ตอนที่ 73 ดื่มเหล้า

Perfect Superstar

ตอนที่ 73 ดื่มเหล้า

เกาเฮ่อเป็นชายชาวจี้เฉิงที่มีเอกลักษณ์พิเศษมาก เขาสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบห้าเซ็นติเมตร เป็นเซ็นเตอร์กำลังสำคัญของทีมบาสเกตบอลคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ เป็นคนโผงผางตรงไปตรงมา มีนิสัยเข้ากับคนอื่นง่ายมาก ทว่ามีหน้าตาแก่กว่าอายุ หากจะเรียกว่าลุงก็ยังได้

เกาเฮ่อนอนอยู่ชั้นล่างของเตียงลู่เฉิน

ขณะที่เดินขึ้นไปทางหอพัก ลู่เฉินถามว่า “แล้วพี่สะใภ้ล่ะ ไม่กลับมาด้วยเหรอ”

หวังเสี่ยวหลิงแฟนของเกาเฮ่อเรียนอยู่ภาควิชาภาษาจีน ทั้งสองคนคบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง

เกาเฮ่อมีสีหน้าหม่นลง พูดว่า “เลิกกันแล้ว”

ลู่เฉินตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้น”

หวังเสี่ยวหลิงกับเกาเฮ่อคบกัน ถือว่าลู่เฉินเป็นพ่อสื่อให้กลายๆ และรู้ว่าความรักของทั้งสองคนดีมาตลอด

ถึงแม้จะพูดกันเสมอว่าฤดูจบการศึกษาก็คือฤดูของการเลิกรา แต่ลู่เฉินคิดว่าพวกเขาจะยังคบกันต่อไป

เกาเฮ่อหัวเราะพูดอย่างขมขื่น “ฉันไปหางานทำที่จี่หนาน แต่หวังเสี่ยวหลิงอยากอยู่ที่หางโจว นายก็รู้ว่าราคาบ้านในหางโจวตอนนี้ แค่เงินซื้อห้องน้ำก็มากพอจะซื้อห้องชุดแถวบ้านฉันได้แล้ว และพ่อแม่ก็ต้องการการดูแลจากฉันด้วย”

ลู่เฉินนิ่งเงียบ

เมืองหางโจวมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ขณะที่นำความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาก็ทำให้วัตถุมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้นตลอด ปริมาณการขึ้นราคาสูงตลอดจนติดระดับแถวหน้าของประเทศ

หากคนที่มีเงินเดือนระดับธรรมดาอยากจะซื้อบ้านที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นแค่ความเพ้อฝัน

เกาเฮ่อเป็นคนที่ครอบครัวมีฐานะธรรมดา และยังเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ความรักสมัยเรียนในมหาวิทยาลัยก็เอาชนะความเป็นจริงไม่ได้

เขาได้แต่ตบไหล่เกาเฮ่อเพื่อเป็นการปลอบใจ

แต่เกาเฮ่อกลับปลงตก แล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร เตรียมใจเรื่องนี้มานานแล้ว น้องสาม นายอยู่ที่ปักกิ่งเป็นยังไงบ้าง มีแฟนใหม่หรือยัง”

ลู่เฉินยิ้มพูด “พอได้ ฉันโชคดีไม่เบาหาเงินได้นิดหน่อย ส่วนเรื่องแฟนยังไม่คิดหาตอนนี้”

เกาเฮ่อรู้ฐานะทางครอบครัวของลู่เฉิน จึงพูดดีใจแทนเขา “อย่างนั้นนายคิดจะเติบโตในปักกิ่งต่อไปใช่ไหม”

ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ ต่อไปถ้าพี่ว่างก็มาหาฉันได้ที่ปักกิ่ง จากจี่หนานมาปักกิ่งใกล้มาก”

เกาเฮ่อยิ้มพูด “รอให้นายเป็นมหาเศรษฐีก่อน แล้วฉันจะยกพวกไปขอส่วนแบ่งจากนาย!”

ลู่เฉินหัวเราะเสียงดัง

ระหว่างที่พูดคุยและหัวเราะกัน ทั้งสองคนมาถึงหอพักของมหาวิทยาลัยพอดี

ประตูห้องนอนหมายเลข 405 ปิดไว้เพียงครึ่งเดียว เกาเฮ่อเดาว่า “เหล่าเคกับน้องสี่ต้องกลับมาแล้วแน่นอน!”

