ตอนที่ 48 พี่เขยห้าผู้มีอนาคต

“คุณช่วยไปหยิบกระเป๋าที่ผมเอากลับมาให้ผมหน่อย” ฉินหวยเหรินกล่าวกับพี่สาวห้าจ้าวด้วยรอยยิ้ม

พี่สาวห้าจ้าวนึกขึ้นมาได้ จึงเดินไปหยิบกระเป๋าที่เขานำกลับมามาให้เขา ก็พบว่ากระเป๋าใบนี้หนักมาก จึงอดถามไม่ได้ว่า “คุณใส่อะไรไว้เนี่ยคะ?”

ฉินหวยเหรินรับมา จากนั้นจึงเปิดออก

ใส่อะไรไว้ด้านในน่ะหรือ? นาฬิกาข้อมือน่ะสิ! มีนาฬิกาข้อมืออยู่ 20 กว่าเรือน!

พี่สาวห้าจ้าวถึงกับชะงักงัน จ้าวเหวินเทาก็เช่นกัน “พี่เขย พี่ไปเอานาฬิกามากขนาดนี้มาจากไหนครับเนี่ย?”

“ครั้งนี้ออกเดินทางไปทางใต้ พวกเธอไม่รู้หรอกว่าทางใต้พัฒนาเร็วขนาดไหน เมื่อสองปีที่แล้วฉันก็เคยไปที่นั่นมาแล้วครั้งหนึ่ง เทียบกับครั้งนี้แล้วราวกับคนละที่กันเลย” ฉินหวยเหรินกล่าว

เขาซื้อนาฬิกาเหล่านี้มาจากทางใต้ เงินที่ได้จากการออกรถในครั้งนี้ยังได้รายได้พิเศษด้วย จึงทุ่มเงินก้อนนี้ไปกับนาฬิกาเหล่านี้เป็นธรรมดา

“น้องหก เรือนนี้ฉันให้นาย” ฉินหวยเหรินเลือกนาฬิกาที่ดูหรูหราขึ้นมาหนึ่งเรือน ก่อนจะมอบให้กับจ้าวเหวินเทา

จ้าวเหวินเทารีบส่ายหน้า “ได้ไงล่ะครับ ผมจะรับของมีค่าขนาดนี้จากพี่เขยได้ยังไง?”

“ฉันได้มาในราคานำเข้า 40 หยวน” ฉินหวยเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ราคานำเข้าแค่ 40 หยวน?!” พี่สาวห้าจ้าวเบิกตาโต ขณะกล่าวด้วยความตกใจ

นี่ไม่ได้หมายความว่าเงินจำนวน 40 หยวนน้อย อันที่จริงเงินจำนวน 40 หยวนเป็นเงินเดือนของหนึ่งครอบครัวได้เลย แต่ทางฝั่งพวกหล่อนนั้น ต่อให้นาฬิกาแบบนี้มีราคาเรือนละ 100 หยวนก็ยังมีคนมาแย่ง ทั้งยังต้องมีคูปองแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วย ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีปัญญาซื้อ

คิดไม่ถึงเลยว่า ของชิ้นนี้มีราคานำเข้าแค่ 40 หยวน?

“ใช่ ของพวกนี้ก็ราคาพอ ๆ กัน ฉันเอากลับมาทั้งหมดเลย” ฉินหวยเหรินพยักหน้ากล่าว จากนั้นจึงมองไปยังน้องชายของภรรยาและกล่าวว่า “น้องหก ตอนนี้การพัฒนาของภาคใต้ล้ำจินตนาการของนายไปไกลแล้ว พวกเราทางฝั่งนี้พัฒนาช้าไปหน่อย แต่ในเมืองก็น่าจะมีเอกสารมาเร็ว ๆ นี้แหละ ระบบสัญญาก็น่าจะมาเร็ว ๆ นี้ ถึงตอนนั้นนายคิดจะทำอะไร?”

“ผม…ผมอยากเลี้ยงกระต่าย?” จ้าวเหวินเทากล่าว

ฉินหวยเหรินพยักหน้ากล่าวว่า “อันนี้ก็ดีนะ กระต่ายโตเร็ว แถมยังมีแต่เนื้อทั้งนั้น ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ออกแล้ว แต่ถ้านายต้องการทำแบบนี้โดยเฉพาะ ก็ต้องไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์มาสักหน่อย ตอนนี้ทุกคนต่างสนใจเกี่ยวกับการเลี้ยงแบบวิทยาศาสตร์กันแล้ว เลี้ยงแบบเราก็ไม่แย่นะ แต่พวกมันจะเป็นโรคง่าย ข้อห้ามที่สำคัญที่สุดคือการเจ็บป่วย ถ้าหนึ่งตัวป่วยมันก็จะติดกันหมด”

จ้าวเหวินเทารู้สึกว่าที่เขาพูดมานั้นมีเหตุผลเป็นอย่างยิ่ง จึงพยักหน้ากล่าวว่า “งั้นถึงเวลาผมจะไปถามพี่สามของภรรยาของผมดู ภรรยาของเขาเป็นปัญญาชน แถมยังอยู่ฝั่งเมืองหลวงทางนู้นด้วย”

ฉินหวยเหรินประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า “ปัญญาชน?”

