“ปรมาจารย์? แค่นั้นยังไม่พอ! ”
เย่เทียนไม่ได้ไว้หน้าเหยาเยู่แม้แต่นิดเดียว
ไหม!!!
ผู้คนรอบด้านต่างตกตะลึงในขณะนี้รอบๆที่พักของตระกูลซุนมีคนมามุงดูอยู่ไม่น้อยพวกเขาประหลาดใจที่เย่เทียนมีความกล้ามากมายขนาดนั้นเพราะคนผู้นั้นคือปรมาจารย์!ไม่ว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางที่จะสามารถต่อกรกับปรมาจารย์ได้
“ปรมาจารย์เหยาเย่ โปรดช่วยตระกูลซุนของเราด้วย!”
นักรบผู้เชี่ยวชาญสองคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ของตระกูลซุนเดินไปหาเหยาเย่และคุกเข่าอ้อนวอน
“ได้โปรดท่านปรมาจารย์เหยาเย่ ให้ความเป็นธรรมกับตระกูลซุนของเราด้วย! ”
คนของตระกูลซุนจํานวนมากคุกเข่าลงกับพื้นและและขอร้องอ้อนวอนเหยาเย่
“ไม่เป็นไร ข้ามาด้วยเหตุนี้!” เหยาเยี่ยกล่าวเสียงเรียบ
ในความเป็นจริงเขาไม่สนใจเกี่ยวกับชีวิตหรือความตายของตระกูลซุนเลย แต่ด้วยตระกูลซุนเป็นตระกูลใหญ่ของฐานเขียวเหล็กหากตระกูลใหญ่ของฐานเขี้ยวที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นานนั้นถูกผู้ฝึกยุทธจากฐานหลินไห่ทําลายมันจะส่งผลกระทบต่อชุมอํานาจอื่นๆ ที่มาจากฐานเขียว เหล็กอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ หากหนึ่งในสองปรมาจารย์ของฐานเขียวเหล็กไม่เริ่มเคลื่อนไหวจะกลายเป็นว่าฐานเขี้ยวเหล็กนั้นเกรงกลัวฐานหลินไห่
หากเป็นเช่นนั้นกลุ่มอํานาจของฐานเขี้ยวเหล็กจะควบคุมฐานหลินไม่ได้อย่างไร?
ดังนั้นเพื่อความน่าเกรงขามของนักรบจากฐานเขียวเหล็กเขาต้องปราบปรามเหล่านักรบของฝ่ายฐานหลินไห่และไม่สามารถปล่อยให้เย่เทียนท่าลายตระกูลซุนอย่างแน่นอน
นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงรีบมาเมื่อรู้ว่าเกิดปัญหาที่ตระกูลซุน
“หนุ่มน้อย ข้าจะให้ทางเลือกแก่เจ้า ขอโทษตระกูลซุนซะ แล้วข้าจะไม่เอาเรื่องที่เจ้าล่วงเกิน
ข้า!”
เหยาเย่กล่าวออกมาหยิ่งยโสราวกับว่าเขานั้นเป็นชนชั้นสูง
อันที่จริงในฐานะปรมาจารย์ เขาคุ้นเคยกับการทําตัวเป็นผู้สูงส่งเมื่ออยู่ต่อหน้ามดปลวกในตอนอยู่ที่ฐานเขี้ยวเหล็กเขาคิดว่าด้วยอํานาจของปรมาจารย์ไม่ว่าใครก็ตามต่างก็เป็นมดปลวกแม้แต่นักรบผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดอย่างซุนคงก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาสําหรับเขาอีกฝ่ายเป็นเพียง มดปลวกที่มีพลังมากขึ้นเท่านั้น
ในความจริงก็เป็นเช่นนั้นถ้าปรมาจารย์ต้องการสังหารนักรบผู้เชี่ยวชาญนักรบผู้เชียวชาญคงยากที่จะต้านทานได้ บางทีก็ถูกตัดหัวโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
ในอดีตปรมาจารย์แห่งฐานเขียวเหล็กย่อมมีนิสัยหยิ่งยโสเช่นนี้กันหมด
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เคยเห็นเย่เทียนลงมือ เห็นเพียงแต่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของเย่เทียนเท่านั้นภาพลักษณ์ของเขาในขณะนี้มันดูน่าสมเพชมากนักรบเช่นนี้ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของระดับปรมาจารย์ที่แท้จริงได้อย่างแน่นอนมิฉะนั้นเขาคงไม่ถูกตระกูลซุนทําให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ด้วยความเข้าใจผิดเหล่านี้จึงทําให้เหยาเย่ไม่เห็นเย่เทียนอยู่ในสายตา
“ตาแก่ เจ้าชื่อเหยาเยี่ยใช่ไหม? ข้าจะให้ทางเลือกแก่เจ้า ขอโทษข้าแล้วไสหัวไปซะแล้วข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้าที่มาล่วงเกินข้ามิฉะนั้นเจ้าคงตายที่นี่เหมือนคนตระกูลซุน!”