เขาผลักประตูอย่างแรง แล้วตะโกนว่า “ขอตรวจห้องหน่อย!”

ในห้องพักมีสองคนอยู่แล้วจริงๆ คนหนึ่งนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง อีกคนหนึ่งนั่งเล่นเกมอยู่หน้าโต๊ะ

ทั้งสองคนสะดุ้งตกใจกับเสียงตะโกนของเกาเฮ่อเป็นอย่างมาก

ลู่เฉินเดินตามเข้ามา “นี่คือการปล้น หยิบบัตรเอทีเอ็ม บัตรรถโดยสาร บัตรกินข้าวของแกมา…”

คนที่เล่นโทรศัพท์คือเหล่าเค ชื่อจริงคือว่านหงจื้อ เป็นคนเซียงเป่ย เขาอยู่ลำดับที่สองของเพื่อนร่วมห้องทั้งสี่คน แต่ยอมรับคำเรียกว่า ‘พี่รอง’ ไม่ได้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาเรียกเขาว่าเหล่าเค…ที่สองของไพ่โป๊กเกอร์แทน

โจวรุ่ยหรือน้องสี่ที่กำลังเล่นเกมเป็นคนหางโจว หน้าตาอัปลักษณ์ตัวเล็กและผอม หลังจากตกใจก็ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา “พี่ใหญ่ บอสโมโหแล้ว มันบ้าคลั่งแล้วเนี่ย!”

เขากำลังช่วยสู้กับบอส เมื่อครู่พลาดการควบคุม จังหวะไม่ดี ทำให้บอสตกอยู่ในอาการบ้าคลั่งทันที

จากนั้นก็ถูกฆ่าทั้งทีม!

เกาเฮ่อ ลู่เฉิน กับว่านหงจื้อหัวเราะลั่น

โจวรุ่ยถูกผู้เล่นคนอื่นด่าแล้วก็ออฟไลน์ไปเลย เขาจึงระบายความโกรธไปที่ทั้งสามคน “พวกพี่คอยดูเถอะ!”

ลู่เฉินกำลังจะพูด เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

เขากดรับสาย คนที่โทรมาคือเฉาซิ่วจู “ลู่เฉิน นายกลับมาที่มหาวิทยาลัยหรือยัง”

ลู่เฉินยิ้มตอบ “เพิ่งจะกลับมา หัวหน้ามีอะไรจะแจ้งฉันไหม”

เฉาซิ่วจูพูดว่า “กลับมาก็ดีแล้ว รายการที่สั่งให้นายเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง ฉันจัดลำดับเข้าไปในงานเลี้ยงจบการศึกษาของคืนพรุ่งนี้แล้ว นายห้ามตกม้าตายล่ะ!”

ลู่เฉินพูด “เรื่องที่ฉันทำเธอวางใจได้ ถ้าพวกเราจะหลอกใครก็ไม่หลอกหัวหน้าห้องพวกเราหรอก!”

เฉาซิ่วจูหัวเราะพูดว่า “นายไปอยู่ปักกิ่งขี้งกแล้วนะ อย่างนั้นก็ตามนี้แล้วกัน”

พอวางสาย เกาเฮ่อก็ถามอย่างสงสัย “หัวหน้าห้องมาหานายเรื่องอะไร”

ลู่เฉินจึงอธิบาย “งานเลี้ยงจบการศึกษาคืนพรุ่งนี้ เขาจะให้ฉันขึ้นไปแสดงบนเวที”

ว่านหงจื้อพูดอย่างทอดถอนใจ “แต่ก่อนมีแต่งานเลี้ยงปีใหม่ ตอนนี้กลายเป็นงานเลี้ยงจบการศึกษาแล้ว เวลาผ่านไปไวจริงๆ!”