“ใช่ เป็นปัญญาชน แต่พี่สามของภรรยาผมก็ไม่ได้ถูกทิ้งนะ ก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งเขียนจดหมายกลับมา บอกว่าสิ้นปีนี้จะกลับมาฉลองปีใหม่ด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉินหวยเหรินไม่กล่าวอะไร เขาปรับนาฬิกาเสร็จแล้ว จากนั้นก็ยื่นให้กับจ้าวเหวินเทา

อีกฝ่ายต้องการมอบให้เขาจริง ๆ ถ้าเขายังปฏิเสธอีกครั้งก็จะกลายเป็นความหน้าซื่อใจคดแทน จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นผมไม่เกรงใจพี่เขยห้าแล้วนะครับ”

“เกรงใจอะไรกัน” ฉินหวยเหรินยิ้ม

จ้าวเหวินเทารับไป เขาชอบจนวางไม่ลงเลย เขาอยากมีนาฬิกาสักเรือนมานานหลายปีแล้ว แต่ราคาแพงเกินไป เขาจะมีปัญญาซื้อได้อย่างไรกัน?

ไม่คิดว่าสามีของพี่สาวห้าจะใจกว้างขนาดนี้ ถึงกับให้นาฬิกากับเขาหนึ่งเรือนเลย

เพราะนาฬิกาเรือนนี้ ทำให้สายตาที่พี่สาวห้าจ้าวมองสามีของตัวเองดูอ่อนโยนขึ้น ฉินหวยเหรินย่อมได้รับประโยชน์อย่างมาก

จ้าวเหวินเทาอยู่ต่อสักพักหนึ่งก็ขอตัวกลับ เขาไม่อยากรบกวนพี่สาวห้าและพี่เขยของพี่สาวห้าให้มากเกินไป

พี่สาวห้าจ้าวส่งน้องชายเสร็จ ก็หันกลับมาถามสามีของตัวเอง “คุณมีเงินทุนเยอะขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? นับรวมกับนาฬิกาของเจ้าหก ก็มีนาฬิกาทั้งหมด 23 เรือนเลยนะ ต่อให้หนึ่งเรือนราคานำเข้า 30 หยวนรวมกันก็เกือบ 700 หยวนแล้ว คุณไปเอาเงินมาจากไหน?”

“ภรรยา ผมไม่ได้ซ่อนบ้านลับอะไรไว้หรอกนะ ของพวกนี้ผมได้มาจากข้างนอกทั้งนั้นแหละ รอบนี้ผมเอาคูปองทีวีหนึ่งใบไปแลกกับคนอื่นมา พอขายออกไปก็เลยได้เงินกลับมา ถึงมีเงินทุนมาซื้อนาฬิกาพวกนี้ไง” ฉินหวยเหรินกล่าว

พี่สาวห้าจ้าวจ้องเขาสักพัก เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ร้อนตัวจึงเกิดความพึงพอใจ จากนั้นก็ได้ถามว่าจะขายนาฬิกาเหล่านี้อย่างไร?

พี่สาวห้าจ้าวมีความสุขมาก

นาฬิกาแบบนี้ถ้าไม่ต้องการคูปองก็จะถูกขายออกไปได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาไม่มีช่องทางน่ะสิ

“เรื่องนี้มันจะไปยากอะไร เอาไปขายในห้างสรรพสินค้า ขายออกไปหนึ่งเรือนก็เจียดเงินให้เขาสักห้าหยวนสิบหยวน” ฉินหวยเหรินกล่าว

พี่สาวห้าจ้าวรู้สึกว่าไม่เลวจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะไปคุยกับเขา”

ใคร ๆ ก็เต็มใจที่จะหารายได้พิเศษกันทั้งนั้น ตอนที่แอบขายก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

พี่สาวห้าจ้าวเข้ามาคุยกับชายหนุ่มที่เคาน์เตอร์ ชายหนุ่มคนนี้ก็กำลังจะแต่งงาน ย่อมต้องการหารายได้เสริม แต่เงินแค่ 5 หยวนเขาไม่ทำ สุดท้ายจึงจบลงที่ราคา 8 หยวน

ขายออกหนึ่งเรือนต้องการ 8 หยวน

วิธีพูดนั้นง่ายมาก ถ้ามีแขกมาซื้อหรือดูนาฬิกา เขาก็จะลองแนะนำดูบอกว่าเป็นนาฬิกาของญาติที่เพิ่งซื้อมา แต่ทางบ้านต้องการใช้เงินด่วนจึงอยากนำมาแลก โดยไม่ต้องใช้คูปอง

