ภาคที่ 2 การแข่งขันแพทย์แผนจีน บทที่ 30 มีของดีแต่ไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพ X

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 30 มีของดีแต่ไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพ X

“เช้ง!”

ตุบ!

เจ้าเวหายกดาบในมือขึ้นฟันแต่ก็ถูกกำปั้นของซูเย่ปัดป้องได้ทันเวลา

“หืม?”

ซูเย่ถึงกับชะงักเล็กน้อย

ดาบไม่กระเด็นกลับไป?

ดูเหมือนอุปกรณ์ทองคำเหล่านี้น่าจะมีความแข็งแกร่งพอสมควร

เจ้าเวหาเบิกตาโตด้วยความตื่นตระหนกที่กระบวนท่าแรกของตนเองถูกปัดป้องเอาไว้ได้

แต่ไม่เป็นไร นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น!

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องเป็นผู้ชนะให้ได้!

กลุ่มคนดูโดยรอบอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

สมแล้วที่เป็นท่านเทพ X

ฝีมือช่างร้ายกาจ!

“ผลั่ก!”

ในระหว่างที่เจ้าเวหาเตรียมตัวจะโจมตีต่อเนื่อง

ซูเย่กลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและกระแทกหมัดใส่หน้าอกของเจ้าเวหา

ตัวคนลอยกระเด็นออกไปไกลก่อนจะตกกระแทกพื้นดินอย่างรุนแรง แล้วร่างของเจ้าเวหาก็ค่อยๆ เลือนรางหายไปในอากาศ

นิ่งเงียบ…

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา…

ทุกคนได้แต่ยืนมองชายหนุ่มในชุดเกราะทองคำเลือนรางหายไปอย่างทำอะไรไม่ถูก

เจ้าเวหาเป็นถึงผู้เล่นอันดับสามในเกมนี้เชียวนะ!

ในมือของเขาคืออาวุธวิเศษ!

บนตัวของเขาคือชุดเกราะวิเศษ!

การต่อสู้ของเขามาจากคัมภีร์ฝึกยุทธ์ระดับสูง!

นับดูมูลค่าของวิเศษบนตัวเจ้าเวหาย่อมต้องมีหลายล้านหยวน!

แต่กลับมาถูกต่อยตายง่ายๆ อย่างนี้เนี่ยนะ?

กลุ่มคนดูถึงกับตกตะลึง

บางคนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ

ระหว่างที่เดินทางมาเพื่อดูการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่มีใครคิดเลยว่าผลการต่อสู้จะลงเอยเช่นนี้

พวกเขาคิดว่าตนเองจะได้ดูการต่อสู้ที่ดุเดือด

พวกเขาคิดว่าตนเองจะได้ดูการต่อสู้ที่สูสี

พวกเขาคิดว่าตนเองจะได้ดูการต่อสู้ที่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คิด

เนิ่นนานหลังจากนั้น

เมื่อท่านเทพ X ขี่ตัวเฉิงหวงจากไป ทุกคนถึงกลับมาได้สติกันอีกครั้ง

“เชี่ย!”

“ท่านเทพ X นี่เทพสมชื่อจริงๆ ว่ะ!”

“ฉันคิดว่าเจ้าเวหามีของดีอยู่กับตัวมากถึงขนาดนี้ น่าจะขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างสูสีแล้วแท้ๆ แต่ที่ไหนได้ ถึงมีของดีมากแค่ไหน แต่มันก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดีเมื่อมาเจอกับเทพ X !”

“ขนาดเจ้าเวหาใส่ชุดเกราะวิเศษยังถูกเทพ X ต่อยตายในหมัดเดียว แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเราจะไปเหลืออะไรอ่ะ ทีนี้ยังจะมีใครอยากมีปัญหากับเทพ X อีกบ้างไหม?”

ทุกคนจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

“อ่อนหัดกันจริงๆ”

ซูเย่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายขณะขี่อยู่บนหลังตัวเฉิงหวง

อุตส่าห์ไม่ได้เข้ามาเล่นตั้งนาน นึกว่าจะมีอะไรน่าสนุกขึ้นบ้าง สุดท้ายก็น่าเบื่อเหมือนเดิม

ชายหนุ่มออกจากระบบโดยไม่ลังเล

เขาเก็บหมวก VR และนั่งโคจรพลังต่อไป

ในเว็บบอร์ดประจำเกม Fantasy Dream

ไม่กี่นาทีหลังจากที่ซูเย่ออกจากระบบ คลิปวิดีโอการต่อสู้ก็ได้ถูกโพสต์ลงในเว็บบอร์ด

ผู้ใช้งานทั้งเว็บบอร์ดล้วนตื่นตระหนก

เมื่อเห็นคลิปวิดีโอนั้น ผู้เล่นจำนวนมากที่ไม่ได้ไปรับชมการต่อสู้ด้วยตนเอง ก็ถึงกับตกตะลึงและมีความสุขในเวลาเดียวกัน

“ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เจ้าเวหาก็สู้เทพ X ไม่ได้เหมือนเดิม…”

“ถ้าฉันเป็นเจ้าเวหา ฉันคงอายมากเลยว่ะ!”

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เจ้าเวหาคงไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก น่าตลกจังนะ เขาคือตัวแทนของคนที่เก่งได้เพราะมีเงินซื้ออุปกรณ์เสริม สุดท้ายฝีมือก็ยังห่วยแตกเหมือนเดิม”

“ว่าแต่เขายังจะกลับมาสู้หน้าใครได้อีกไหมเนี่ย?”

“เก่งได้เพราะอุปกรณ์เสริมว่ะ 555”

“อย่าเอาความจริงมาล้อเล่นกันสิเฮ้ย!”

หลังจากที่พ่ายแพ้ให้แก่เทพ X เจ้าเวหาก็รู้สึกอับอายมากจริงๆ

เขาไม่รู้เลยว่าตนเองแพ้ได้อย่างไร

เขาทุ่มเงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้ตนเองได้มายืนอยู่ในระดับเดียวกับเทพ X และเจ้าเวรกรรม เพื่อพยายามกู้หน้าจากความพ่ายแพ้ในอดีต

แต่ปรากฏว่า…เขาก็ยังต้องแพ้เหมือนเดิม

น่าเจ็บใจชะมัด

“เจ้าพวกนี้ไม่คิดจะไว้หน้ากันบ้างเลยหรือไง!”

เมื่อเห็นคอมเมนต์ล้อเลียนตนเองในเว็บบอร์ด เจ้าเวหาก็แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

ในเวลาเดียวกันนี้

สุดท้าย บรรดาผู้เล่นที่บ่นเรื่องอาวุธวิเศษราคาแพง ก็ได้พบคำปลอบใจสำหรับตนเอง

“ดูเหมือนถึงจะพกของวิเศษเต็มตัว ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีสินะ! ตอนนี้เจ้าเวหาคงรู้แล้วว่าไม่ควรไปหาเรื่องกับเทพ X เด็ดขาด พวกเราเก็บเงินที่จะเอาไปซื้ออาวุธทองคำพวกนั้นไปทำอย่างอื่นดีกว่า! อย่างน้อยเอาไปซื้อสกินสวยๆ ยังมีประโยชน์กว่าเลย!”

“พวกอุปกรณ์ที่ต้องซื้อด้วยเหรียญทองคริปตันไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหน ก็แค่พกติดตัวไว้แล้วดูดีมากกว่าคนทั่วไปเล็กน้อยเท่านั้นแหละ”

“นั่นสิ ขนาดเทพ X ยังไม่ใช้ของพวกนั้นเลย ฉันดีใจชะมัดที่ไม่ได้หลงซื้อไปด้วย!”

“ที่นายไม่ซื้อเพราะนายไม่มีเงินต่างหาก!”

“ตอนนี้เกมเรามีแผนที่แค่ระดับ 40 ผู้เล่นกว่าครึ่งหนึ่งยังเล่นไปไม่ถึงไหน ในเกมมีไอเท็มมากมายที่ไม่มีขายในโหมดร้านค้า อย่างพวกสัตว์พาหนะ หยกปราณธรรมชาติ สมุนไพรระดับสูง อะไรพวกนั้นไง ถ้านายอยากสร้างชื่อให้เกมนี้ด้วยฝีมือของตัวเองล้วนๆ นายยังจะต้องกลัวอะไรอีก นอกจากตามหาไอเท็มพวกนั้นมาใช้งานได้แล้ว ยังเอาไปขายแลกเป็นเงินสดได้ด้วยนะ!”

