เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1001 ยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล

แปลโดย iPAT

 

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะหรือมนุษย์ ทุกคนต่างพุ่งความสนใจไปยังสถานที่เดียวกัน

 

นั่นก็คือภูเขาอี้เทียน

 

ภายใต้การเพิ่มเชื้อไฟของผู้อมตะ ผู้ใช้วิญาณทั้งฝ่ายธรรมะและปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนเดินทางมารวมตัวกันที่นี่

 

การต่อสู้รอบที่เจ็ดปรากฏผลลัพธ์เรียบร้อยแล้ว

 

ฝ่ายปีศาจวางแผนตัดขาดเส้นทางขนส่งอาหารของฝ่ายธรรมะ

 

ในช่วงเวลาวิกฤต ผู้นำตระกูลเฉิง เฉิงเยี่ยนเฟย มาถึงพร้อมกับกองกำลังของเขาและใช้วิญญาณกล่องอาหารหล่อเลี้ยงกองกำลังฝ่ายธรรมะ นี่ทำให้แผนการของฝ่ายปีศาจถูกทำลาย

 

หลังจากนั้นกองกำลังขนาดใหญ่ของภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอี้ ตระกูลลั่ว ตระกูลเหยา และตระกูลเซี่ยก็มาถึงในที่สุด

 

ในสนามรบ ผู้ใช้วิญญาณระดับสามเป็นแนวหน้าที่ใช้แล้วทิ้ง ผู้ใช้วิญญาณระดับสี่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ขณะที่ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเป็นกำลังสำคัญของแต่ละฝ่าย

 

…..

 

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตและความตาย

 

อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจจิตวิญญาณสูญสลายไปอย่างสมบูรณ์

 

รังไหมแสงสีรุ้งค่อยๆแตกออก

 

เมื่อเวลาผ่านไปรอยแตกของมันก็ขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ใบหน้าของผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อทั้งเหนื่อยล้าและซีดขาวแต่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความสุข

 

ขณะที่เขาเฝ้ามองด้วยความคาดหวัง รังไหมแสงก็แตกออก เด็กหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า

 

เขาลอยอยู่กลางอากาศด้วยดวงตาที่ปิดสนิท

 

ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อเดินไปข้างหน้าและใช้มือสัมผัสร่างกายของเด็กหนุ่มผู้นี้

 

เขาแทบไม่สามารถระงับความรู้สึกตื่นเต้นภายในจิตใจ

 

เขาพึมพำ “สำเร็จ! ข้าทำสำเร็จ! ข้าจำลองวิธีการของมนุษย์คนแรกและใช้อาณาจักรแห่งความฝันเพื่อสร้างร่างสุดยอดกายาที่สมบูรณ์แบบ!”

 

“นี่คือช่วงเวลาที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ฮ่าฮ่าฮ่า”

 

ชายชราม่านเยี่ยนซื่อหัวเราะเสียงดัง “เจ้าเกิดมาจากอาณาจักรแห่งความฝันและความว่างเปล่า เช่นนั้นข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่า กายาแห่งความฝัน!”

 

หลังกล่าวจบคำ ม่านเยี่ยนซื่อจึงส่งดวงวิญญาณดวงหนึ่งออกไป

 

ดวงวิญญาณสีดำพุ่งเข้าผสานกับกายาแห่งความฝัน

 

ม่านเยี่ยนซื่อรออยู่ชั่วครู่แต่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทำให้คิ้วของเขาเริ่มขมวดแน่น

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดเขาไม่ตื่น? มันไม่ควรเป็นเช่นนี้?”

 

เขาตรวจสอบก่อนจะถอนหายใจ “ดูเหมือนกายาแห่งความฝันยังมีข้อบกพร่อง ร่างนี้เต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความฝัน ดวงวิญญาณที่เข้าไปจะถูกบังคับให้หลับไหล”

 

“ข้าควรทำเช่นไร?” ม่านเยี่ยนซื่อเดินไปรอบๆด้วยความกังวล “อายุขัยของกายาแห่งความฝันเริ่มลดลงแล้ว เรามีเวลาจำกัด ข้าไม่มีเวลาตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วข้าควรทำอย่างไร?”

 

แต่หลังจากนั้นไม่นานกายาแห่งความฝันกลับค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด

 

เขามองม่านเยี่ยนซื่อและกวาดตามองไปรอบๆด้วยความไร้เดียงสา

 

ม่านเยี่ยนซื่อรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาพยายามทุกวิถีทาง สุดท้ายก็สามารถปลุกดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างกายาแห่งความฝันให้ตื่นขึ้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมด

 

‘แต่มันไม่สำคัญ เมื่อกายาแห่งความฝันบรรลุระดับเก้า เขาจะเป็นไพ่ตายของพวกเรา ตราบเท่าที่แผนการของพวกเราประสบความสำเร็จ แม้กายาแห่งความฝันจะมีข้อบกพร่องบ้างแล้วจะเป็นอย่างไร?’

