ตอนที่ 340

เสน่ห์คมดาบ

“ดูเหมือนจะชื่อนี้นะ ราชาเยว่อยากให้เขาเชื่อฟัง แต่เขาเอาแต่พูดว่ามีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ ราชาเยว่ก็เลยโกรธแล้วก็โยนเขาเข้าไปในพื้นที่ฝึก” มิเชลเห็นสีหน้าของชีอ้าวชวางดูท่าทางกังวลก็รีบปลอบใจ “ไม่ต้องกังวล พื้นที่นั้นไม่มีอันตรายอะไร แต่เป็นสถานที่ที่ดีในการฝึกฝน ตอนนี้เรากำลังจะไปหาราชาเยว่ ไปพบเขากันก่อน ดินแดนทั้งสองของเรานั้นอยู่ห่างจากปราสาทของราชาสวรรค์มากที่สุด มันค่อนข้างจะปลอดภัยที่สุดน่ะ” มิเชลพูดและถอนหายใจอย่างจนใจ

“ราชาเยว่ยังคงอยู่ในปราสาทของเขาหรือ? แบบนั้นจุดประสงค์ก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?” ชีอ้าวชวางถามอย่างกังวล

“ไม่ ราชาเยว่ได้ข่าวมาก่อนข้า เขาน่าจะจัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว” มิเชลส่ายศีรษะน้อยๆ

“เช่นนั้นเราจะพบกันได้อย่างไร? แล้วเฟิงอี้เซวียนล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นกับเฟิงอี้เซวียนหรือไม่?” ชีอ้าวชวางกังวลเรื่องนี้มากที่สุด เพราะเฟิงอี้เซวียนก็น่าจะเป็นเหมือนนางในตอนนี้ที่สูญเสียพลังไปมากกับกระแสมิติ

“ไม่ต้องกังวลนะ พื้นที่ฝึกซ้อมของราชาเยว่เป็นมิติที่พกติดตัวไปได้ ไม่สิ มันคือทางเข้าต่างหากที่พกติดตัวได้ มันคือสร้อยข้อมือน่ะ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเพื่อนของเจ้าหรอก” มิเชลอธิบาย เมื่อได้ยินเรื่องนี้ชีอ้าวชวางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แต่เราก็ต้องเร็วนะ ไปหาราชาเยว่แล้วก็ต้องเข้าร่วมกับราชาอื่นๆ อย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือราชาไป๋ ราชาไป๋องค์ใหม่เกิดขึ้นเมื่อไหร่และเกิดที่ไหนเราไม่รู้เลย มันแย่ที่สุด!” มิเชลหัวเสียเมื่อนึกถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดนี้

“เงื่อนไขในการเป็นราชาไป๋มีอะไรบ้าง?” ชีอ้าวชวางถาม

“ไม่มี มันจะเกิดขึ้นอย่างลึกลับ…” มิเชลพูดด้วยสีหน้าที่ดูแย่ยิ่งกว่าเดิม “ว่ากันว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ให้ตายเถอะ! กำหนดไว้แล้วอะไรกัน เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันกำหนดไว้แล้ว! จะไปหาราชาไป๋คนใหม่ได้ที่ไหนล่ะ!” มิเชลโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ

ชีอ้าวชวางสับสนเล็กน้อย ถูกกำหนดไว้? ทุกอย่างถูกกำหนดไว้? มันหมายความว่าอะไร?

ชีอ้าวชวางเดินทางไปกับมิเชลด้วยการขี่สัตว์สองหัวที่มิเชลพามาซึ่งมีความทนทานเป็นพิเศษและรูปลักษณ์ภายนอกของมันน่าประหลาดใจสำหรับชีอ้าวชวางมาก มันคล้ายกับยูนิคอร์นเล็กน้อยและบินในระดับต่ำได้ เดินบนน้ำก็ได้ และเดินบนพื้นดินได้นิ่งมาก แต่ความเร็วไม่มากนัก หลังจากออกเดินทางแล้วชีอ้าวชวางก็รู้ว่าโลกนี้ใหญ่มาก ทิวเขาที่ทอดยาวไปในอากาศ นกขนาดใหญ่บินอยู่บนท้องฟ้าและเสียงร้องแปลกๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ต้นไม้สูงตระหง่านสีเขียวขจี ดินที่มีกลิ่นหอมอ่อนและอุดมสมบูรณ์มาก