รูปแบบทันสมัย ของใหม่เอี่ยมจากเซี่ยงไฮ้ แถมยังไม่ต้องใช้คูปองอีก ราคาใกล้เคียงกับเคาน์เตอร์อื่น ๆ ย่อมมีคนต้องการซื้ออยู่แล้ว

นาฬิกาเหล่านี้จึงขายออกได้ไม่ยาก

ราคาที่ปล่อยออกไปต่ำที่สุดก็ทำกำไรได้แบบครึ่งต่อครึ่ง ส่วนที่ทำกำไรได้มากก็สูงถึง 60-70%

ระหว่างที่จ้าวเหวินเทาขี่จักรยานกลับบ้าน เขาก็คำนวณบัญชีของพี่เขยห้าไปพลาง ๆ

ตอนที่ยังไม่คำนวณเขาก็ไม่รู้หรอก แต่พอได้มาคำนวณดูแล้วเขาถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก สามีของพี่สาวห้าจ้าวไปกลับหนึ่งรอบทำเงินได้มากขนาดไหนกัน? นี่มันหลายร้อยหยวนเลยนะ!

คนอื่น ๆ หนึ่งปีได้เงินไม่ถึงกี่ร้อยหยวนเลยด้วยซ้ำ แต่พี่เขยห้าของเขาไปกลับหนึ่งรอบก็ได้เงินมากมายขนาดนี้แล้ว

จ้าวเหวินเทาที่จากเดิมดีอกดีใจเพราะวันนี้ได้เงินมา 2.30 หยวน รู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นเทลงมาหนึ่งถังก็ไม่ปาน

เศร้าสุด ๆ เลย

ดังนั้นนาฬิกาที่เขาได้มาหนึ่งเรือนก็ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเท่าไรนัก หลังจากกลับมาถึงบ้าน สีหน้าของเขาย่อมดูไม่มีความสุข จอดจักรยานเสร็จแล้วเขาก็เดินตรงกลับเข้าห้องนอน

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมหน้าบึ้งขนาดนั้น?” พี่สะใภ้รองจ้าวมีท่าทางตกใจขณะพึมพำ

พี่สะใภ้สามจ้าวเองก็งุนงง กล่าวว่า “คงไม่ใช่เพราะถั่วงอกขายไม่ดีหรอกมั้ง?”

“มันก็แค่ถั่วงอก ไม่ใช่ของหายากอะไร ขายไม่ดีก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว ทั้งยังแอบรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้นด้วย

พี่สะใภ้สี่จ้าวที่กำลังเก็บถั่วที่ตากแดดแล้ว กล่าวกับซานหยาว่า “ไปบ้านป้าซงจือแล้วไปเรียกอาสะใภ้หกกลับมา”

เย่ฉูฉู่เองก็กลับมาแล้ว

พี่สะใภ้สี่จึงกล่าวว่า “น้องสามีหกไม่รู้เป็นอะไร เขาอารมณ์ไม่ดีเลย ฉันเห็นเขาเอากระสอบกลับมาด้วย ถั่วงอกน่าจะขายดีไม่ใช่เหรอ?”

“ฉันกลับห้องก่อนนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

พี่สะใภ้สี่พยักหน้าพลางกล่าว “ถ้าขายไม่ดีก็ปลูกให้ดี ๆ จะได้ไม่ขาดของกิน” หล่อนเห็นน้องสามีกลับมาด้วยสภาพนี้ ในใจของหล่อนก็รู้สึกดีมากเช่นกัน

เย่ฉูฉู่กลับมาที่ห้องแล้ว จ้าวเหวินเทายังไม่นอน เมื่อได้ยินเสียงจึงแอบแง้มดูนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าภรรยาของเขากลับมา ก็ยิ่งเศร้าใจเข้าไปใหญ่

“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยรอยยิ้ม “ขายไม่ดีเหรอคะ?”

“เปล่าหรอก ถั่วงอกขายออกจนหมดเกลี้ยงเลย แค่แป๊บเดียวก็ขายออกจนหมดเกลี้ยงแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว

“งั้นก็แปลว่าเงินถูกปล้นเหรอ?” เย่ฉูฉู่ถามอีกครั้ง

“ภรรยา ทำไมคุณถึงปากเสียแบบนี้เนี่ย?” จ้าวเหวินเทากล่าว

“งั้นคุณก็บอกฉันสิว่าเป็นอะไร คุณให้ฉันเดาฉันก็เดาไม่ถูกหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

โอ๋เอ๋นะคะเหวินเทา ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น ยังได้น้อยอยู่ แต่ถ้าหาของที่มีมูลค่าเยอะกว่านี้มาขายก็จะได้เยอะเองค่ะ ซึมเลยพ่อกระต่ายฉัน

สงครามไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารค่ะเหล่าพี่สะใภ้ทั้งหลาย

ไหหม่า(海馬)