป็นเผยอวี่ถังก็คงจะคิดแบบนี้เหมือนกัน
“ใช่แล้ว ฉันอยากสร้างกระแส” หลินเยียนมองไปทางเผยอวี่ถังแล้วหัวเราะ
“หืม?”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว เผยอวี่ถังเผยสีหน้าแห้งเก้อ
สร้างกระแสได้ทุกเรื่องเลยรึไง?
“ว่าไง ถ้าเธอแพ้ ก็กินนาฬิกาซะ”
สักพัก สายตาอันเดย์มองไปทางหลินเยียน แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“คุณอันเดย์ ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ได้ค่ะ” หลินเยียนยิ้มแล้วพยักหน้า “จริงๆ แล้วฉันไม่ได้มีเจตนาจะท้าทาย ฉันแค่คิดเฉยๆ ว่าฝีมือแข่งรถของฉันก็เก่งเหมือนกัน เผลอๆ อาจจะชนะเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์เยวาในตำนานก็ได้นะคะ”
และแล้วกัปตันหญิงทีมสามเควันจ้องไปทางหลินเยียนแล้วหัวเราะขึ้นมา “นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ฉันเคยได้ยินในปีนี้ เธอเป็นแค่ลูกทีมทีมรถแข่งชั้นต่ำที่สุด ใครเป็นคนทำให้เธอมั่นใจได้ขนาดนี้ ทำให้เธอหลงคิดว่าฝีมือขับรถตัวเองดีมาก”
“มีความมั่นใจเป็นเรื่องดี แต่มั่นใจเกินตัวเขาเรียกว่าโง่เขลา”
“ฮ่าๆ อะไรมาโง่เขลากัน นางนี่อยู่ในวงการบันเทิงน่ะ ทุกคนอาจจะยังไม่รู้ เธอดังจากการสร้างกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง ไม่คิดว่าตอนนี้ไม่สร้างกระแสแต่มาหลอกลวงแทน อีกทั้งยังไม่ได้ธรรมดาด้วย มาเกาะระดับคุณเยวาเลยล่ะ”
“ใช่แล้ว…ก่อนหน้านั้นฉันเคยได้ยินว่า ผู้หญิงคนนี้หาเงินจากการเกาะกระแส”
สำหรับคำพูดของผู้คน หลินเยียนยิ้มสู้มาตลอด อีกอย่าง…ที่พวกเขาพูดก็ไม่ผิด ช่วงก่อนหน้านั้นเธอดังเพราะข่าวซุบซิบนี่แหละ ถึงจะไม่ใช่ความตั้งใจของตัวเอง แต่ก็ถือว่าเป็นความจริง
“ถ้าเธอแพ้ เธอกินนาฬิกานี้ซะ ถ้าบอสเยวาแพ้ ฉันจะเป็นคนกินนาฬิกาเอง” อันเดย์จ้องเขม็งใส่หลินเยียนแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“คุณอันเดย์ แบบนี้คงจะไม่ดีมั้งครับ”
ขณะนี้ เว่ยสวีเฟิงขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูดกับอันเดย์
ยัยหลินเยียนนี่ทำตัวเกินไปจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้
แต่แค่ไล่เธอไปก็พอ ไม่ต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ได้
ตอนที่ 506 ต้องชดใช้
เว่ยสวีเฟิงคิดว่า หลินเยียนคงจะแพ้อยู่แล้ว การประเดิมกินนาฬิกาในครั้งนี้เธอก็เป็นคนตอบตกลงเอง ต่อให้แพ้แล้วต้องกินนาฬิกา ก็ถือว่าเป็นเวรกรรมของตัวเอง
ถ้ากินนาฬิกานั่นจริงๆ ไม่ตายก็ต้องตายทั้งเป็นอยู่ดี
ถึงแม้จะรู้สึกไม่ดีกับหลินเยียนอีกต่อไป ก่อนหน้านั้นหลินเยียนตั้งใจเลียนแบบเยวา อีกทั้งยังทำตัวแบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย ที่ทำไปอาจจะทำเพื่อเรียกร้องความสนใจของเขา
ในเมื่อร่วมงานกับหลินเยียนมานาน ดังนั้นเว่ยสวีเฟิงไม่อยากเห็นหลินเยียนรับใช้กรรมตัวเอง
“เฮ้ จะว่าไปเจ้าเฟิง อย่าบอกว่านายเป็นเอฟซีปลอมนะ?”