“มิเชล เจ้าพูดถึงคามิลล์หน่อยได้หรือไม่?” ชีอ้าวชวางพูดทำลายความเงียบระหว่างทั้งสองคน

“เขาเหมือนพระเจ้า เหมือนปีศาจ และบางครั้งก็อ่อนโยนเหมือนมนุษย์ แต่โดยพื้นฐานแล้ว เขาไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่ปีศาจ ไม่ใช่มนุษย์ และไม่ใช่อสูร” มิเชลให้คำตอบแบบกว้างๆ มาเช่นนี้

ชีอ้าวชวางตะลึงแล้วถาม “ถ้าอย่างนั้นคามิลล์มีจุดอ่อนบ้างหรือไม่? อย่างเช่นคนที่เขากลัว?”

“หึ เจ้าล้อเล่นหรือ?” มิเชลหัวเราะ “ในโลกนี้เขาจะกลัวใครล่ะ?”

ชีอ้าวชวางตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มิเชลพูด จากนั้นก็เข้าใจว่ามิเชลและคนอื่นๆ น่าจะไม่รู้ว่าใครบีบบังคับให้คามิลล์ต้องหนีไป คนๆ นั้นเป็นพลังที่อยู่เบื้องหลังของสถาบันดวงดาว ดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจในโลกนี้ก็ดูเหมือนจะไม่รู้เช่นกัน

ชีอ้าวชวางเงียบอีกครั้งและเงยหน้ามองไปข้างหน้า ดวงอาทิตย์ส่องผ่านต้นไม้ใหญ่และแสงแดดที่เจิดจ้านั้นก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากเดินทางอย่างน่าเบื่อมาหลายวัน สภาพแวดล้อมโดยรอบก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง มีต้นไม้สูงตระหง่านอยู่ตลอด ป่าแห่งนี้ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดเลย

มิเชลดูเหมือนจะรู้ความคิดของชีอ้าวชวางจึงยิ้มให้ชีอ้าวชวาง “ชีอ้าวชวาง ไม่ต้องกังวลนะ อีกไม่นานก็จะได้พบกับราชาเยว่แล้ว เดี๋ยวเจ้าก็จะพบเพื่อนของเจ้าแล้ว”

“จะไปเจอกันที่ไหน? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าป่านี้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดเลยล่ะ” ชีอ้าวชวางเงยหน้ามองและถามอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

“ไปที่สระพระจันทร์ มันเป็นฐานลับของราชาเยว่” มิเชลยิ้มจางๆ “ป่านี้ค่อนข้างใหญ่จริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด ทุกสิ่งทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ป่าแห่งนี้ก็มีจุดสิ้นสุดเช่นกัน”

แสงสว่างวาบในแววตาของชีอ้าวชวาง นางมองท่าทางเศร้าของมิเชลและไม่พูดอะไร มิเชลเองก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีเรื่องราวเช่นกันนะ

ป่านี้มีจุดสิ้นสุดจริงๆ หลังจากเดินทางต่อไปอีกสามวันก็มาถึงชายป่า แต่ข้างนอกป่าจริงๆ แล้วเป็นทะเลทรายขนาดใหญ่ พอลมพัดมาทรายสีเหลืองก็ปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้าทำตาพร่ามัวไปหมด

“สระพระจันทร์? ในสถานที่แบบนี้หรือ?” ชีอ้าวชวางมองทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาแล้วถามอย่างสงสัย

“แน่นอน ที่นี่คืออาณาเขตของราชาเยว่มาตั้งแต่แรก มีเพียงข้ากับเขาเท่านั้นที่รู้ฐานลับของเขา” มิเชลยิ้ม “ตามข้ามาสิ”

ชีอ้าวชวางหยิบเสื้อคลุมออกมาจากแหวนมิติและสวมมัน จากนั้นก็ตามมิเชลเข้าไปในทะเลทรายอันกว้างใหญ่นั้น ทรายสีเหลือง ลมแรง กระบองเพชรขนาดใหญ่ แมงป่องและงูปรากฏขึ้นในเวลากลางคืนอย่างนี้ หลังจากเดินอย่างเบื่อหน่ายเป็นเวลาสองวัน มิเชลก็เงยหน้ามองท้องฟ้า “ในที่สุดก็มาถึง”

ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ได้เห็นภาพบนท้องฟ้าไม่ไกล มันเป็นภาพจำลองของปราสาทซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับปราสาทของมิเชลและดอกไม้โดยรอบก็สวยงามมาก

“นี่เป็นภาพลวงตาใช่หรือไม่?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว

“ใช่ นี่เป็นภาพลวงตาของปราสาทราชาเยว่ ภาพลวงตาแบบนี้มีอยู่มากมายในทะเลทราย แต่ภาพลวงตานี้เป็นเส้นทางไปสู่ที่อื่น” มิเชลยิ้มและตบที่พาหนะเบาๆ จากนั้นพาหนะนั้นก็บินขึ้นช้าๆ พาหนะที่ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ก็ค่อยๆ บินตามหลังไป เมื่อเข้าใกล้ภาพลวงตามากขึ้น ชีอ้าวชวางก็มองนกตัวหนึ่งบนท้องฟ้าที่บินผ่านภาพลวงตาไปอย่างสงสัยและตั้งคำถามในใจว่าภาพลวงตานี้จะเป็นทางเข้าไปได้อย่างไร?

จากนั้นไม่นานนางก็เข้าใจ มิเชลหยิบหยกรูปพระจันทร์เสี้ยวออกมาและถือมันไว้ข้างหน้า ภาพลวงตานั้นค่อยๆ กระเพื่อมออกไปเหมือนระลอกน้ำและเปิดออกเป็นช่องสีดำ มิเชลค่อยๆ บินเข้าไป และชีอ้าวชวางก็ตามเข้าไปอย่างช้าๆ หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปแล้ว ภาพลวงตานั้นก็กลับสู่ลักษณะเดิม ทำให้มองไม่เห็นร่องรอยอะไรได้เลยแม้แต่น้อย

ตรงหน้าของชีอ้าวชวางเป็นแสงสีขาว ข้างหน้าเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ มีน้ำตกสีเงินอยู่ที่ด้านหน้าของทะเลสาบและลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ กลายเป็นสายน้ำสวยงามที่ทิ้งตัวลงสู่ทะเลสาบ รอบทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกไม้และพืชหลากสีสัน ทั้งหมดนั้นส่องประกายแสงสีเงิน แต่พอชีอ้าวชวางมองเข้าไปใกล้ๆ นางก็ตกตะลึง สิ่งเหล่านั้นใช่ดอกไม้และต้นไม้ที่ไหนกัน แท้จริงแล้วมันเป็นหินผลึกแต่ละชนิดต่างหาก ทะเลสาบนี่มันอะไรกันถึงทำให้หินผลึกรอบๆ เติบโตได้เช่นนี้?

“ไปกันเถอะ อยู่ข้างหน้านี่เอง” มิเชลพลิกตัวลงจากพาหนะและส่งสัญญาณให้พาหนะนั้นอยู่ที่นี่ ชีอ้าวชวางก็ลงไปเช่นกัน แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย เฟิงอี้เซวียน นางจะได้เจอเขาเร็วๆ นี้แล้ว…

มิเชลเดินไปข้างหน้าพร้อมกับชีอ้าวชวาง ตลอดทางที่เดินไปล้วนสว่างไสวไปด้วยแสงสีเงินจางๆ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีดอกไม้หรือพืชแปลกๆ ที่มีชีวิตอยู่เลย แต่ล้วนเป็นหินผลึกทั้งนั้น

ยอดเขานั้นค่อยๆ ปรากฏในสายตาของชีอ้าวชวาง และปราสาทเล็กๆ ที่ทำจากหยกขาวก็ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาอย่างน่าภาคภูมิใจ นี่คงจะเป็นที่ที่ราชาเยว่อาศัยอยู่ตอนนี้ พอเข้าใกล้ยอดเขานั้นเรื่อยๆ หัวใจของชีอ้าวชวางก็เริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้น กำลังจะไปหาคนที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลาแล้ว คนโง่คนนั้นที่ยอมตายเพื่อนาง ตอนที่เจอเขานางควรจะพูดอะไรดี? ควรพูดอะไรและทำอะไรดี? ชีอ้าวชวางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แลกเปลี่ยนร่างกายกับคนคนนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว ไปเจอเขาจะเขินหรือไม่นะ?

