ตอนที่ 130-4 อนุกลายเป็นนางโสเภณีประจำบ้าน คุณชายรองถูกทอดทิ้ง

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

มู่หรงไท่พยายามสงบจิตสงบใจลง แล้วบอกฮว่าซั่นให้ไปเรียกหมอลับมาที่จวน หลังหมอลับตรวจดูแล้วก็วินิจฉัยว่าเป็นกามโรคระยะแรกอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ เขา ณ ขณะนั้นยิ่งขวัญหนีดีฝ่อกว่าเดิม ฮว่าซั่นก็พรึงเพริดเช่นเดียวกัน สองสามวันนี้จึงทำได้แค่แอบไปรับยาแล้วกลับมาเช็ดตัวให้คุณชายรองเท่านั้น

 

 

สิงซื่อไหนเลยจะรู้ว่าหลานเปรอะเปื้อนโรคนี้แล้ว มาพบเขาสองสามครั้งอย่างเศร้าอาดูรและมึนงงสับสน รู้เพียงกระดูกที่หักยังไม่หายดี ยังปลอบใจอย่างสุดตัวว่า “…วันหลังจะหาหมอที่มีชื่อเสียงมาให้เจ้า รักษาขาที่เจ็บให้หาย ยังมี ทางท่านโหวอาวุโสกับย่าก็สบายใจขึ้นแล้ว สองสามวันมานี้น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นเยอะแล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็คงไม่มีอะไรแล้ว รอเรื่องนี้ซาลง ทั้งหมดก็จะฟื้นคืนกลับมาเป็นดังเดิม”

 

 

มู่หรงไท่กลับฟังแล้วอยากจะร้องไห้โดยไร้น้ำตา ยังจะสามารถฟื้นคืนอะไรได้อีก!

 

 

เดิมทีวันนั้นมู่หรงไท่ก็ถูกท่านโหวอาวุโสระเบิดโทสะ ทางด้านลูกชายคนโตมู่หรงอันก็ยิ่งถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม หลายปีมานี้น้องชายฝั่งท่านพ่อก็อาศัยอำนาจของท่านย่าเข้าข้าง ขัดขวางไม่ให้ตนได้นั่งตำแหน่งซื่อจื่อมาโดยตลอด สภาพปัจจุบันนี้ก็คงเป็นโอกาสดี จะไม่สนใจได้อย่างไรกันเล่า สังเกตมาสองสามวันแล้ว ก็พบว่าฮว่าซั่นมักจะออกไปรับยาบ่อยๆ มู่หรงอันก็เกิดกริ่งใจ จึงส่งเด็กรับใช้ไปตั้งใจชนฮว่าซั่น แล้วคว้าห่อยาได้ห่อหนึ่ง กลับมาก็ให้ฮูหยินดู ก็รู้ทันทีว่าเป็นยารักษาโรคอะไร

 

 

ทางด้านเด็กรับของลูกชายคนโตก็ได้รับความดีความชอบ คุณชายใหญ่จึงเหมาะสมจะได้แต่งตั้งเป็นซื่อจื่อ แต่ฮูหยินท่านโหวอาวุโสกลับใจลำเอียง ท่านโหวอาวุโสจึงไม่ให้เป็น กล้ำกลืนความอัปยศมาหลายปี จึงสะบัดแขนเสื้อไปพบท่านโหว มู่หรงอันที่คิดใคร่ครวญมาก่อนแล้ว กลับไม่มีแรงส่งเสียง นิ่งไปชั่วขณะ จึงให้สาวใช้นำข่าวลือไปแพร่งพราย กลับไม่มีปัญหาการกล่าวโทษใดๆ เพียงหากท่านปู่ท่านย่าจะกดดันละก็ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเสียโอกาสนี้ไปเปล่าๆ เสียหน่อย

 

 

มู่หรงอันตั้งใจปล่อยข่าวลืออย่างสุดความสามารถ เรื่องคุณชายรองจวนกุยเต๋อโหวเที่ยวหอนางโลม จนติดกามโรค ในชานเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้ จากวงเล็กพลันแพร่ไปยังวงกว้าง

 

 

มู่หรงไท่เป็นโรคที่รักษาไม่หาย คนในจวนยังไม่ทราบ กลับได้ข่าวมาจากนอกจวน ครั้งนี้ท่านโหวอาวุโสมู่หรงคงโกรธายิ่งแน่นอน เมื่อนำเรื่องไปให้ฮูหยินดูที่จวน คงคิดว่าเป็นข่าวปลอม โมโหจนไร้เรี่ยวแรงบนเก้าอี้ฉับพลัน

 

 

