ตอนที่ 50 อยากเป็นครัวเรือนหมื่นหยวน

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

ตอนที่ 50 อยากเป็นครัวเรือนหมื่นหยวน

คุณพ่อจ้าวได้ยินว่าลูกชายขายถั่วงอกมาแล้วมีสีหน้าไม่สู้ดี จึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย เมื่อภรรยากลับมาจึงถามไถ่ ในที่สุดก็ทราบว่าที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นี่เอง เขาไม่ได้กังวลเท่ากับภรรยา จึงกล่าวว่า “คุณก็อย่าเข้าไปยุ่งเลย ลูกโตจนเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ”

เมื่อคิดถึงความฝันตอนที่คลอดลูกชายในปีนั้น และมองดูลูกชายของตัวเองในปัจจุบัน ไม่แน่ตระกูลจ้าวของเขาอาจจะมีผู้มีความสามารถออกมาอีกหนึ่งคนจริง ๆ ก็ได้!

ยามคุณพ่อจ้าวนึกถึงท่าทางที่ร่าเริงของลูกชาย เขาก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้

ลูกชายคนเล็กเป็นกล่องดวงใจของพ่อแม่ คำพูดนี้ไม่ผิดเลย หากลูกชายคนเล็กมีอนาคต คนเป็นพ่อย่อมมีความสุขที่สุด

คุณแม่จ้าวเห็นคุณพ่อจ้าวเป็นแบบนี้ก็กลอกตาใส่เขา “ดูท่าทางมีความสุขของคุณสิ ไม่กังวลว่าเขาจะเผชิญกับอันตรายภายนอกเลย!”

คุณพ่อจ้าวโบกมือ “ต่อให้มีอันตรายแล้วจะยังไงล่ะ ลูกชายของคุณเป็นยังไงยังไม่รู้อีกเหรอ เขามักจะเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีอยู่เสมอ หนุ่มสาวได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่เยอะ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร คุณอย่ากังวลไปเลย แต่เรื่องของหวยเหรินคุณก็ปิดปากให้สนิทล่ะ พูดออกไปคำเดียวอาจจะรั่วไหลออกไปหมด เข้าใจไหม!”

คุณแม่จ้าวมัวแต่คิดเกี่ยวกับลูกชาย จนละเลยลูกเขยไป พูดถึงขึ้นมาเช่นนี้ก็ตระหนักขึ้นได้ นางจึงถอนหายใจ “นั่นสินะคะ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าการขับรถจะได้เงินมากขนาดนี้”

“ขับรถไม่ได้เงินหรอก มันเป็นการออกไปหาเงินข้างนอกต่างหากล่ะ เขาออกไปวิ่งรถข้างนอกบ่อย ๆ ก็ได้ประสบการณ์เยอะขึ้น ไม่เหมือนกับพวกเราที่ถูกฝังตายอยู่ในหม้อ จะไปเข้าใจอะไร? ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว พวกเขาต้องไปได้ดีกว่าพวกเราแน่นอน” คุณพ่อจ้าวกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ

คุณแม่จ้าวถอนหายใจ เด็ก ๆ ต่างเติบใหญ่กันหมดแล้ว ไม่ต้องให้นางมากังวลอีกต่อไปแล้วสินะ

กลับมาทางฝั่งจ้าวเหวินเทา หลังจากถูกพี่เขยห้ากระตุ้นและได้รับการปลอบโยนจากภรรยา พลังงานในร่างกายของเขาจึงกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง เขาออกมาดูไก่และกระต่ายที่เลี้ยงไว้ ในใจกำลังคิดหาวิธีว่าจะขยายกิจการของตัวเองอย่างไร และพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายของตัวเองโดยเร็วที่สุด

พี่สะใภ้สี่จ้าวกังวลว่าน้องสามีหกยังอารมณ์ไม่ดีอยู่ จึงเข้ามาคุย ปากก็พร่ำบอกถึงความเป็นห่วงเป็นใย “เหวินเทา ถ้าถั่วงอกขายไม่ดีก็ไม่ต้องขายแล้ว ก็เห็น ๆ อยู่ว่าตอนนี้อากาศหนาวแล้ว ยังจะทำซ้ำ ๆ อีกทำไม อย่าทำร้ายร่างกายตัวเองซ้ำ ๆ เลย”

มีหรือที่จ้าวเหวินเทาจะไม่รู้จักนิสัยของพี่สะใภ้สี่? หล่อนมาเพื่อหัวเราะเยาะเขาต่างหากล่ะ เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สะใภ้สี่ พี่ไปได้ยินมาจากไหน? ทำไมถั่วงอกของผมจะขายไม่ดีล่ะครับ?”

