ตอนที่ 547 หน้าชราแดงก่ำ + ตอนที่ 548 ความจนใจของผู้เฒ่าเฟิ่ง

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 547 หน้าชราแดงก่ำ

ไม่ขันอะไรกัน นั่นเป็นฝันร้ายสำหรับฮุยหลางแน่นอน เขาไม่อยากนึกถึงประสบการณ์ที่ตอนนั้นโดนภูตหมอฝังเข็ม ซ้ำยังถูกนายท่านส่งไปโรงค้าเด็กหนุ่มอีก หากภูตหมอไม่ได้เพิ่งเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาก็ลืมไปแล้วจริงๆ

“เหลิ่งซวง เหลิ่งหวา เก็บข้าวของที พวกเราเตรียมตัวออกเดินทาง” เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ พลางหมุนตัวเดินออกจากห้อง ลงไปรอพวกเขาชั้นล่าง

“ขอรับ/เจ้าค่ะ” ทั้งสองขานรับ แล้วเก็บข้าวของบางอย่างในห้อง

หลิงโม่หานลุกยืนขึ้นเดินตามลงไปด้านล่าง อิ่งอีตามอยู่ด้านหลัง ส่วนฮุยหลางกลับไปห้องข้างๆ เก็บพวกสิ่งของที่นำมากลับเข้าห้วงมิติ แล้วถึงจะไปรวมตัวข้างล่าง

อสูรกลืนเมฆาตัวน้อยวิ่งลงไปเอง เหล่าไป๋ด้านหลังถูกจูงออกมา พวกเขาบอกว่าจะไปก็ไป ออกนอกประตูเมืองขึ้นนั่งเรือเหาะตรงไปยังเมืองซานเจียง…

เวลานี้ ณ ตระกูลหลิน

ผู้เฒ่าเฟิ่งยังคงสวมชุดสีเทาไม่สะดุดตา ข้างเอวห้อยน้ำเต้าสุรา ยามนี้เขากำลังเดินเอามือไพล่หลังอยู่ในจวนตระกูลหลิน ฝีเท้าลนลาน หันกลับไปเหลือบมองคนข้างหลังในระยะสามเมตรเป็นครั้งคราว แล้วเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

ทว่าพอฝีเท้าเขาเร็วขึ้น คนข้างหลังก็ยิ่งเร่งฝีเท้าตาม สุดท้ายจึงรักษาระยะห่างสามเมตรไว้โดยไม่โดนทิ้งห่าง

คนในจวนเห็นก็ทำเพียงเม้มริมฝีปากยิ้มและคารวะ จากนั้นต่างคนต่างทำหน้าที่ตัวเอง ภาพเช่นนี้จะปรากฏภายในจวนในช่วงสองสามวันนี้ คนที่เดินด้านหน้าคือผู้เฒ่าเฟิ่ง คนที่ตามด้านหลังแน่นอนว่าเป็นท่านน้าซู่ซีแห่งจวนตระกูลหลิน

ผู้คนมากมายไม่เข้าใจ ทำไมท่านน้าผู้มีรูปโฉมงดงามถึงหลงรักตาเฒ่าเช่นนี้ได้? แม้จะสงสัย กลับไม่มีใครกล้าถาม และไม่มีใครกล้าไม่เคารพผู้เฒ่าเฟิ่ง เพราะท่านน้าซู่ซีไม่เพียงกล่าวเตือน แม้แต่ผู้นำตระกูลยังออกปากว่านั่นเป็นน้องชายร่วมสาบานของเขา ใครกล้าไม่เคารพ อีกเดี๋ยวจะไล่ออกจากจวน!

เมื่อมาถึงตรงศาลา ผู้เฒ่าเฟิ่งที่จนปัญญาหยุดฝีเท้าลงและหันกลับไปมอง บอกว่า “ซู่ซี เจ้าไม่ต้องตามคนแก่อย่างข้าแล้ว เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ! เจ้าว่าเจ้าลักพาตัวข้ามาที่นี่ ไม่ได้เห็นลูกชายก็แล้วไป แต่ขนาดหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนข้าก็ไม่ได้พบ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“พี่ซานหยวน หากท่านพยักหน้าตกลง ข้าจะไม่ทิ้งท่านไว้ที่นี่ ขอเพียงพยักหน้า ไม่ต้องพูดถึงกลับไปราชวงศ์เฟิ่งหวง แม้แต่หุบเขาลึกป่าใหญ่ข้าจะตามท่านไปด้วยทุกที่” นางกล่าวเสียงเบา มองเขาด้วยแววตาเร่าร้อน