“เกมนี้มีคนเล่นตั้งเยอะตั้งแยะ ใครทำอาชีพเก็บไอเท็มขายนี่บอกได้เลยว่ารวยเละ”

“โชคร้ายจังที่หนึ่งคนจะเปิดได้แค่หนึ่งไอดีเท่านั้น ไม่งั้นฉันจะเปิดหลายๆ ไอดีเอาไว้เก็บไอเท็มขายโดยเฉพาะเลย!”

คืนวันที่ห้า

วันอาทิตย์แรกของเทศกาลตรุษจีน

รายการค้นหาสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ตอนที่สองกำลังจะออกอากาศในไม่ช้า

ด้วยความร้อนแรงของเอพิโสดแรก หลายคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเห็นฝีมือของซูเย่ในเอพิโสดที่สอง

โดยเฉพาะบรรดาผู้คนที่เคยรับชมตัวอย่างตอนต่อไป พวกเขาต่างก็มานั่งเฝ้าอยู่หน้าจอด้วยความตื่นเต้น

คุณพ่อคุณแม่ของซูเย่ก็ไม่พลาดโอกาสนี้เช่นกัน พวกท่านมานั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นเรียบร้อยแล้ว

หลี่เคอหมิงนั่งดูอยู่ที่บ้าน…

ฮั่วเหรินเชิงชงน้ำชาถ้วยใหม่และเดินไปเปิดโทรทัศน์

ในเวลาเดียวกันนี้

สองสาวฝาแฝดไป๋จือ เฉินเซียนเยว่ จางกงหมิง ซุนฉือ และจินฟานรวมไปถึงคนอื่นๆ ต่างก็รอรับชมรายการด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน

ไม่เว้นแม้แต่หลี่มู่เสวี่ย

เมืองตี้ตู

ผู้กำกับจ้าวเหมียนเพิ่งจะประชุมเสร็จและพาทีมงานทุกคนมานั่งอยู่ในสตูดิโอเพื่อรับชมรายการแบบเรียลไทม์

“ตอนเปิดรายการเรตติ้งอยู่ที่เท่าไหร่?”

จ้าวเหมียนถามทันทีเมื่อบนหน้าจอแสดงฉากเปิดรายการตอนที่สอง…

“อยู่ที่ 0.8 ครับ!”

เสียงทีมงานตอบกลับมา “เทียบกับตอนเปิดรายการของอีพีที่แล้ว เรตติ้งสูงกว่าเดิมถึงสองเท่า”

“มันต้องอย่างนี้!”

จ้าวเหมียนยิ้มอย่างมีความสุข

รายการตอนที่หนึ่งจบลงด้วยเรตติ้ง 1.03 เปอร์เซ็นต์

ส่วนตอนที่สองเปิดรายการมาก็มีเรตติ้งดีกว่าตอนเปิดรายการครั้งที่แล้วถึงสองเท่า นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก!

จ้าวเหมียนสูดหายใจลึกและพูดว่า “ถ้าคืนนี้ได้เรตติ้งทะลุหนึ่งอีกครั้ง รายการของเราไปได้สวยแน่”

“จากความเข้มข้นของรายการตอนที่แล้ว มาถึงเรตติ้งเปิดรายการของตอนนี้ ผมว่าเราได้หนึ่งไม่ยากหรอก”

ชายอ้วนเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง “แต่เป้าหมายของคุณคงไม่ได้หวังแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เฉยๆ หรอกมั้ง?”

