ตอนที่ 130-2 อนุกลายเป็นนางโสเภณีประจำบ้าน คุณชายรองถูกทอดทิ้ง

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ชายสองคนที่ในยามปกติไม่มีสตรีคนใดเหลียวแล ไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของสตรีสูงศักดิ์มาก่อน ต่อให้เป็นแม่หมูก็ไม่ขัด ไหนเลยจะถือสารอยแผลเป็นบนใบหน้าของอวิ๋นหว่านเฟย เพียงเป็นสตรีผู้หนึ่ง และยังหายใจอยู่ ก็ได้แล้ว พวกเขาพลันกลืนน้ำลายและถูมือไปมา ทว่ายังมีความลังเลอยู่ “พี่สาวฮว่าซั่น ถึงอย่างไร…นางก็เป็นอนุคุณชายรอง จะได้หรือ”

 

 

ฮว่าซั่นโกรธเมื่อกล่าวถึง “อนุ? เลี้ยงนางอยู่ด้านนอกไม่แม้แต่จะเข้าประตูจวนมาได้! อนุอันใด กระทั่งนางบำเรอก็มิได้เทียบเคียงเลยแม้แต่น้อย! ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครในตระกูลอวิ๋นและตระกูลมู่หรงจะสนใจนางอีกแล้ว! พวกเจ้าเสวยสุขได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่วันนี้ข้าจะมาส่งอาหารให้อนุท่านนี้ทุกวัน พวกเจ้าน่ะ แค่มากับข้าทุกวันก็พอ ฮ่าๆ”

 

 

ดวงตาของอวิ๋นหว่านเฟยเหมือนตกลงไปในหุบเขาลึก หมดหวังแล้ว เหตุใดหรุ่ยจือถึงไม่ฆ่านางให้ตายเสียตั้งแต่ตอนกลางวัน

 

 

อาเป้ามีความกล้าขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ฮว่าซั่นพูด จึงกระซิบกับสหายตนเสียงเบา “พี่สาวฮว่าซั่นเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งที่จวนโหว นางพูดอย่างนั้น ไม่มีเรื่องแน่นอน! ฮี่ๆ!”

 

 

ทั้งสองไม่ลังเล ความปรีดาแล่นปราดเข้ามา อุ้มสตรีบนพื้นขึ้น คนหนึ่งอุ้มทางศีรษะ อีกคนอุ้มทางขา ไม่สนใจการดิ้นรนและเสียงร้องโหยหวนของหญิงสาว อุ้มเข้าไปในบ้าน

 

 

ฮว่าซั่นมองดูแสงไฟภายในห้อง แววอำมหิตแล่นผ่านใบหน้าไป มิใช่ว่าชอบยั่วยวนบุรุษหรือ ตั้งแต่วันนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าโสเภณีประจำบ้าน!

 

 

**********

 

 

ในวันเดียวกัน มู่หรงไท่ถูกปลุกด้วยเสียงของผู้คน ทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ

 

 

เขาพบว่าตัวเองเป็นเหมือนเศษผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง ถูกทิ้งตรงตรอกใกล้ๆ จวนกุยเต๋อโหว เจ็บทั้งตัวจนกระดูกแทบหลุดโดยเฉพาะความรู้สึกผิดปกติในร่างกายส่วนล่างที่อึดอัดมาก รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งตัว เมื่อมองลงไปถึงกับผงะ ร่างกายเปลือยเปล่า มีรอยริมฝีปากสีแดงสดที่หน้าอกและรอยเล็บของผู้หญิง เมื่อเห็นเสื้อคลุมและเสื้อผ้ากองอยู่ข้างๆ ตัวจึงรีบหยิบมาใส่

 

 

แต่ก็สายเกินไป บริเวณโดยรอบแออัดไปด้วยผู้คนที่กลับบ้านในเวลากลางคืน

 

 

เมื่อเห็นชายเปลือยนอนอยู่ที่ทางเข้าตรอก คนเดินผ่านไปมาคิดว่าเป็นขอทาน หลังจากมองอีกสองสามครั้งผู้คนก็ชะลอตัวลงทีละคนและการสนทนาก็ดำเนินต่อไป

 

 

มู่หรงไท่มีรูปลักษณ์หล่อเหลา เป็นที่น่าประทับใจและยังชอบทำตัวเด่น ไปไหนมาไหนข้างนอกทั้งวัน หลายๆ คนรู้จักดี

 

 

“เจ้าว่าคนนั้นหน้าคุ้นๆ ไหม นั่นมิใช่คุณชายรองของจวนโหวหรือ…”

 

 

“มิใช่กระมัง…เอ๋ เหมือนจะใช่! เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่”

 