คําพูดของเยเทียนทําให้เหยาเยโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก และยังทําให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกใจข่มขู่แม้กระทั้งปรมาจารย์ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก!
ตรงกันข้ามกับคนของตระกูลซุนพวกเขาต่างรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
“ห์!! รนหาที่ตาย! เจ้ากล้าล่วงเกินปรมาจารย์! เมื่อเช้าถูกฆ่าตาย พวกเราก็จะปลอดภัย!”
“ตาย!”
เหยาเย็ใช้นิ้วของเขาซื้ออกไปด้วยความเร็วสูงสุดถึงสิบเท่าของความเร็วของเสียงด้วยความเร็วเช่นนี้แม้แต่นักรบผู้เชี่ยวชาญก็ไม่มีทางตอบสนองได้ทัน
หากเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญเช่นซุนคงที่เผชิญหน้ากับเหยาเย่ แม้ว่าจะปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมามันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานการโจมตีของเหยาเยู่ได้และเขาอาจได้รับบาดเจ็บสา หัสหรือกระทั่งเสียชีวิตในทันทีนี้เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของความเร็ว
น่าเสียดายที่เหยาเยู่ประเมินเย่เทียนต่าเกินไป
เย่เทียนขยับดาบและดีดนิ้วของเหยาเย่ออกและกล่าวออกมาด้วยความเหยียดหยาม
“ความเร็วของเจ้าเชื่องช้าเกินไป! ”
“น่าสนใจจริงๆ เจ้าสามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้ มิน่าเล่าถึงกล้าบุกมากวาดล้างตระ กูลซุนเพียงล่าพัง!”
ปรมาจารย์เหยาเย่รู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แค่นิ้วเดียวของเขาเมื่อครู่เป็นเพียงการหยั่งเชิงของเขาเท่านั้น เขายังไม่ได้ลงมือจริงๆ!
รูปป!
คราวนี้ปรมาจารย์เหยาเย่ลงมือแล้วจริงๆ ร่างของเขาหายวับไปในทันที ราวกับเขาใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาก็มิปาน
นี่คือภาพสะท้อนของความเร็วที่เหนือเสียง ถ้ามองในระยะประชิดมันก็คล้ายกับการเคลื่อนย้ายพริบตา
เหยาเย่มั่นใจมากว่าเขาจะสามารถจัดการเย่เทียนได้อย่างง่ายดาย และมาถึงด้านข้างของเย่เทียนด้วยความเร็วเหนือเสียง 10 เท่า และมือขวาของเขายื่นออกไปหมายจะจับคอของเย่เทียน
อย่างไรก็ตามทุกๆอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ทันใดนั้นดาบเล่มหนึ่งก็ฟันเข้าใส่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว
พรูด!!
มือของเหยาเยถูกฟันขาดและหล่นลงพื้นทันที
“ไม่ดีแล้ว!”
เหยาเยี่ยตกใจอย่างมาก เขารีบเร่งปลดปล่อยพลังปราณในร่างก่อตัวเป็นโล่ป้องกันจากนั้นก็ถอยออกไปด้วยพลังทั้งหมด
ในขณะที่เขารีบถอยร่นออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เย่เทียนหนังรวดเร็วยิ่งกว่า
พริบตาเดียว เย่เทียนก็ไล่ตามมาและฟาดฟันออกไปอีกรอบ
ตูม!
คมดาบสีเขียวตัดผ่านร่างของเหยาเย่ เกราะพลังปราณก็แตกกระจายพร้อมกับร่างเหยาเยู่ที่ถูกฟันจนกระเด็นออกไป
เสื้อผ้าของเหยาเยฉีกขาดเป็นชิ้นๆ และหน้าอกของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลที่เกิดจากดาบล็กกว่าหนึ่งนิ้ว
“ความเร็วระดับปรมาจารย์ พลังการโจมตีระดับปรมาจารย์!”
เหยาเยี่ยได้ตัดสินถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเย่เทียนแล้วเขาก็ต้องตกใจในทันทีทั้งการโจมตีและความเร็วของเย่เทียนเหนือกว่าเขาแม้ว่าพลังป้องกันของเย่เทียนใจยังคงน้อยกว่าแต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการต่อสู้มากนัก
อาจกล่าวได้ว่าเย่เทียนเทียบเท่าได้กับปรมาจารย์ที่แท้จริง
“บ้าเอ๊ย ตระกูลซุนบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ากล้ายั่วยุปรมาจารย์!”
