อี้เฉินเฟยกับกู้ชูหน่วนทดสอบเลือด แน่ชัดว่าไม่มีปัญหา คนที่แท่นจุดสัญญาณไฟยังอยากตรวจสอบเลือดของฉีโส่วคนอื่นอีก กู้ชูหน่วนจึงสะบัดให้ไปฉาด

“เดิมก็รีบอยู่แล้ว คนตั้งเยอะกว่าจะตรวจสอบเสร็จต้องอีกนานเท่าไร? พวกเจ้าอยากขัดคำสั่งท่านหัวหน้ากองธงจริงๆ ใช่ไหม? แล้วยังจงใจจะให้ถันจู่เจียงขัดคำสั่งด้วย”

ฉาดนี้ดังนัก

ฉีโส่วที่เป็นผู้คุมอดกลั้นโทสะที่มีอยู่เต็มอก มองสีหน้าอี้เฉินเฟยที่ไม่เป็นมิตร และยอมรับวิธีการทำของกู้ชูหน่วนโดยปริยาย นี่ถึงกดโทสะลง ให้คนเตรียมกระเช้ากับเชือก

เหล่าทาสบำเรอขึ้นกระเช้าด้วยจิตใจหวาดหวั่น กลัวจะเกิดเหตุอะไรขึ้นอีก

กระเช้าละยี่สิบคน ทั้งหมดหกกระเช้าเต็มๆ พวกกู้ชูหน่วน อี้เฉินเฟยกับเย่เฟิงอยู่กระเช้าแรก

แต่ก่อนจะขึ้นกระเช้า กู้ชูหน่วนก็หันไปพูดกับฉีโส่วที่ถูกนางตบไปฉาดเมื่อครู่ว่า “สหาย ที่ตบเจ้าก็เป็นคำสั่งของถันจู่เจียง ถ้าเจ้าคับอกคับใจก็ไปหาถันจู่เจียง เพราะเขานั่นแหละที่เป็นตัวการ”

“…”

“แล้วก็นะ ถันจู่เจียงบอกว่าเจ้าไม่ขัน ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ”

“…”

ฉีโส่วสวีที่เป็นผู้คุมเป็นถึงยอดฝีมือระดับหนึ่ง

เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วน ในใจก็มีคำด่าโพล่งออกมามากมาย

เขาไม่ขันตั้งแต่เมื่อไร?

และถึงจะอย่างนั้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?

หรือว่าเขายังคิดจะมีแผนอะไรกับเขาอีก?

เชือกเริ่มลำเลียง กระเช้าค่อยๆ ไปตามเชือก

ก็ในเวลานี้เอง ถันจู่หลินก็นำคนเร่งตามมา คนยังไม่ถึงเสียงก็มาก่อนแล้ว

“ขวางพวกเขาไว้! ท่านหัวหน้ากองธงไม่ได้มีคำสั่งให้พาทาสบำเรอพวกนั้นไป!”

“อะไรนะ…หยุดเชือก เร็ว…!

“มะ…ไม่ทันแล้วขอรับ พวกเขาจะถึงแท่นจุดสัญญาณไฟแล้ว”

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน โดยเฉพาะถันจู่หลินกับผู้คุมสวี

ถันจู่หลินตวาด “เป่าแตร! แจ้งข่าวกับคนทางแท่นจุดสัญญาณไฟที่ห้า แล้วเตรียมกระเช้าให้ข้า ข้าจะตามไปเอง!”

“ถะ…ถันจู่ ช่วงก่อนเบื้องบนเพิ่งสั่งการมา ว่าคืนหนึ่งใช้ได้มากสุดแค่เจ็ดกระเช้าเท่านั้น ผู้คุมกระเช้าหนึ่งพาเย่เฟิงไปที่ยอดเขาแล้ว เหลืออีกหกกระเช้า…ก็ถูกพวกเขาใช้ไปหมดแล้วขอรับ!”

“เช่นนั้นก็ไปทำเรื่องขอสิ! รีบไปทำเรื่องขอกระเช้า จะให้พวกมันไปไม่ได้เด็ดขาด!”

“ขอรับ…!”

แท่นจุดสัญญาณไฟของยอดเขาที่หกวุ่นวายพัลวัน

บ้างก็ไปทำเรื่องขอกระเช้า บ้างก็เป่าแตรว่ามีศัตรูบุก วุ่นวายไปหมด

ในกระเช้า มีทาสบำเรอคนหนึ่งได้ยินเสียงแตร ตกใจจนหน้าซีดเผือด

“จอมยุทธทั้งหลาย พวกเขาเริ่มสงสัยเราแล้ว เรา…ยังจะรอดออกไปได้ไหม?”

“ตื่นอะไร? ถึงเวลาก็มีทางไปเองนั่นแหละ”

บรรดาฉีโส่วที่แท่นจุดสัญญาณไฟที่ห้าได้รับเสียงแตรศัตรูบุก แต่ละคนราวกับเผชิญศัตรูตัวฉกาจ ตรึงแนวกำลังเข้มงวด ให้พวกกู้ชูหน่วนหยุดแต่ไกล

กู้ชูหน่วนจึงกลายร่างเป็นนักแสดงทันที กระเช้ายังไม่ถึงก็อ้าปากตะโกน “ยอดเขาที่หกมีศัตรูโจมตี ตอนนี้กำลังไล่ตามพวกเรามา พวกเจ้ารีบเสริมกำลังคน สกัดพวกเขาไว้เร็ว!”

“ศัตรูโจมตี? ศัตรูมีจำนวนเท่าไร?”

“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่ศัตรูแปลงโฉมเป็นถันจู่หลิน จะช่วยทาสบำเรอพวกนี้ไป แต่ทาสบำเรอพวกนี้เป็นคนของท่านหัวหน้ากองธง ถ้าถูกพวกมันช่วยไปได้ ท่านหัวหน้ากองธงจะไม่ฝังเราทั้งเป็นหรือ? พวกเจ้าต้องขวางเอาไว้นะ!”

เหล่าฉีโส่วกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ

อี้เฉินเฟยเดินขึ้นหน้า เอ่ยเสียงเย็น “แต่ละยอดเขามียอดฝีมือระดับหนึ่งระดับสอง แล้วยังมีระดับสามอีก ยอดฝีมือมากมายขนาดนี้ถ้าสกัดศัตรูที่มาช่วยทาสบำเรอไม่ได้ เก็บพวกเจ้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์!”

“เออ…ไหสุราประหนึ่งดังดอกไม้” ทันใดนั้นฉีโส่วก็เอ่ยปากขึ้น

กู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยอดจะนับถือโชคของตัวเองไม่ได้

รหัสลับที่ต้องต่อในยอดเขาที่ห้าและที่หก ต่างเป็นรหัสลับที่พวกเขารู้

“ดังจันทร์จากกลมเด่นกลับดับแสงไข”