 

“เจ้าไม่ได้กลิ่นสุราไม่เห็นรอยริมฝีปากบนใบหน้าและลำคอของเขาหรือ บางทีเขาอาจจะดื่มสุราเคล้านารีอยู่ข้างนอก เมามากจนเป็นลมที่ประตูก่อนจะกลับบ้าน…”

 

 

“จุ๊ๆ ลูกผู้ดีมีเงินก็เป็นเช่นนี้แล…”

 

 

ความสงสัยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการเยาะเย้ยและส่ายศีรษะ

 

 

มู่หรงไท่รู้สึกตัวว่าเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างนั้นเปียกโชกราวกับว่ามีใครบางคนทำเครื่องดื่มหกใส่ ไม่จำเป็นต้องพูด ต้องเป็นคำสั่งของฉินอ๋องแน่ ยังไม่ทันที่จะแอบเข้าไปในจวน หัวหน้าพ่อบ้านจวนโหวก็ได้ยินเสียงวุ่นวาย จึงนำเด็กรับใช้ในบ้านออกมา เห็นคุณชายรองสภาพเช่นนี้ก็ประหลาดใจยกใหญ่ ยืนชี้ออกคำสั่งอยู่กลางกลุ่มคน เรียกใครช่วยสวมเสื้ออาภรณ์ให้คุณชายรอง จากนั้นปิดบังใบ หน้าศีรษะ และส่วนสำคัญด้วยเสื้อคลุม นำเข้าไปในจวนโหว

 

 

จวนกุยเต๋อโหว ภายในห้องโถง บรรยากาศตึงเครียด

 

 

ท่านโหวอาวุโสมู่หรงนั่งบนเก้าอี้ไม้แกะสลัก ดวงตาฉายแววเฉียบคมราวกับว่าจะกินคนได้ทุกเมื่อ

 

 

มู่หรงไท่หลงระเริงในเรื่องส่วนตัว แม้ว่าท่านโหวอาวุโสมู่หรงจะรู้มาโดยตลอด ทุกครั้งก็ถูกฮูหยินยับยั้งด้วยประโยคที่ว่า ‘ไม่เจ้าชู้มิใช่ชายหนุ่ม’ หลังจากความสัมพันธ์ของมู่หรงไท่กับน้องภรรยาในอนาคตถูกเปิดเผยนั้น ในใจของท่านโหวอาวุโสก็เกิดปัญหาหนักอกหนักใจ เจ้าชู้ก็เจ้าชู้เถิด จะเพลิดเพลินไปไกลสุดขอบฟ้าอย่างไรก็ได้ แต่จะให้เกิดความโกลาหลมากมายจนทำให้จวนโหวต้องอับอาย อย่างนั้นไม่ได้!

 

 

ต่อมาถูกบีบบังคับโดยไม่เต็มใจ ปล่อยให้อวิ๋นหว่านเฟยเข้าประตูจวนโหว ท่านโหวอาวุโสมู่หรงยิ่งโกรธมู่หรงไท่เข้าไปอีก แต่เป็นเพราะสิงซื่อคอยเกลี้ยกล่อม จึงไม่ได้พูดอะไรต่อหน้า

 

 

ในขณะนี้ เห็นผมมู่หรงไท่กระเซอะกระเซิง เสื้อผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา รอยเล็บและรอยแดงบนหน้าอก ท่านโหวอาวุโสมู่หรงจะนั่งนิ่งเฉยได้ที่ไหน เสียงตบโต๊ะเสียงดังลั่น เอ่ยเสียงเกรี้ยวกราด “เดรัจฉาน! เดรัจฉาน! ยายของเจ้าพูดตลอดเวลาว่าเจ้ามีความประพฤติดี เชื่อฟังคำสอนสั่ง เอาการเอางาน แต่ตอนนี้เจ้ากลับทำลายชื่อเสียงของจวนโหวข้า!”

 

 

มู่หรงไท่พบว่าท่านปู่โกรธจัดจนขนลุกตั้งชัน พลันผลักพ่อบ้านและข้ารับใช้ออกไป เดินไปข้างหน้า ต้องการอธิบาย “ท่านปู่ หลาน…..” ยังไม่ทันได้ก้าวก้าวที่สอง กลับเดินเซเสียแล้ว ผ่านกิจกรรมอย่างดุเดือดกับสตรีสองนางมาตลอดทั้งบ่าย ฤทธิ์ยาบางส่วนยังไม่จางหาย ตอนนี้เรี่ยวแรงก็ไม่เหลือ

 

 

ท่านโหวอาวุโสมู่หรงเห็นขาของเขาอ่อนแรง ไม่สามารถแม้แต่จะทรงตัวได้ พลันยืนขึ้นเสียงดัง พรึ่บ ยกเทาถีบหนึ่งที อารามโกรธเกรี้ยวยังมิคลาย พลันง้างหมัดชกเข้าใส่อีกหนึ่งที!