“ซู่ซี ข้าบอกแล้วทำไมเจ้า…เจ้ายังดื้อดึงถึงเพียงนี้? พวกเราสองคนไม่เหมาะสมกันจริงๆ”

ผู้เฒ่าเฟิ่งหมดหนทางจริงๆ พูดอย่างไรนางก็ไม่ฟัง สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงที่สุดคือ ทั้งจวนตระกูลหลินไม่ว่าผู้อาวุโสหรือผู้น้อย แต่ละคนต่างปล่อยนางมา ไม่นึกว่าจะยังนิ่งเฉยอยู่ แล้วเขาจะทำเช่นไรได้?

ซู่ซีมองเขาแววตาเศร้าหมอง นัยน์ตามีความเจ็บปวดที่ยากจะปิดบัง “เมื่อก่อนไม่ได้ ไม่เหมาะสมจริงๆ เพราะท่านแต่งงานแล้ว แต่ตอนนี้ภรรยาท่านเสียไปหลายปี ลูกชายท่านกลายเป็นผู้ครองแคว้น หลานสาวยังเติบใหญ่เพียงนั้น มีอะไรไม่เหมาะสมอีก? ข้ารอท่านมาหลายปีเพียงนี้ หรือท่านอยากให้ข้ารอต่อไปไม่สิ้นสุด?”

“ตะ แต่ปะ ปัญหาไม่ใช่เรื่องพวกนี้…” เผชิญหน้ากับสายตานาง เขายิ่งกระสับกระส่าย แม้แต่พูดจายังเสียงเบาลง

นางเคลื่อนตัวมาตรงหน้าเขาในใพริบตา เรือนร่างหญิงสาวอิ่มเอิบขวางอยู่เบื้องหน้า เข้าใกล้ทีละก้าว “เพราะข้ายังสาวและงดงามเกินไปไม่ใช่หรือ? คนอื่นหวังให้ผู้หญิงของตนสาวและสวยตลอดไปยังหวังไม่ได้! ท่านกลับใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างผลักไสข้า”

เห็นสัดส่วนงดงามที่ขวางอยู่ตรงหน้าตนเอง ใบหน้าชราของผู้เฒ่าเฟิ่งแดงก่ำ ถอยห่างไม่ทัน จึงตกใจจนทรุดนั่งลงบนพื้น

………………………………………………….

ตอนที่ 548 ความจนใจของผู้เฒ่าเฟิ่ง

ซู่ซีเห็นแล้วถลึงตาคู่งาม รีบร้อนโน้มร่างลงประคองเขาขึ้น “ดูท่านสิ กลัวถึงเพียงนั้นเชียว?”

“อย่าๆๆ ข้าลุกเองได้” ผู้เฒ่าเฟิ่งโบกมือรัวๆ ตกใจจนขยับไปด้านหลัง สองตาไม่แม้แต่จะกล้ามองนาง

เห็นดังนั้นซู่ซีก็กัดฟันกรอด ทั้งเขินอายจนโกรธเคืองและเจ็บใจนิดหน่อย มองเขาทั้งเบ้าตาแดงเรื่อ ก่อนจะใช้แขนเสื้อปิดหน้าวิ่งหนีไปโดยเร็ว

“เฮ้อ!”

ผู้เฒ่าเฟิ่งถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ในใจมีความรู้สึกที่ไม่อาจเอ่ย เขายังไม่ลุกขึ้น นั่งอยู่บนพื้นเช่นนั้น สองขาขัดสมาธิ แล้วหยิบน้ำเต้าสุราตรงเอวมาดื่ม ผ่านไปนานถึงจะลุกขึ้นปัดๆ ชุดคลุมที่เปื้อนฝุ่น เดินเอามือไพล่หลังออกไป

ตรงมุมมืด องครักษ์ลับสองคนแอบตามไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากตาม แต่ผู้นำตระกูลสั่งไว้ว่าจะปล่อยเป้าหมายหนีไปไม่ได้

เดินออกประตูใหญ่บ้านตระกูลหลินมาแล้ว ผู้เฒ่าเฟิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ จัดระเบียบชุดคลุมเดินไปทางถนนใหญ่ เขาเป็นแค่ตาเฒ่าคนหนึ่ง สวมชุดคลุมสีเทาไม่สะดุดตา สิ่งเดียวที่พิเศษคือน้ำเต้าสุราตรงเอว เขาเดินคนเดียวบนถนนใหญ่เช่นนี้ไม่ดึงดูดสายตาคนอื่นแน่นอน