ในตอนนี้เหยาเยี่ยรู้สึกเสียใจมาก เขาไม่ควรออกหน้าแทนตระกูลซุนเลย
“สหาย ข้าขอยอมแพ้!”
เหยาเยี่ยรีบกล่าว
“ในเมื่อเจ้ายื่นจมูกเข้ามาแล้ว เจ้าไม่สามารถยอมแพ้ได้!”
เย่เทียนกล่าวอย่างเย็นชา
ไม่ได้ยินดังนั้นเหยาเยก็รีบหนีไปทันทีเย่เทียนก็ไล่ล่าตามเขาไปอย่างรวดเร็วไม่นานทั้งสองก็วิ่งออกจากย่านที่อยู่อาศัยของตระกูลซุน
ทันใดนั้น
ดาบของเยเทียนตัดมือเหยาเยอีกครั้ง เหยาเยี่ยที่ต้องเผชิญกับความสิ้นหวังรีบตะโกนออกมา
“ตาเฒ่าหลี่ มาช่วยข้าด้วย! ”
ตาเฒ่าหลีที่เหยาเย่พูดถึงไม่ใช่ใครอื่น เขาคือปรมาจารย์อีกคนของฐานเขียวเหล็ก
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายชราหลีในชุดคลุมสีเทาก็ปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อได้ยินคําพูดของชายชราหลี่เหยาเย่กลับรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น
“ปรมาจารย์เย่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า!”
ชายชราหลี่รีบแสดงท่าที่ออกมา
“ตาเฒ่าหลี่ ท่าน…”
เหยาเยโกรธจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ํา ตาเฒ่าหลี่แข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อยหากทั้งสองร่วมมือกัน บางทีเขาอาจยังมีความหวังที่จะมีชีวิตรอด
แต่ตอนนี้ตาเฒ่าหลี่แสดงเจตนาไม่ต้องการร่วมมือกับเขาความหวังของเขาสูญสลายหายไปในพริบตา!
“เย่เทียน ข้าจะสู้กับเจ้า!”
เหยาเพุ่งเข้าหาเย่เทียนอย่างสิ้นหวัง และใช้ทักษะลับระเบิดพลังของเขาออกมาเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของเขาขึ้น
แต่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์
“เงาสังหาร!”
ด้วยความเร็วเหนือเสียง 12 เท่าของเย่เทียนบวกกับเงาสังหารทําให้ความเร็วในการโจมตีของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
เหยาเยู่ที่เพิ่งระเบิดเคล็ดวิชาลับเพื่อเพิ่มพลัง ปฏิกิริยาของเขาช้าลงครึ่งหนึ่งและถูกตัดหัวทันทีโดยน้ํามือของเย่เทียน
ปรมาจารย์คนหนึ่งเสียชีวิตลง
ไกลออกไป ชายชราหลีที่กําลังเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ก็ตกใจ แต่ดวงตาของเขากลับฉายแววยินดี
“คารวะปรมาจารย์เย่!”
ตาเฒ่าหลี่รีบเร่งเข้ามาประสานมือคารวะเย่เทียน อย่างสุภาพ
“เจ้าคงไม่ได้ตัดสินใจ บอกให้ข้าปล่อยตระกูลซุนไปหรอกใช่ไหม?”
เย่เทียนกล่าวถามออกมาด้วยเสียงเบา
“ตระกูลซุนล่วงเกินปรมาจารย์เย่ พวกมันรนหาที่ตายด้วยตนเอง ปรมาจารย์เย่ไม่จําเป็นต้องกังวลนับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลซุนจะไม่มีอยู่อีกต่อไป!”
คําพูดของตาเฒ่าหลี่นั้นชัดเจนมาก เขาต้องการจะช่วยเย่เทียนกําจัดตระกูลซุนเพื่อแสดงให้เห็นถึงทัศนคติของเขา
ความแข็งแกร่งของเย่เทียนนั้นน่ากลัวเกินไป แม้แต่เหยาเย่ก็ยังถูกฆ่าโดยไม่อาจต่อต้านเขารู้ดีว่าตัวเขาเองก็ไม่ใช่คู่มือของเย่เทียน
เขากลัวว่าเย่เทียนจะพาลฆ่าเขาไปด้วย เขาจึงแสดงเจตนาเช่นนี้ออกมา
“ดี! พรุ่งนี้ข้าหวังว่าจะไม่เห็นตระกูลซุนอีก!”
เย่เทียนทิ้งคําพูดไว้และหันหลังเดินจากไป