เวลาไร้ความปรานี ตอนนี้ชีวิตในหอคอยงาช้างมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ช่วงเวลาที่สวยงามจึงได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำ

ห้องนอนหมายเลข 405 ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ

เกาเฮ่อถามว่า “เหล่าเค น้องสี่ หลังจากพวกนายจบแล้วคิดจะทำอะไรต่อ”

ว่านหงจื้อพูดว่า “ฉันรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งเปิดบริษัทด้านไอทีอยู่ที่ฮู่ไห่ เขาอยากให้ฉันไปช่วย ฉันเลยอยากไปเรียนรู้งานนิดหน่อย จากนั้นถ้าหากมีโอกาส ฉันก็อาจจะย้ายถิ่นฐานเลย”

ว่านหงจื้อมีผลการเรียนที่ดีที่สุดในสี่คนนี้ เขาคิดมาตลอดว่าอยากใช้ทักษะของเขาเป็นวีซ่าในการย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศ

ส่วนโจวรุ่ยนั้น “หลังจากเรียนจบฉันจะไปทำงานแผนกเกมของบริษัทเฟยเถิง และตอนนี้ฉันก็เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว”

ถึงแม้เขาอยากจะพูดอย่างใจเย็น แต่ก็ไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นแบบนั้นได้

เกาเฮ่ออยากจะต่อยคน “แม่ง บริษัทเฟยเถิง!”

ลู่เฉินยิ้มพูด “ยินดีด้วย!”

บริษัทเฟยเถิงเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตติดสามอันดับแรกของประเทศ อยู่ภายใต้เว็บไซต์อี้เป่าและอี้ฟู่เป่าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง นอกจากนี้ยังมีแผนกเกมที่แข็งแกร่งมาก ผลิตเกมเองและเป็นตัวแทนจำหน่ายเกมออนไลน์ยอดฮิตหลายตัว

ประเด็นสำคัญคือบริษัทเฟยเถิงเป็นบริษัทที่อยู่ในหางโจว และยังเป็นหนึ่งในที่ที่มีสวัสดิการดีเป็นอันดับหนึ่งในสายธุรกิจเสมอมา

โจวรุ่ยเป็นคนหางโจว เขาเข้าทำงานในบริษัทเฟยเถิงได้จึงควรค่าแก่การเฉลิมฉลองเป็นอย่างมาก

ว่านหงจื้อพูดว่า “เย็นนี้นายต้องเป็นคนเลี้ยง!”

โจวรุ่ยทำเสียงเชอะสองที “ฉันเลี้ยงก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครไม่เมา คนนั้นต้องจ่ายเงิน!”

เกาเฮ่อตบหน้าอก “ดื่มเหล้าต้องมาหาฉัน ไม่เมาไม่กลับ!”

ลู่เฉินลุกขึ้น “ป่ะ ไปโรงเหล้าเก่ากัน!”

โรงเหล้าเก่าเป็นโรงเหล้าเก่าแก่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเจียงไห่เพียงแค่หนึ่งจัตุรัสพลเมืองกั้น ได้ยินว่ามีตำนานยาวนานกว่าร้อยปี มีชื่อเสียงเรื่องอาหารอร่อยและราคาถูก นักศึกษามากมายต่างก็ชอบมานั่งทานอาหารที่นี่อย่างอิ่มหมีพีมัน

เนื่องจากกิจการของโรงเหล้าเก่าดีมาก หากไปช้าหน่อยจะไม่มีที่นั่งแน่นอน ดังนั้นทั้งสี่คนของห้อง 405 จึงรีบไปถึงก่อนเวลารับประทานอาหาร ในที่สุดก็จองโต๊ะติดริมหน้าต่างได้สำเร็จ

พอสั่งเมนูพิเศษสองสามอย่างแล้วก็สั่งเบียร์ เบียร์เจียงเฉาราคาสองหยวนลังหนึ่งอยู่บนโต๊ะ อีกลังหนึ่งอยู่บนพื้น

และก็ไม่ต้องใช้แก้ว เปิดฝาแล้วดื่มเข้าปากเลย

ดื่มหมดไปสองขวดก็เริ่มโม้ พูดถึงชีวิตคนเรา พูดถึงชีวิตวัยรุ่นที่หายไปช่วงนั้น

ลู่เฉินดื่มหมดไปขวดแล้วขวดเล่า เขาดื่มเยอะแต่พูดน้อย หลายครั้งเขามักจะฟังเพื่อนเล่าถึงผู้หญิงที่อยู่ห้องข้างๆ พูดถึงอาจารย์หญิงที่เป็นติวเตอร์คนใหม่ พูดถึงรุ่นน้องที่จีบไม่ได้ พูดถึงความปรารถนาในอนาคต