เขาหันมองรอบๆ ด้านนอก เห็นคนสัญจรไปมาบนถนนคึกคัก เขาไม่ได้ไปสถานที่อย่างโรงเหล้าหรือโรงเตี๊ยม แต่หามุมตามใจ แล้วนั่งขัดสมาธิบนถนนพลางดื่มเหล้า ไม่รู้กำลังคิดอะไร

อาจเพราะเขาดูแล้วไม่ต่างอะไรกับขอทานพเนจรแก่ๆ ถึงมีคนโยนเหรียญเงินให้ เสียงเหรียญกระทบดังขัดจังหวะความคิดของผู้เฒ่าเฟิ่ง พอได้สติกลับมาก็เก็บเหรียญเงินบนพื้นขึ้นมาอย่างตกใจเล็กน้อย สีหน้าแปลกใจ

องครักษ์ลับตรงมุมมืดเห็นแล้วมุมปากอดกระตุกไม่ได้ เพราะผู้เฒ่าเฟิ่งคนนี้อยู่บ้านตระกูลหลินมาหลายวันแล้ว ผู้นำตระกูลยังเคยสั่งองครักษ์ลับไปสอบถามเรื่องทางราชวงศ์เฟิ่งหวง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรู้ว่าผู้เฒ่าคนนี้เป็นบิดาของผู้ครองแคว้นราชวงศ์เฟิ่งหวง

แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่วางท่าเลยสักนิด หลังจากเดินเล่นบนถนนใหญ่สองสามรอบก็หามุมนั่งขัดสมาธิดื่มเหล้า ไม่นึกว่ายังมีคนโยนเหรียญเงินให้อีก นี่เห็นเขาเป็นขอทานหรือ?

ครั้นเห็นท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เขาก็ไม่มีความคิดจะกลับไป องครักษ์ลับทั้งสองพูดคุยเสียงเบา หนึ่งคนในนั้นมุ่งไปยังจวน

ซู่ซีในชุดกระโปรงงามสง่าตามองครักษ์ลับมา เห็นร่างนั้นนั่งเหม่อลอยตรงมุมถนนอยู่ไกลๆ ไม่รู้กำลังคิดอะไร ท่าทางเซื่องซึมไร้สติ คิ้วขมวดเล็กน้อย ใบหน้ามีความเศร้าหม่นที่ไม่แปรเปลี่ยนไป

นางเห็นเขาเป็นเช่นนี้พลันเจ็บปวดใจ ในใจหดหู่ขึ้นมา เอ่ยถามตัวเองเสียงเบาอย่างอดไม่ได้ว่าไม่ควรบังคับเขาเช่นนี้ใช่หรือไม่?

ฝีเท้าที่เดิมทีเตรียมจะเดินเข้าไป เพราะเห็นเขานั่งงงงันอยู่ตรงนั้นจึงก้าวไม่ออก นางยืนมองตรงมุมถนน อยู่เป็นเพื่อนเขาเงียบๆ

องครักษ์ลับสองคนเห็นเช่นนี้ก็มองหน้ากันทันควัน มองตาเฒ่าที่นั่งตรงมุมถนน แล้วมองท่านน้าซู่ซีที่ยืนตรงมุมถนนอีกด้าน ทั้งสองต่างหมดคำจะพูด

จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลงแล้ว ผู้เฒ่าเฟิ่งถึงจะลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า มือไพล่หลังพลางเดินไปยังบ้านตระกูลหลิน

มุมถนนอีกด้านหนึ่ง ซู่ซียังไม่ปรากฏตัว เพียงมองอยู่ไกลๆ ตามไปอย่างเงียบเชียบ รอจนเขาผ่านประตูใหญ่เข้าไปภายในเขตเรือน ถึงจะสั่งคนรับใช้ในจวนเตรียมพวกของกินส่งไปให้เขา

ชายอายุสี่สิบกว่าผู้หนึ่งเดินออกมา เมื่อเห็นซู่ซีจึงเผยรอยยิ้มออกมา “ท่านน้า ท่านพ่อตามหาท่าน บอกว่าท่านกลับมาแล้วให้ไปที่ห้องหนังสือหน่อยขอรับ”

………………………………………………….