“ขายดีเหรอ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวตกใจ

“แหงสิ ถั่วงอกของผมเป็นที่นิยมมากเลยนะครับ พี่ดูสิ อีกไม่นาน ผมก็จะเป็นเหมือนกับในหนังสือพิมพ์แล้ว ขายถั่วงอกจนกลายเป็นครัวเรือนหมื่นหยวนยังไงล่ะ!” จ้าวเหวินเทาตอกกลับไฟแลบ

พี่สะใภ้สี่จ้าวมีท่าทางประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นหล่อนก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา ด้วยรู้ดีว่าน้องสามีคนนี้กำลังคุยโว ฝีปากของทั้งครอบครัวรวมกันยังไม่เท่าเขาเลย แต่การคุยโวโอ้อวดครั้งนี้ดูจะยิ่งใหญ่ไปหน่อย!

หล่อนจึงกลับไปคุยกับพี่สี่จ้าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฟังคำพูดของเหวินเทาสิ เขาขายถั่วงอกทองคำหรือไงถึงคิดจะเป็นครัวเรือนหมื่นหยวน? แม่เจ้า เหวินเทาก่อนหน้านี้ไม่เป็นแบบนี้เลย มากสุดก็เป็นคนขี้เกียจไปนิดโลภมากไปหน่อย ตอนนี้ทำไมเป็นแบบนี้ไปแล้ว? นี่คงไม่ใช่ว่าถูกกระตุ้นอย่างหนักหรอกสินะ? นี่ถ้าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เฮ้อ ฉูฉู่นี่น่าสงสารจัง น่าเห็นใจจริง ๆ!”

“แต่ผมไม่เห็นว่าคุณจะเห็นอกเห็นใจครอบครัวของเจ้าหกเลย ผมว่าคุณกำลังมีความสุขมากต่างหากล่ะ” พี่สี่จ้าวเหลือบมองหล่อน

พี่สะใภ้สี่จ้าวถลึงตามอง ปากก็ยังไม่ยอมรับ “ฉันมีความสุขตรงไหน ตาของคุณเป็นอะไรไปแล้ว? พอแล้ว ๆ…พูดกับคุณไปก็เปล่าประโยชน์!”

ทางด้านพี่สะใภ้รองจ้าวก็กำลังคุยกับพี่รองจ้าวเรื่องการคุยโวโอ้อวดของจ้าวเหวินเทาในครั้งนี้

“คุณบอกหน่อยสิคะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเหวินเทา ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน หลังจากเข้าเมืองไม่กี่ครั้งก็พูดจาแบบนี้แล้ว?” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย แต่ในใจกลับรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงตอนที่ทั้งสองคนกินแป้งจี่ไข่และยังมีขนมแป้งทอด จึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ครอบครัวของหล่อนใช้น้ำมันแค่ไม่กี่หยดเพื่อเคลือบกระทะตอนทำอาหารเท่านั้น แต่หนุ่มสาวคู่นี้กลับทำขนมแป้งทอด!

แต่ในฐานะที่หล่อนเป็นพี่สะใภ้คนโต เป็นลูกสะใภ้คนโตของตระกูลจ้าว จะให้คนอื่นมองออกไม่ได้ โดยเฉพาะสามีของตัวเอง

พี่รองจ้าวเป็นคนใจดี ทั้งยังเป็นพี่คนโต เมื่อได้ยินเรื่องที่พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวจึงถอนหายใจ “เจ้าหกยังเป็นวัยรุ่น ไม่รู้เรื่องรู้ราว คงได้รับผลกระทบจากพวกอันธพาลในเมืองแน่ ๆ ไม่ได้การล่ะ ผมต้องไปคุยกับเขาหน่อย!”

พี่สะใภ้รองจ้าวนึกโมโหอยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับกล่าวว่า “เขาจะฟังเหรอคะ? ถ้าเขาฟังคงไม่เป็นแบบนี้หรอก น้องสามีหกเขายึดความคิดของตนเองเป็นใหญ่! ฉันว่าอากาศก็เริ่มหนาวแล้ว ตอนที่หิมะตกลงมาเขาก็ไม่สามารถออกเดินทางได้แล้ว เมื่อฤดูหนาวมาถึงเขาก็ไม่สามารถออกไปทำซ้ำ ๆ ซาก ๆ ได้แล้ว ขลุกตัวอยู่ในบ้านช่วงฤดูหนาวอาจจะทำให้นิสัยเปลี่ยนได้ คุณไม่ต้องไปพูดหรอก ถ้าคุณไปพูดกับเขาตอนนี้ จากนิสัยของเขา เขาต้องทำสิ่งตรงกันข้ามแน่ ๆ นิสัยของน้องสามีหกเป็นยังไงคุณยังไม่รู้อีกเหรอ!”

พี่รองจ้าวรู้สึกว่าที่ภรรยาพูดก็มีเหตุผล เขาจึงเห็นด้วย

พี่สะใภ้รองจ้าวรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อเห็นแบบนี้ จะไปช่วยทำไม? ต้องให้เขาล้มแรง ๆ สักรอบสิ ให้เขารู้ว่าการใช้ชีวิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!