หากพูดว่าก่อนจะทุบตีทำร้าย ท่านโหวอาวุโสยังมีความหวังต่อตัวมู่หรงไท่อยู่ วันนี้กลับกระทั่งแรงจะทุบตีหลายชายคนนี้ล้วนไม่มี ยอมแพ้ต่อมู่หรงไท่โดยสิ้นเชิง สิงซื่อเองก็พูดออก สักพัก ก็ลืมตามองท่านโหวทอดทิ้งหลานรักไว้ในห้องเล็กๆ ดำมืดในเรือนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ แม้จะส่งตัวฮว่าซั่นไปไว้ข้างๆ ทิ้งไว้เพียงบ่าวขาเป๋ฟันหลอที่อยู่ห้องเอ่อร์ฝางข้างๆ รับผิดชอบคอยดูแล ไม่ให้ยา ไม่เชิญหมอมา ทุกๆ วันให้ข้าวสองมือเท่านั้น เพียงพอจะประทังชีพเขาได้ พอเห็นเช่นนี้แล้ว ท่านโหวอาวุโสคงให้ปล่อยไปตามยถากรรมเขา พอตายแล้วจะได้ไม่มีคนนอกว่าจวนโหวโหดร้าย

 

 

นับตั้งแต่นั้นมา ทุกวันตอนเย็น บ่าวจวนโหวต่างได้ยินเสียงทุ้มต่ำครวญครางเจ็บปวดมาจากเรือนเล็กตะวันตกเฉียงเหนือ เสมือนกับอยู่ในรังสัตว์ร้ายที่กรีดร้องเพราะได้รับความเจ็บปวด พอถึงยามเช้าแสงอรุณสาดส่อง ก็จะเห็นบ่าวขาเป๋คนนั้นนำถังน้ำเหลืองไปไว้ด้านนอกถังแล้วถังเล่า จนหญ้าที่อยู่รอบเรือนเล็กตะวันตกเฉียงเหนือต่างไม่โตขึ้นเลย

 

 

*

 

 

ณ จวนอวิ๋น

 

 

เรื่องราวของมู่หรงไท่ได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองหลวง แพร่กระจายมายังสกุลอวิ๋น

 

 

ความคิดของคนในจวนแต่ละคนไม่เหมือนกัน

 

 

หลังจากที่กินอาหารมื้อเย็นเสร็จพอดี อวิ๋นเสวียนฉั่งดื่มด่ำกับข่าวลือท่านโหวอาวุโสมู่หรง ฟังจบแล้วก็หัวเราะ “ข้าบอกแล้ว ลูกคนรองของตระกูลนั้นไม่มีอะไรดีหรอก! จริงๆ นะ! คราวที่แล้วยังมีหน้าไปบ้านข้าเพื่อขอแต่งงานใหม่ เอาลูกสาวคนหนึ่งของข้าไปเป็นอนุและยังต้องการลูกสาวอีกคนไปเป็นภรรยาเอกอีก ถุย!”

 

 

เหลียนเหนียงก็นั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ “นายท่านเป็นคนฉลาดเฉียบแหลมมองทะลุปรุโปร่ง ข้าก็คิดเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ งานแต่งพังลงแล้ว คำพูดที่พูดออกไปจะดึงเอากลับมาเป็นดังเดิมได้เช่นไรเล่าเจ้าคะ” กฎของตระกูลอวิ๋น อนุจะไม่ได้กินข้าวบนโต๊ะอาหาร แต่จะยืนอยู่ข้างๆ รอให้นายท่านกินเสร็จก่อนจึงจะไปใช้โต๊ะได้ จนวันนี้อวิ๋นเสวียนฉั่งได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้ากรม กลัวจะถูกคนพูดว่าตัวเองมาจากตระกูลที่ต่ำต้อยไม่รู้พิธีรีตองจึงให้ความสำคัญกับกฎของตระกูลมาก ทว่าตั้งแต่ที่เหลียนเหนียงกลับมาจากวัดวันนั้น ก็กินข้าวบนโต๊ะทุกวันโดยไม่มีข้อยกเว้น ถงซื่อก็ไม่ได้พูดอะไร

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นก็อยู่ข้างๆ ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหยุดใช้ตะเกียบและเหลือบมองไปทางบิดา ฉลาดเฉียบแหลมรึ ฉลาดเฉียบแหลมจริงๆ! ครั้งที่แล้วก็เกือบจะส่งตนเองให้มู่หรงไท่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหลียนเหนียงเลย หลังจากได้รับเงินสี่พันก็ดีใจจนเป็นบ้าไปแล้ว ดูสิ แววตาของนางฉายแววล้ำลึก มองไปที่เหลียนเหนียงและยิ้มอย่างอ่อนโยน “อ้อ จริงสิ คราวที่แล้วไม่ได้พูดว่าจะหาวันไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษบอกท่านแม่เรื่องแต่งงานหรอกรึ ข้าพร้อมแล้ว แม่รอง หมิงเอ๋อร์ไปกับข้าเถอะ”