“ถ้าได้ 1.2 ก็คงดี”

ขณะนี้

บนหน้าจอโทรทัศน์กำลังฉายภาพของผู้เข้าแข่งขันทุกคนเดินออกจากโรงแรมเพื่อขึ้นรถบัสในตอนเช้า

เมื่อเห็นกลุ่มผู้เข้าแข่งขันถูกทีมงานหลอกให้มายังเรือนกระจกเพาะปลูกสมุนไพร ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตร บรรดาคนดูก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ

และเมื่อถึงตอนที่พิธีกรประกาศกฎกติกาการแข่งขันในรอบที่สอง

คนดูก็ถึงกับตกตะลึง

นอกจากตะลึงไปกับกติกาที่เข้มงวดเหล่านั้นแล้ว คนดูยังจำได้ว่าฉากการปะทะกันระหว่างหวังจี้เชากับซูเย่ในตัวอย่างรายการเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็น่าจะมาจากช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างนี้นั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม

ขณะที่ทุกคนเฝ้ารอฉากการปะทะกัน

หญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจอ

“อาจารย์อา?”

“เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ?”

“เด็กคนนี้ว่าไงนะ เธอบอกว่าเป็นเหลนของปรมาจารย์ฮั่วเหรินเชิงงั้นเหรอ?”

“โรคที่แม้แต่ฮั่วเหรินเชิงก็ยังรักษาไม่ได้ แต่ซูเย่กลับสามารถรักษาได้เนี่ยนะ? มันจะเป็นไปได้ยังไง?”

ในเว็บสตรีมมิ่ง บรรดาคนดูถึงกับต้องคอมเมนต์กันอย่างถล่มทลาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่พอจะรู้เรื่องราวในวงการแพทย์แผนจีนมาบ้าง ย่อมทราบดีว่าชื่อของปรมาจารย์ฮั่วมีอิทธิพลขนาดไหน

ส่วนคนที่ไม่รู้จัก ก็รีบนำชื่อของชายชราไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต

เมื่อได้รับทราบแล้วว่าฮั่วเหรินเชิงเป็นใครมาจากไหนและมีสถานะใด

เกือบทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดผ่านอินเทอร์เน็ตต่างก็ตกตะลึงสุดขีด

“เป็นไปได้ยังไง? ขนาดสุดยอดแพทย์แผนจีนชื่อดังยังรักษาไม่ได้? แต่ซูเย่กลับสามารถทำได้สำเร็จเนี่ยนะ?”

“เฮ้ย ที่แท้ก็เป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนที่บอกว่าอยากจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์นี่เอง นึกว่าใครที่ไหนซะอีก!”

“แล้วตอนนี้ยังไม่เป็นลูกศิษย์อีกเหรอ? เด็กคนนี้เรียกเขาว่าอาจารย์อา ถ้าไม่ได้เป็นลูกศิษย์ปู่ทวดของเธอแล้วจะเรียกอย่างนี้ได้ไง?”

“อาจารย์อาอายุ 23 เนี่ยนะ ฉันล่ะอยากจะหัวเราะให้ฟันหลุด ฮ่าๆๆ ซูเย่ นายนี่มันน่าอิจฉาเหลือเกิน”

ผู้คนจำนวนมากตกตะลึงในข้อมูลส่วนนี้

และในเวลาเดียวกันนั้น

ก็เริ่มมีหลายคนตั้งคำถามขึ้นมาว่า

“ซูเย่เป็นแค่นักศึกษาจริงๆ เหรอ? ถ้าเขาสามารถรักษาโรคร้ายที่แม้แต่ปรมาจารย์ฮั่วยังทำไม่สำเร็จได้จริงๆ ป่านนี้คงได้ใบประกอบโรคศิลป์ไปนานแล้ว ทำไมถึงยังไม่เป็นหมอไปรักษาคนไข้คนอื่นๆ อีก?”

“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว พวกนายรู้หรือเปล่าว่าซูเย่มีบัตรสมาชิกของสมาคมแพทย์แผนจีนแล้วนะ!”