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ม่านเยี่ยนซื่อจึงเผยรอยยิ้มมีความสุข “ดี ดี ดี กายาแห่งความฝันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันของข้า วิญญาณอมตะของโป้ชิงถูกขโมย ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาลดลง หลังจากนี้เจ้าจะมาแทนที่เขาและกลายเป็นเสาหลักของพวกเรา”

 

“ท่านคือผู้ใดและข้าคือผู้ใด?” อิงอู๋เซี่ยถามด้วยความสงสัย

 

“ข้าก็คือเจ้าและเจ้าก็คือข้า ข้าชื่อม่านเยี่ยนซื่อ ส่วนเจ้า…ข้าจะเรียกเจ้าว่า อิงอู๋เซี่ย” ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อหัวเราะเบาๆ

 

เขาโบกมือและส่งข้อมูลจำนวนมากเข้าสู่จิตใจของอิงอู๋เซี่ย

 

ม่านเยี่ยนซื่อกล่าวต่อ “จำไว้ เจ้ามีอายุขัยเพียงสิบแปดชั่วโมง ทุกสองชั่วโมงการบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ เวลามีจำกัด ข้าสามารถส่งมอบท่าไม้ตายให้เจ้าเท่านั้น แม้มันจะไม่มีพลังทำลายล้าง แต่มันก็เป็นการโจมตีบนเส้นทางแห่งความฝันบนจุดสูงสุดของห้าภูมิภาคในยุคนี้ กระทั่งวังสวรรค์ก็ยังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เรียนรู้มันอย่างถี่ถ้วน เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะมอบชุดวิญญาณที่เหมาะสมให้กับเจ้า”

 

…..

 

ภาคใต้ ภูเขาอี้เทียน

 

ร่างกายของฟางหยวนที่กำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงสั่นสะท้านขณะที่เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างกะทันหัน

 

ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความสุขเล็กน้อยก่อนจะกลับไปไร้อารมณ์เช่นเดิม

 

รอบๆตัวเขามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากนอนอยู่ บางคนกำลังพูดคุย บางคนกำลังรักษา บางคนกำลังเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ

 

อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

 

หลังการต่อสู้ครั้งที่เจ็ดกับฝ่ายธรรมะ หอผู้ป่วยของหมู่บ้านอี้เทียนเต็มไปด้วยผู้ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังพักฟื้นและกู้คืนพลังการต่อสู้

 

บางคนหายป่วยไปแล้วแต่บางคนเสียชีวิตลงที่นี่

 

มนุษย์มีความสุขกับการมีชีวิตและเกลียดชังความตาย ดังนั้นหอผู้ป่วยจึงเป็นสถานที่ที่พวกเขาไม่ต้องการมาเยือน

 

แต่ฟางหยวนไม่ได้รังเกียจมัน

 

เขาแสร้งได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยสามารถหลอกผู้อมตะระดับแปดโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์บนภูเขาอี้เทียน

 

ฟางหยวนพบว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับการปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

 

มีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้นที่เขาสามารถพักผ่อนได้อย่างสงบสุขและปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้อย่างไม่หยุดยั้ง

 

ในที่สุดกลยุทธ์ของฟางหยวนก็เริ่มแสดงผลลัพธ์

 

‘หลังจากใช้เวลานานในที่สุดข้าก็มาถึงขั้นตอนนี้ ข้าสามารถกำจัดผู้อมตะคนอื่นๆและยึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!’

 

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและลงมือทำทันที

 

ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เจตจำนงของฟางหยวนราวกับพายุใหญ่ที่กลืนกินเจตจำนงของคนอื่นๆเข้าไป

 

เจตจำนงของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ไม่ได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าและไม่สามารถตอบสนองก่อนที่ฟางหยวนจะกวาดล้างพวกมันออกไปจนหมดสิ้น

 

ความปั่นป่วนปะทุขึ้นทันที

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ทั้งโกรธและตกใจ บางคนกรีดร้องขณะที่บางคนตกตะลึงและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

 

พวกเขาสื่อสารกันและตระหนักว่าบางคนที่ไม่ได้เข้าร่วมในการแข่งขันอย่างเป็นทางการลอบฉกชิงคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลไปจากพวกเขา

 

เมื่อการทำงานหนักของพวกเขากลายเป็นไร้ประโยชน์ มันจึงช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะโกรธ

 

“ผู้ใดที่กล้าล้อเล่นกับพวกเรา!?”