 

 

เหลียนเหนียงไม่รู้ว่าทำไมอวิ๋นหว่านชิ่นถึงแบ่งงานมาให้ตนเอง ไม่ใช่ว่านางกับฮุ่ยหลานคนนั้นสนิทกันหรอกหรือ เรื่องสินสอดฮุ่ยหลานก็เป็นคนจัดการ ครั้งนี้จะไปหาไป๋ซื่อก็ควรจะให้ฮุ่ยหลานติดตามไปด้วยสิ ทำไมถึงตกมาอยู่ที่ตนเองได้ล่ะ หลังจากคิดไปคิดมา ในที่สุดเหลียนเหนียงก็ปล่อยวาง เพราะว่าที่ตนเองเป็นคนดังไปแล้ว แม้แต่เหล่าไท่ไท่ที่โมโหง่าย ตอนนี้ก็มีทัศนคติต่อตนเองดีขึ้นแล้ว แล้วคุณหนูใหญ่ผู้นี้กำลังจะแต่งงานแล้วไม่รำคาญตัวเองบ้างหรือไร นอกจากนี้ยังมีน้องชายท้องเดียวกันที่อาศัยอยู่ที่บ้านด้วย ไม่กลัวว่าหากตนเองมีลูกชายและได้รับอำนาจในอนาคตจะมีความแค้นส่วนตัวรึ หรือว่า…นางจะใช้โอกาสนี้เพื่อบอกเป็นนัยว่าตนเองอยากจะเจรจา

 

 

ตอนนี้ได้ยินความสุภาพของอวิ๋นหว่านชิ่น การคาดเดาในใจของเหลียนเหนียงก็หนักแน่นมากขึ้น เกิดเสียงดังขึ้นเล็กน้อยขณะที่ใส่หมูปรุงสุกแล้วหนึ่งชิ้นลงในชามของตนเอง “สองสามวันมานี้ข้าไม่เห็นคุณหนูใหญ่ส่งคนมาตามข้า หรือว่าคุณหนูใหญ่จะเปลี่ยนใจเลือกคนอื่นไปแทนเจ้าคะ เช่นนั้นก็ให้หมิงเอ๋อร์ไปกับคุณหนูใหญ่นะเจ้าคะ”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าเหตุผลที่ช่วงนี้นางขึ้นค่าตัว กอปรกับที่นางทำตัวเป็นนายเสียเอง จึงหน้านิ่ง เพียงหัวเราะยิ่งฉายแววความงดงามไปอีก “ทำไมถึงเปลี่ยนคนล่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ได้เรียกแม่รองหรือ เพราะข้าเตรียมของเอาไว้แล้ว หลังท่านแม่แท้งลูกก็เข้าวัดไปแล้ว ข้าได้ยินอาเถาพูดว่าคอยดูแลให้อยู่ ตลอดมานางมีสุขภาพไม่ค่อยดีนัก สามวันปวดหัวสองรอบ หน้าซีดเหลืองผอมซูบ ในเมื่อครั้งนี้ต้องการเป็นเจ้าภาพงานแต่งกับท่านพ่อ ย่อมต้องดูแลก่อนเสียหน่อย ถึงเวลาจะได้ไม่เสียมารยาทต่อฝูงชน ข้าก็เตรียมของขวัญต่างๆ ไว้แล้ว ถึงเวลาก็ไปเอาด้วยกัน”

 

 

ถงซื่อพยักหน้า “พี่ชิ่นนี่รอบคอบจริงๆ เลย”

 

 

แล้วกินข้าวสองสามคำ ต่างก็แยกย้ายกลับห้องของตนเอง

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นและชูซย่ากลับเรือนหยิงฝู ให้หมิงเอ๋อร์นำอาหารและยาไปที่ตระกูลไป๋ บรรจุอยู่ใส่กล่องเก็บความร้อนอย่างดี อวิ๋นหว่านชิ่นใช้เวลาปรุงสิ่งนี้อยู่สองสามวัน มันคือน้ำผลไม้เข้มข้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สกัดจากยาสมุนไพรจีนหกชนิดกลิ่นหอมและสดชื่น

 

 

 วันต่อมา อวิ๋นหว่านชิ่นตื่นแต่เช้าไปพบกับเหลียนเหนียง ไปห้องของไป๋เสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ถัดจากห้องโถงบรรพบุรุษ