“การมีบัตรสมาชิกของสมาคมก็เทียบเท่ากับมีสถานะเป็นแพทย์แผนจีนคนหนึ่ง ถ้าเขาจะรักษาคนก็ทำได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว อย่าได้ปากเก่งกันให้มากนักเลย”

เมื่อมีคนตั้งคำถาม ก็ต้องมีคนออกหน้าโต้แย้งแทนซูเย่

หลังจากนั้น การตรวจสอบข้อมูลจึงเกิดขึ้น

ปรากฏว่าซูเย่มีสถานะเป็นสมาชิกของสมาคมแพทย์แผนจีนจริงๆ

นั่นทำให้เกิดอีกหนึ่งคำถามตามมา

ซูเย่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนได้แค่หกเดือน ก็สอบได้บัตรสมาชิกแล้วหรือ?

นี่มัน…เก่งเกินมนุษย์มากไปแล้ว!

แต่ยิ่งรายการดำเนินต่อไป ทุกคนก็ต้องเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อมากกว่าเดิม

คนดูยังไม่ทันหายตกตะลึงด้วยข้อมูลของฮั่วเสี่ยวเหอ

พวกเขาก็ต้องตกตะลึงด้วยการกระทำของซูเย่อีกครั้ง

ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าชายหนุ่มจะลุกขึ้นยืนเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ โดยการสารภาพว่าเขาเคยมาที่เรือนกระจกแห่งนี้มาแล้ว และอยากจะให้ทีมงานเปลี่ยนการแข่งขันไปเป็นรูปแบบอื่น

ฉากนี้

ทำให้คนดูอดสรรเสริญในความซื่อสัตย์ของซูเย่ไม่ได้

“คนอะไรจะจริงใจขนาดนี้!”

“ถ้าฉันเป็นซูเย่นะ ฉันไม่บอกความจริงเด็ดขาดอะ ทำไมเราจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้คู่แข่งตัวเองด้วย!”

“ความจริงเขาไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ทีมงานตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว ถึงเขาจะมาเคยมาที่นี่ก่อนคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีความรู้มากกว่าคนอื่นไม่ใช่หรือไง?”

นี่คือสิ่งที่หลายคนสงสัย

การกระทำของซูเย่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้จำนวนมาก

แม้แต่หลายคนที่เคยมีอคติต่อเขาก่อนหน้านี้ ก็เริ่มคิดเปลี่ยนใจมาเป็นแฟนคลับของเขาแล้ว

และไม่กี่วินาทีต่อมา

หวังจี้เชาก็ลุกขึ้นยืนและตั้งคำถามกับการตัดสินใจของทีมงาน

เมื่อเห็นพฤติกรรมของหวังจี้เชา กลุ่มคนดูก็ได้แต่ถอนหายใจ

“เฮ้อ หมอนี่ใจแคบเป็นบ้า”

แต่ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะสิ่งที่หวังจี้เชาตั้งคำถามนั้น ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว

และเมื่อซูเย่เสนอการแข่งขันรูปแบบใหม่สำหรับตัวเองขึ้นมาโดยเฉพาะ

คนดูก็ต้องนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง

วาดภาพ?

นี่คือข้อเสนอที่ยุติธรรมตรงไหนกัน?

กลุ่มคนดูยังไม่มีเวลาได้คิดอะไรมาก ภาพบนหน้าจอก็กำลังแสดงให้เห็นถึงการวาดภาพของซูเย่ที่รวดเร็วเสียจนสามารถวาดได้ครบ 500 รูปในเวลาเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ บรรดาคนดูก็ถึงกับตกตะลึงสุดขีด

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าคนเราจะเหนื่อยล้าขนาดไหนกับการวาดภาพต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักถึงสามชั่วโมง และซูเย่ยังวาดออกมาได้หนึ่งรูปทุกๆ สองถึงสามนาที ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาจะทำได้เด็ดขาด!

เว้นแต่จะเป็นนักวาดภาพที่มีประสบการณ์โชกโชนนั่นแหละ

ซูเย่สามารถทำได้อย่างไร?

เป็นไปได้หรือที่นอกจากเขาจะเก่งเรื่องบทกวีจีนโบราณ เก่งเรื่องสมุนไพรจีน เก่งด้านการเล่นพิณผีผา เขาก็ยังเก่งด้านการวาดภาพอีกด้วย?

มิหนำซ้ำ ยังเป็นการวาดภาพระดับสูง?

มันจะเป็นไปได้อย่างไร?!!

นี่มันบ้าไปแล้ว!!