จิตใจอันมืดมนของหล่อนถูกการมีชีวิตที่ดีของคู่สามีภรรยาบ้านหกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์ เป็นตระกูลจ้าวเหมือนกันแท้ๆ ทำไมถึงมีการใช้ชีวิตแตกต่างกันมากขนาดนี้?

โดยเฉพาะน้องสามีหกที่ไร้ความสามารถคนนี้!

พี่สามจ้าวก็กำลังคุยเรื่องที่จ้าวเหวินเทาคุยโวโอ้อวดอย่างมีความสุขกับพี่สะใภ้สามจ้าว “ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาก็ก่อกวนไปทั่วนั่นแหละ การใช้ชีวิตมันจะเจริญขึ้นอย่างง่ายดายขนาดนั้นได้ยังไง? ขายถั่วงอกก็ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้แล้วเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้น ก็คงรวยกันหมดแล้วมั้ง? โถ่เอ้ย ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย ก็คุยโวโอ้อวดซะแล้ว ครัวเรือนหมื่นหยวน คุณฟังนะ สภาพแบบนั้นยังอยากจะเป็นครัวเรือนหมื่นหยวน ผมว่ายังไม่ทันได้เงินคงได้เป็นบ้าเพราะคิดถึงแต่เรื่องเงินแล้วมั้ง! ”

พี่สะใภ้สามจ้าวมองพี่สามจ้าวและกล่าวอย่างดูถูก “คุณเป็นผู้ชายนะ บ่นงุบงิบ ๆ ทุกวี่ทุกวันเพื่ออะไรคะ? ถ้าไม่รู้ฉันคงคิดว่าคุณกำลังพูดเรื่องตลกอะไรอยู่ เขาเป็นใคร? เขาเป็นอาแท้ ๆ ของหม่าต้านนะ! เขาใช้ชีวิตลำบากคุณกลับทำหน้าดีใจขนาดนี้แล้ว? ดูคุณสิมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นชัดๆ!”

พี่สามจ้าวโกรธหน้าแดงควันออกหู จึงพูดอย่างรำคาญ “ทำไมผมต้องมาแต่งงานกับคนโง่แบบคุณด้วยก็ไม่รู้!”

พี่สะใภ้สามจ้าวก็พูดอย่างโกรธเคืองเช่นกัน “ใครกันแน่ที่โง่? เป็นเรื่องยากที่ตระกูลจ้าวของพวกเราจะมีคนออกไปข้างนอกสักคน ฉันว่าพวกคุณเองก็ไม่มีใครเห็นดีเห็นงามกันสักคน ทำไมเหรอ ตัวเองไม่ได้ใช้ชีวิตดี ๆ ก็เลยอยากให้คนอื่นลำบากด้วยถึงจะพอใจงั้นเหรอ? ถ้าเหวินเทาประสบความสำเร็จในอนาคต มีเหรอที่เขาจะไม่เหลียวแลหม่าต้านสักหน่อย? พวกคุณแต่ละคนต่างรอหัวเราะเยาะเขา ไม่มีอนาคตเลยสักนิด!”

พี่จ้าวสามหมุนตัวเดิน “ผมไม่สนใจผู้หญิงโลกทัศน์แคบอย่างคุณแล้ว!”

เรื่องราวภายในหมู่บ้านไม่สามารถปิดซ่อนได้ เรื่องที่จ้าวเหวินเทาบอกว่าจะขายถั่วงอกจนกลายเป็นครัวเรือนหมื่นหยวนได้แพร่งพรายออกไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

จะสิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงเวลาเตรียมตัวเข้าสู่ฤดูหนาว ดังนั้นการทำผักกาดดองและผักดองจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิงในหมู่บ้าน

พวกผู้หญิงชอบรวมตัวกัน พูดคุยไปพลางลงมือทำงานไปพลาง แบบนี้จึงไม่เหนื่อย

บ้านของภรรยาของเหล่าหวังสามในตอนนี้มีโอ่งขนาดใหญ่สองโอ่งวางอยู่ที่ประตูบ้าน มีกระดานไม้หนึ่งแผ่นวางอยู่ด้านข้าง ด้านบนมีผักกาดหลากหลายขนาดตากแดดอยู่ ทั้งยังมีผู้หญิงอีกสี่ห้าคนกำลังห้อมล้อมล้างโอ่งขนาดใหญ่

“ได้ยินกันหรือยัง จ้าวเหวินเทาบอกว่าจะพึ่งพาการขายถั่วงอกเพื่อเป็นครัวเรือนหมื่นหยวนด้วยนะ!” ภรรยาของเหล่าหวังสามขยิบตากล่าว

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ดูความคิดแต่ละบ้านแล้วก็แค่นเสียงในใจ รอดูเถอะ เดี๋ยวเหวินเทากลายเป็นครัวเรือนหมื่นหยวนเพราะขายถั่วงอกขึ้นมาได้จริง ๆ แล้วจะหนาวกันยิ่งกว่าหิมะหน้าหนาวที่จะถึง

ไหหม่า(海馬)