เว่ยสวีเฟิงยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ฉีเซ่าหยวนเดินเข้ามาอย่างกะทันหันแล้วเดินไปทางข้างๆ เว่ยสวีเฟิง พลันพูดขึ้นด้วยเสียงแข็ง “มีคนอยากท้าทายบอส นายยังจะปกป้องอีกเหรอ คนแบบนี้ยังต้องปกป้องอีกเหรอ
ต้องลงแข่งกับบอส สั่งสอนเธอให้รู้เรื่องรู้ราว ให้เธอชดใช้ความทะนงตัวและความโง่เขลาของตัวเอง ฉันว่านะ แค่กินนาฬิกายังน้อยไปหน่อย ควรกิน…ช่างเถอะ ขยะแขยงไปหน่อย ไม่กล้าพูด”
ได้ยินแบบนั้นแล้ว เว่ยสวีเฟิงมองไปทางฉีเซ่าหยวนด้วยสายตาประหลาดใจ
หลินเยียนมาที่แบบนี้ได้ก็เพราะฉีเซ่าหยวนชวนไม่ใช่เหรอ
อีกอย่าง ก่อนหน้านั้นที่หันอี้เซวียนจะไล่หลินเยียนออกไป ฉีเซ่าหยวนยอมเปลี่ยนเป็นคนละคนก็เพื่อออกตัวแทนหลินเยียน
และแล้วจากสถานการณ์ตอนนี้ ฉีเซ่าหยวนเปลี่ยนอารมณ์เร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือซะอีก ก่อนหน้านั้นปกป้องหลินเยียนด้วยชีวิต ตอนนี้แทบอยากจะส่งหลินเยียนไปตาย
หยักสมองของคนแบบนี้หน้าตาเป็นยังไงกันเหรอ
ฉีเซ่าหยวนที่เขารู้จักไม่ใช่คนหน้าไหว้หลังหลอกแบบนั้น…
“ฉีเซ่าหยวน ก่อนหน้านั้น…นายยังหนุนหลังให้หลินเยียนอยู่ไม่ใช่เหรอ” เว่ยสวีเฟิงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
ทันใดนั้น ฉีเซ่าหยวนส่ายหัว “ก่อนหน้านั้นคือก่อนหน้านั้น ตอนนี้คือตอนนี้ ก่อนหน้านั้นหลินเยียนไม่ได้ท้าทายบอส แต่ตอนนี้กล้าท้าทายบอสซะงั้น ฉันจะยอมปล่อยเธอได้ไง…คนละเรื่องกัน
แต่นายนั่นแหละ นกสองหัว ไม่ซื่อสัตย์ต่อบอสเลย ขนาดบอสนายยังไม่รู้…เอ่อ ช่างเถอะ ยังไงซะนายก็เป็นเอฟซีปลอมน่ะ”
เว่ยสวีเฟิงขี้เกียจพูดกับฉีเซ่าหยวนต่อ เขามองไปทางหลินเยียนที่อยู่ด้านหลังแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลินเยียน ตอนนี้เธอขอโทษทุกคนและบอส แล้วเชิญออกไปซะ เรื่องในวันนี้พวกเราจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ เรื่องกินนาฬิกาก็ถือว่าเป็นโมฆะ อย่าบอกว่าฉันไม่ให้โอกาสเธอล่ะ”
“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม ใครเหยียดหยามบอสก็ต้องชดใช้!” ฉีเซ่าหยวนรีบพูดขึ้น
“อื้ม ฉีเซ่าพูดถูก ถ้าทำผิด ก็ต้องยอมรับเอง ไม่ใช่แค่ขอโทษก็จบเรื่องได้”
“เธอยอมรับเองว่าถ้าแพ้จะกินนาฬิกาเอง ไม่มีใครบังคับเธอสักหน่อย เธออยากสร้างกระแสไม่ใช่เหรอ ก็สร้างกระแสไปเลย ถ้าแพ้ก็แค่กินนาฬิกา พวกเรายอมรับได้หมด” กัปตันหญิงเควันทีมสามหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“หลินเยียน ยังไม่ขอโทษอีก?” เว่ยสวีเฟิงไม่สนใจคนอื่น ได้แต่ตะคอกใส่หลินเยียน
หรือว่าผู้หญิงคนนี้ยอมสร้างกระแสจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว?!
“เริ่มแข่งได้หรือยัง” หลินเยียนหัวเราะแล้วพูดขึ้น
เว่ยสวีเฟิงจ้องเขม็งใส่หลินเยียน “เธอ!”
ทันใดนั้น เว่ยสวีเฟิงกัดฟันขบเขี้ยว เธออยากตายเอง เขาก็คงห้ามไม่ได้
คนที่โง่เขลา ช่างน่าเวทนา
“คุณเยวา ขออภัยอย่างสูงนะคะ คนนี้คือพี่สาวของฉัน…พี่สาวเข้าใจผิดในตัวพวกเรามาโดยตลอด…พี่สาวคงจะรู้ว่าพวกเราเชิญตัวคุณเยวามา ก็เลยมาตั้งใจหาเรื่อง ขอโทษจริงๆ นะคะ…คุณเยวาไม่ต้องไปใส่ใจหรอกค่ะ ความผิดที่พี่สาวได้ทำ ฉันจะเป็นคนยอมรับไว้เอง” หลินซูหย่ามองไปทางหญิงสาวด้วยหน้าหงอย