“เจ้าสำนักสำนักภูตผีลงมือด้วยตัวเอง เฉินไต้ซือน่าจะขวางไม่อยู่แล้วสินะ?”

“ไม่แน่ คุณยังไม่เห็นสายฟ้าบนฝ่ามือของเฉินไต้ซือสินะ? เป็นเทพฟ้าร้องที่มีชีวิต!”

“ไม่ว่าเฉินไต้ซือชนะได้หรือไม่ ด้วยสายฟ้าบนฝ่ามือของเขา ปรับไต้ซือ 2 ท่านของสำนักภูติผีด้วยสายฟ้าครั้งเดียว บีบให้เจ้าสำนักต้องลงมือเอง พลังนี้เกินธรรมดา น่าขำที่เมื่อกี้พวกเรากล้าทำให้เขาอัปยศ!”

“หวังว่าเฉินไต้ซือผู้ที่มีใจกว้าง อย่าได้ถือสากับเราเลย มิเช่นนั้นพวกเราก็ตายแล้วล่ะ!”

ลูกน้องทั้งหลายในใจต่างก็หวาดหวั่น เสียใจภายหลังอย่างยิ่ง

จางเฟิงยู่และผู้มีอิทธิพล 7 เมืองของทางฝั่งเหนือ มีสีหน้าจริงจัง ได้แอบวางแผนไว้ในใจแล้ว เมื่อกู่เชียนซาพ่ายแพ้ พวกเขาก็จะหันไปหาเฉินโม่ทันที

……

กู่เชียนซาลอยขึ้นไปบนอากาศ สูงห่างจากพื้10เมตร ไอดำปกคลุมไปทั่วร่างกาย เคราและผมยาว ดวงตาสองดวงเผยให้เห็นแสงสีเขียวเงาๆน้ำมัน เหมือนผีสองตัวอยู่กลางท้องฟ้ายามค่ำคืน อานุภาพน่าสะพรึงกลัว!

“ไอ้หนุ่ม ให้แกได้รู้ถึงผลที่ตามมาจากความอัปยศของเซียนผีตนหนึ่ง!”

“กรงเล็บผีนิรย!”

ได้ยินกู่เชียนซาตะโกน ศิษย์สำนักภูติผี 5 รายใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น: “ทันทีที่เข้ามาก็ใช้กรงเล็บผีนิรย อาจารย์ใช้แรงเต็มที่แล้ว!”

เฉินไต้ซือจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไอดำรอบตัวกู่เชียนซาลอยสูงขึ้น กรงเล็บขนาดใหญ่ยาว10เมตรปรากฏขึ้นข้างหลังเขา ทำให้ทั้งตัวของเขาเสริมจุดเด่นกันและกันเล็กน้อย

“ไปตายซะเถอะ!”

กู่เชียนซากระโจนเข้าหาเฉินโม่ ตบเขาไปครั้งหนึ่ง กรงเล็บผีนิรยขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลัง ก็ปกคลุมเฉินโม่อย่างท่วมท้น ราวกับว่าเป็นภูเขาเล็กๆหนึ่งลูก ทุบไปบนหัวเฉินโม่

ผู้มีอทธิพลทุกคน รวมถึงลูกน้องนับร้อย มองบนฟ้าด้วยความตกใจ: “นี่ นี่มันคือพลังของคนงั้นเหรอ!”

เฉินไต้ซือตกอยู่ในอันตราย!

แม้แต่ซังซังและเอียนชิงเฉิง อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเฉินโม่ไม่ได้ เซียนผีเทียบเท่ากับปรมาจารย์แดนแปรภาพคนหนึ่ง ถึงขั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าปรมาจารย์ เป็นครั้งแรกที่เฉินโม่เผชิญหน้ากับการมีอยู่ของยอดฝีมือชั้นสูงสุดของโลกฝึกบู๊ จะเอาชนะได้ไหม?

เผชิญหน้ากับกู่เชียนซาผู้มีอานุภาพไม่สิ้นสุด หุ่นผอมบางของเฉินโม่เล็กตัวเท่ามด ก็เหมือนเรือเหงากลางทะเล เสี่ยงอันตรายเรือพลิกคว่ำอยู่ตลอดเวลา

แต่ทว่า เฉินโม่ก็ยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉย ทั้งสองมือกุมอยู่ข้างหลัง ราวกับว่าพลังโจมตีอันทรงพลังของกู่เชียนซา ไม่มีอยู่เลย

“คุณเป็นเพียงแค่ผี ไม่ใช่เซียนสักหน่อย! อย่าทำให้ชื่อเซียนนี้ต้องอับอายเลย!”

เสียงของเฉินโม่เย็นชา เลื่อนลอย ราวกับการส่งเสียงของเซียน

จากนั้น เฉินโม่ตบกรงเล็บยักษ์ ที่ปกคลุมท้องฟ้า

“สยบภูเขา!”

ปัง!

เฉกเช่นดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น ปัดเป่าหมอกควัน กรงเล็บผีนิรยถูกตบโดยเฉินโม่และสลายหายไป

เฉินโม่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน กู่เชียนซากลับตกใจและบินกลับไป ผลแพ้ชนะปรากฎแล้ว

“หยุด หยุดไว้ได้เหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าหยุดไว้ได้ แต่เป็นการชนะต่างหาก!”

“เฉินไต้ซือคนนี้สมควรได้เป็นไต้ซือจริงๆ คิดไม่ถึงว่าตบครั้งเดียวก็สามารถทำให้เจ้าสำนักแห่งพรรคภูติผีบินไปแล้ว!”

“มิน่าล่ะ พวกเราหยามเกียรติ เฉินไต้ซือไม่พูดอะไรเลยสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ ที่แท้มีความสามารถจริงๆ เดิมทีเมินใส่ไม่ต่อปากต่อคำกับเราเลย นี่ถึงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริง!”

ทั้งสนามก็เกิดความฮือฮาขึ้นอีกครั้ง เดิมทีทุกคนต่างก็ไม่ชอบโม่เฉิน ตอนนี้แทบจะสนับสนุนโม่เฉินแทบจะทั้งใจ

ฉู่เหวินสงและผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ มีสีหน้าผ่อนคลาย ดูจากการโจมตีครั้งนี้ ความแข็งแกร่งของเฉินโม่นั้นสูงกว่ากู่เชียนซา

จางเฟิงยู่และเหล่าผู้มีอิทธิพลที่สวามิภักดิ์สำนักภูติผี ถอยหลังไปสองก้าวอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าวาดเส้นเขตแดนชัดเจนกับไม่กี่คนของสำนักภูติผี

ซังซังและเอียนชิงเฉิงในที่สุดก็วางใจลง

มองแผ่นหลังบางๆ ของเฉินโม่ เอียนชิงเฉิงถอนหายใจในใจ: “ยอมให้ผู้อื่นถูกดูหมิ่นทุกวิถีทาง หยามเกียรติ แม้ว่าคนเป็นหมื่นเป็นพันชี้หน้าด่ากราด ก็ยังคงไม่แยแส เงียบขรึม ไม่ใช่ไม่อยากตอบโต้ แต่กำลังรอโอกาสที่ดีที่สุด เพื่อให้ตอบโต้ได้อย่างแข็งแกร่งที่สุด”

“ด้วยการตบนี้ ไม่เพียงตบแค่กู่เชียนซากระเด็น แต่ยังรวมถึงใบหน้าของผู้คนที่หัวเราะเยาะด้วย!”

“นี่ก็คือคำตอบที่เขามอบให้กับทุกคน!”

……