แอลกอฮอล์ปกคลุมร่างกายทีละนิด แต่กลับทำให้อารมณ์ของเขาสบายและผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

น่าเสียดายที่ไม่มีงานเลี้ยงไหนไม่มีวันเลิกรา

จบการศึกษาแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องแยกย้าย หากกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง บางทีอาจจะเจอกันในงานแต่งงานของใครสักคนก็เป็นได้

เมื่อถึงตอนนั้น หากจะย้อนนึกถึงความทรงจำในช่วงนี้อีก ก็คงไม่มีอารมณ์ที่เหมือนเดิมแล้ว

เบียร์หนึ่งลังมีสิบสองขวด ทั้งสี่คนของห้องหลายเลข 405 ดื่มไปทั้งหมดสี่ลัง ดื่มตั้งแต่เวลาห้าโมงจนถึงสองทุ่ม โจวรุ่ยกับว่านหงจื้อต่างก็ไปอาเจียนในห้องน้ำถึงสองรอบ

เมื่อดื่มไม่ไหวแล้วจริงๆ โจวรุ่ยจึงไปจ่ายเงิน จากนั้นประคองเกาเฮ่อออกมาจากโรงเหล้าเก่า

ลู่เฉินกับว่านหงจื้อพยายามฝืนตัวเอง แต่ก็เดินไม่ค่อยเป็นเส้นตรงเท่าไร

ดังนั้นจึงประคองซึ่งกันและกัน แล้วทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปในจัตุรัสพลเมือง

ถึงแม้จะไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ แต่จัตุรัสพลเมืองก็ยังคึกคักมากเหมือนเดิม บรรดาคุณปู่คุณย่าและผู้สูงอายุต่างเต้นรำกันอยู่ในลานเต้นรำ ส่วนพวกเด็กๆ ที่อยู่ทางนี้ก็เล่นโรลเลอร์สเก็ตอย่างสนุกสนาน คู่รักแต่ละคู่เดินเล่นกันไปมา

ลมในคืนฤดูร้อน ใครกันกำลังร้องเพลงรักที่น่าเศร้า

คนที่เดินสัญจรไปมาจับกลุ่มเดินกันสองคนสามคนมาล้อมดูนักร้องพเนจร ฟังเขาดีดกีตาร์และร้องเพลงเก่าเพลงหนึ่ง

“แม่ง!”

เกาเฮ่อด่าอย่างเต็มที่ “ร้องได้แย่มาก ร้องสู้น้องสามยังไม่ได้เลย น้องสามนายไปแข่งกับเขาหน่อยสิ!”

เกาเฮ่อคอแข็งมากที่สุด เบียร์สี่ลังเขาดื่มหมดไปเกือบครึ่ง แต่ก็ยังไม่เมา

โจวรุ่ยพูดโวยวาย “ร้อง ต้องร้องให้ได้! ร้องอีกเอาไปสองขวด!”

ลู่เฉินก็มึนพอสมควร พูดว่า “ร้องก็ร้อง!”

เขาสะบัดว่านหงจื้อ เดินเข้าไปข้างหน้า แล้วถามนักร้องพเนจรคนนั้น “นี่ ขอยืมกีตาร์กับที่คุณหน่อยได้ไหมครับ ผมจะร้องเพลงให้เพื่อนผมฟัง!”

นักร้องพเนจรคนนั้นยื่นกีตาร์ให้ลู่เฉินอย่างเต็มใจ

“ไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณมาก!”

ลู่เฉินรับกีตาร์มา ใช้นิ้วมือดีดสายเพื่อลองเสียงอย่างคล่องแคล่ว

กีตาร์ของคนคนนี้เป็นกีตาร์ธรรมดามาก ระดับเสียงโดยส่วนใหญ่แล้วก็เที่ยงตรง ต่อกับลำโพงภายนอกที่เป็นแบบเคลื่อนย้ายได้ พร้อมกับไมโครโฟนที่ให้เสียงโดยอัตโนมัติ

เป็นอุปกรณ์การร้องและเล่นเพลงบนถนนที่มีมาตรฐานมาก

…………………………………………………………………………