 

 

ในสมัยยังเยาว์ท่านโหวอาวุโสเป็นถึงผู้นำสงคราม แม้ว่าตอนนี้เขาจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังค่อนข้างแข็งแรง หนึ่งมัดหนึ่งเท้า คนธรรมดาทั่วไปย้อมรับไม่ไหว

 

 

มู่หรงไท่ร้องยังไม่ได้ร้องสักแอะ ก็ถูกท่านปู่ซัดจนหมอบลงบนพื้นเสียแล้ว จมูกและปากมีเลือดไหลโชก ท่ามกลางสติเลอะเลือนเขาเห็นท่านปู่เงื้อขาขึ้นอีกครั้ง ก็ตกใจจนหันกายกลับ ร้องตะโกนว่า “ท่านยายช่วยด้วย! ท่านยายช่วยด้วย!”

 

 

ท่านโหวอาวุโสมู่หรงเดิมทีได้คลายโทสะไปสองเท้าอารมณ์ก็ผ่อนปรนลง พอได้ยินเขาร้องตะโกนเรียกให้สิงซื่อมาช่วยเหลือ โทสะก็พุ่งขึ้นมาอีกครา เข้าไปดึงคอเสื้อที่หลังคอของเขา เตะเข้าที่ขาของเขาที่หนึ่งเพื่อหยุดไม่ให้เขาวิ่ง

 

 

ขาของมู่หรงไท่เดิมทีก็อ่อนแรงและไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงอยู่แล้ว เพียงพริบตาก็ได้ยินเสียง กร๊อบ ทุกคนในเหตุการณ์ได้ยินอย่างชัดเจน เห็นเพียงคุณชายรองกรีดร้องอย่างน่าสงสาร คุกเข่าลงจับน่องซ้าย

 

 

หัวหน้าพ่อบ้านจวนโหวและข้ารับใช้ได้เห็นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น คุณชายรองขาหักแล้ว!

 

 

เวลานี้เอง เสียงอุทานของหญิงชรานางหนึ่งพลันดังขึ้นที่ด้านนอกประตู “นายท่านโปรดยั้งไมตรี!”

 

 

ทันทีที่สิ้นเสียง หญิงชราที่แต่งตัวหรูหรามีสาวใช้ล้อมรอบ พลันเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

 

 

หญิงชรามีผิวพรรณที่ขาวผ่อง ใบหน้ากลม ระหว่างคิ้วมีความสง่างามของนายหญิง สวมเสื้อคลุมตัวยาวปักลายกิ่งไม้สีฤดูใบไม้ผลิ ด้านนอกเป็นเสื้อตัวสั้นผ้าฝ้ายสองชั้น คล้องลูกปัดสีรังผึ้งยาวถึงหน้าแก ริมฝีปากเม้มแน่น ใบหน้าตึงเครียด แฝงความไม่พอใจอย่างยิ่ง ที่แท้ก็คือนายหญิงอาวุโสของจวนกุยเต๋อโหว ภรรยาเอกหลายทศวรรษของท่านโหวอาวุโสมู่หรง สิงซื่อ

 

 

สิงซื่อได้ยินเสียงวุ่นวาย เมื่อรู้ว่าท่านโหวอาวุโสระเบิดโมสะใส่มู่หรงไท่ ก็รีบมาในไปทันที ขณะนี้เห็นศีรษะและใบหน้าของหลานชายบวมปูด กุมน่องร้องเสียงเจ็บปวด จึงรีบร้อนให้คนเข้าไปดู

 

 

มอมอคนสนิทพับขากางเกงคุณชายรองขึ้นอย่างระมัดระวัง หายใจเข้าช้าๆ กระดูกตรงน่องขาบวมพองเป็นก้อนใหญ่

 

 

สิงซื่อเจ็บปวดใจจนกรีดร้องเสียงแหลมไม่หยุด “ใครก็ได้ ตามหมอมาเร็ว ดูขาคุณชายนั่นสิ! เร็ว หามคุณชายรองเข้าห้องก่อน!”

 

 

“หยุด!” ท่านโหวอาวุโสมู่หรงเอ่ยห้าม “ไอ้หลานไม่รักดีสมควรได้รับโทษแล้ว! ส่งตัวไปที่เรือนเล็กทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เรียกหมอของจวนโหวมาดูก็ได้แล้ว ให้อาหารสามมื้อต่อวัน! ให้เขาไตร่ตรองตนเองให้ดี!”