 

“ตามหาและฆ่าเขา!”

 

“ไม่เพียงข้าจะฆ่าเขาแต่ข้าจะถลกผิวหนังฉีกเส้นเอ็นและดึงดวงวิญญาณของเขาออกมาทรมานไปอีกพันปี!”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งเข้าปิดล้อมภูเขาอี้เทียนเอาไว้ทุกด้าน

 

พวกเขาไม่ปกปิดกลิ่นอายของผู้อมตะอีกต่อไป

 

นั่นทำให้ผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ทั้งฝ่ายธรรมะและปีศาจตกใจมาก

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

“ผู้อมตะ พวกเขาคือผู้อมตะงั้นหรือ?”

 

“กลิ่นอายเช่นนี้ พวกเขาต้องเป็นผู้อมตะในตำนานอย่างแน่นอน ผู้ใดจะคิดว่าในชีวิตนี้ข้าจะมีโอกาสได้พบเห็นผู้อมตะ!”

 

“มีผู้อมตะจำนวนมาก นี่เป็นอุบายของฝ่ายธรรมะ(ปีศาจ)หรือไม่?”

 

ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในความโกลาหล

 

‘ไร้ประโยชน์ ที่นี่คือเขตต้องห้ามของผู้อมตะ พวกเจ้าไม่มีวิธีปิดผนึกมิติช่องว่าง แล้วพวกเจ้าจะเข้ามาได้อย่างไร?’ ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายใน

 

แต่ภายนอกเขาแสดงออกด้วยความตกใจไม่ต่างจากคนอื่นๆ

 

นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญแน่นอนว่าฟางหยวนจะไม่ประมาท

 

เขตต้องห้ามป้องกันไม่ให้ผู้อมตะเข้ามา แต่มันส่งผลกระทบต่อมิติช่องว่างเท่านั้นไม่ใช่กับวิญญาณอมตะ นั่นหมายความว่าผู้อมตะสามารถโจมตีภูเขาอี้เทียนได้จากระยะไกล

 

“เจ้าเป็นผู้ใด? ออกมา!”

 

“เจ้ากล้าขโมยสมบัติของพวกเราแต่กลับไม่กล้ายอมรับงั้นหรือ?”

 

กลุ่มผู้อมตะกรีดร้องด้วยความกังวล เสียงของพวกเขาราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นหวั่นไหว

 

กระทั่งภูเขาอี้เทียนยังเกิดการสั่นสะเทือนภายใต้คลื่นเสียงเหล่านี้ ใบหน้าของผู้ใช้วิญญาณรวมถึงผู้ใช้วิญญาณระดับห้าทุกคนกลายเป็นซีดเผือด

 

แต่ฟางหยวนยังปกปิดตัวตนและไม่เปิดเผยร่องรอยใดๆ

 

หลังจากกำจัดเจตจำนงของผู้อมตะภาคใต้ เขาก็เริ่มเข้ายึดครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล

 

อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร

 

แต่ฟางหยวนไม่กังวลว่าผู้อมตะภาคใต้จะโจมตีภูเขาอี้เทียนโดยปราศจากการแจ้งเตือน

 

สำหรับผู้อมตะฝ่ายธรรมะ พวกเขาต้องปกป้องชื่อเสียงของตนและไม่สามารถสังหารหมู่ผู้ใช้วิญญาณบนภูเขาอี้เทียน ด้านปีศาจอมตะ พวกเขาทิ้งวิญญาณอมตะบางดวงไว้กับตัวหมากเบี้ยบนภูเขาอี้เทียน วิญญาณอมตะเหล่านั้นบอบบางไม่ต่างจากวิญญาณกาลเวลาของฟางหยวน หากพวกเขาโจมตีอย่างไม่ระมัดระวัง วิญญาณอมะตเหล่านั้นอาจถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย

 

ในส่วนของผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นผู้อมตะเฒ่าม่านอวี๋เซี่ย ศิษย์ของเขาอยู่บนภูเขาอี้เทียน แล้วเขาจะโจมตีได้อย่างไร

 

วิญญาณจำนวนมากของคฤหาสน์วิญญาณอมตะถูกยึดครองโดยฟางหยวน สุดท้ายรูปลักษณ์ที่แท้จริงของสนามรบแห่งความโกลาหลก็ถูกเปิดเผยต่อเขา

 

‘ดังนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ก็เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มันใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาปิดผนึกการโจมตีของศัตรูก่อนจะสะท้อนพวกมันกลับไป! ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ช่างเป็นความคิดที่น่ายกย่องนัก!’ ฟางหยวนชื่นชม