“ไอ้ราชาบ้านี่! ข้าบอกว่าข้ามีธุระ ข้าจะไปหาเสี่ยวชวางชวางของข้า! เจ้าหูหนวกหรือ?” เพียงแค่มาถึงด้านล่างของยอดเขา ชีอ้าวชวางก็เกือบจะหลั่งน้ำตาแล้ว เสียงของเขาก้องไปทั่วทั้งหุบเขา น้ำเสียงของเขาที่เต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจ

เฟิงอี้เซวียน!

เสียงนี้!

น้ำเสียงนี้!

จะมีใครอีกนอกจากเขา?

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” เสียงโกรธของเฟิงอี้เซวียนดังขึ้นอีกครั้ง

“หนุ่มน้อย โกรธขนาดนี้มันไม่ดีนะ เจ้าต้องใจเย็นลงเพื่อเร่งการฝึกฝนสิ” อีกเสียงเป็นน้ำเสียงที่แน่วแน่

“หึ! พวกคนแก่ที่ไม่มีใครต้องการเท่านั้นที่จะพูดแบบนี้” เฟิงอี้เซวียนยังคงบ่นอยู่

“ฮ่าๆ เยว่ มีคนบอกว่าเจ้าเป็นคนแก่ด้วย ฮ่าๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ถูกต้องจริงๆ เจ้าเป็นชายบริสุทธิ์” มิเชลเงี่ยหูฟังสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นเวลานานแล้วเขาก็เดินเข้าไปพร้อมเสียงหัวเราะ

“อยากตายหรือ? ข้าบอกเจ้าตั้งนานแล้วว่าห้ามพูดแบบนี้!” น้ำเสียงนั้นไม่นิ่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย

ชีอ้าวชวางยืนอยู่ข้างหลังมิเชลและค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผมสีแดงนั้น หัวใจของนางสั่นเทา ดวงตาคู่นั้น คิ้วคู่นั้น ผมสีแดงนั้น นั่นคือเฟิงอี้เซวียนจริงๆ เป็นเขาจริงๆ!

“ฮ่าๆ เยว่ เยว่ ช่างน่าขำจริงๆ ที่แท้ก็เป็นผู้เฒ่าน่ารังเกียจ…” เฟิงอี้เซวียนหัวเราะเสียงดังและล้อชื่อของราชาเยว่และหันกลับมองมิเชล อยากเห็นชัดๆ ว่าใครเรียกชื่อนี้ออกมา แต่เมื่อเขาเห็นร่างที่อยู่ข้างหลังมิเชล เสียงหัวเราะนั้นก็หยุดลงทันที

“เจ้าเด็กตัวเหม็น เจ้าอยากตายหรือ?” ใบหน้าหล่อเหลาของราชาเยว่บิดเบี้ยวและตะโกนอย่างโกรธเคืองใส่เฟิงอี้เซวียน แต่หลังจากที่เขาตะโกนประโยคนี้ออกไป เขาก็พบว่าเฟิงอี้เซวียนตัวสั่นเล็กน้อย การแสดงออกของเขาก็ยิ่งแปลกขึ้นอีก “ไม่จริงน่า ข้าแค่พูดเท่านั้นเอง ไม่ฆ่าเจ้าจริงๆ หรอก เจ้าต้องกลัวขนาดนี้เลยหรือ?” ราชาเยว่พูดและรู้สึกว่ามันผิดปกติ เขาข่มขู่เด็กคนนี้มานานแล้วไม่มีทีท่าว่าจะก้มยอมหัวให้เลยด้วยซ้ำ ทำไมวันนี้ถึงมีท่าทีเช่นนี้ล่ะ? เกิดอะไรขึ้น?

ราชาเยว่มองตามสายตาของเฟิงอี้เซวียนไปและก็ตกตะลึง ข้างหลังมิเชลมีสาวสวยคนหนึ่งที่มีผมสีดำสนิทพาดไปข้างหลังอย่างนุ่มนวล และตาสีดำราวกับดวงดาวในตอนกลางคืน ทำให้ผู้คนละสายตาไม่ได้ คนโปรดคนใหม่ของมิเชลหรือ? เป็นไปไม่ได้! ราชาเยว่ปัดความคิดนี้ทันทีเพราะรังสีที่เปล่งออกมาจากผู้หญิงคนนี้ดูแตกต่างมาก เหมือนกับใบมีดคม เหมือนสายลมที่พัดมาและเหมือนทะเลสาบที่สงบ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา! ราชาเยว่ตั้งข้อสรุปแบบนี้ทันที แต่ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเด็กคนนี้คืออะไรกัน?