บทที่ 111 ท่านพ่อไม่เคยสนใจพวกเรา

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 111 ท่านพ่อไม่เคยสนใจพวกเรา
ในใจหนานหว่านเยียนร้อนรน

กู้โม่หานครั้งนี้ยืนยันจะเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์แล้ว

นางดูออกว่ากู้โม่หานชอบพวกยายหนูจากใจจริง ถึงแม้ว่าเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์จะเชื่อถือไม่ได้เลย แต่รับประกันไม่ได้หากเลือดเขากับพวกยายหนูผสมกันจริงแล้ว เช่นนั้นเขา…….

ไม่ได้! นางจะให้กู้โมหานสมหวังไม่ได้

หนานหว่านเยียนโน้มตัว พูดกับยายหนูสองคนว่า “พวกเจ้าไปกินข้าวกับลุงก่อน แม่เปลี่ยนเสื้อเสร็จก็มา ดีไหม?”

พูดไป นางก็กะพริบตาใส่สองพี่น้อง

เกี๊ยวน้อยรับสัญญาณได้ทันที “รู้แล้ว! พวกเรารอท่านแม่อยู่ที่โต๊ะอาหาร!”

ซาลาเปาก็เข้าใจแล้ว พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

กู้โม่หานหรี่ตา มองความร่วมมือของพวกนางแม่ลูกไม่ออก แต่ในใจมีความสงสัย

แต่ว่า หนานหว่านเยียนไม่ได้โต้แย้งเรื่องเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์ เขาก็เลยไม่พูดแล้ว พาพวกยายหนูไปที่เรือนก่อน

หนานหว่านเยียนเรียกเซียงอวี้มา ให้นางปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้า

เกี๊ยวน้อยอยากช่วยหนานหว่านเยียนยื้อเวลา ก็ดึงตัวกู้โม่หานพูด

“ท่านลุง วันนี้ท่านคงไม่ใช่มาหาพวกเราเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยเฉพาะหรอกนะ ท่านมาหาท่านแม่เพื่ออะไรหรือ?”

ตอนแรกกู้โม่หานกำลังคิดว่าหนานหว่านเยียนอยากทำอะไร คราวนี้ ความคิดก็ถูกเกี๊ยวน้อยดึงกลับมาทันที

คิ้วยาวของเขาขมวดขึ้น คิดไปมาไม่รู้จะพูดยังไง สุดท้ายไอแห้งทีหนึ่งพูดว่า “ท่านแม่ของพวกเจ้าบอกว่าลายบนเสื้อผ้าของข้าสวย อยากทำเสื้อผ้าแบบนี้ให้พวกเจ้า จ้าก็เลยให้นางดู”

ซาลาเปายื่นหัว สังเกตลวดลายบนตัวของกู้โม่หานขึ้นมา “นี่คืออะไรหรือ?”

เกี๊ยวน้อยทำเสียงที่ปาก พูดกับซาลาเปาว่า “นี่เจ้าก็ไม่เข้าใจแล้วซิ ลวดลายบนเสื้อผ้าของท่านลุงเรียกว่าปี่เซียะ เป็นสัตว์ที่เรียกทรัพย์!”

กู้โม่หานหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าเด็กกลับเห็นกิเลนเป็นปี่เซียะ เขากำลังจะพูดแก้ไข หนานหว่านเยียนก็ออกมาจากห้องแล้ว

นางเปลี่ยนเสื้อผ้าสีพื้นที่ดูกะทัดรัดเรียบง่ายทั้งชุด สีหน้าปกติ ดูเส้นสนกลในอะไรไม่ออก

กู้โม่หานจ้องหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง

นางกลับเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นั่งอยู่ด้านข้างของซาลาเปาเอง

ทั้งสี่คนนั่งล้อมโต๊ะกลม ตรงกลางของกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนเป็นสองพี่น้องที่หัวเราะเบิกบาน

ไม่รู้เพราะอะไร ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ บ่าวหลายคนต่างรู้สึกว่าสีหน้าของกู้โม่หานอ่อนโยนลงมาก

พวกบ่าวยุ่งอยู่กับการยกกับข้าว

เกี๊ยวน้อยคีบลูกชิ้นก้อนหนึ่งมาในถ้วยของตัวเอง จากนั้นแบ่งเป็นสองส่วนยื่นให้หนานหว่านเยียนครึ่งหนึ่ง “ท่านแม่กิน!”

หนานหว่านเยียนรับมาอย่างยิ้มแย้ม ยื่นมือจับหน้าเล็กๆของนาง “เกี๊ยวน้อยของเราทำไมน่ารักแบบนี้ มา แม่ช่วยเจ้าเอาก้างปลาออก”

ซาลาเปาห่างจากหนานหว่านเยียนนิดหน่อย แต่ก็พยายามเอื้อมมือไปคีบผักตรงหน้า อยากคีบไปให้หนานหว่านเยียน

กู้โม่หานขมวดคิ้ว คีบปีกไก่ชิ้นหนึ่งวางในถ้วยของซาลาเปาทันที “ข้าจำได้ว่าเจ้าชอบกินอันนี้”

เหมือนตอนที่เขายังเด็ก ต้องมีเนื้อถึงอร่อย

ซาลาเปาตะลึงเล็กน้อย เงยหน้า ตากลมๆโตๆมองไปที่เขา ในใจรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก “ขอบ ขอบคุณท่านลุง”

ไอ้ ไอ้คนเลวทำไมรู้แม้แต่เรื่องนี้?

หนานหว่านเยียนเห็นเหตุการณ์แล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น พวกบ่าวใช้กลับสีหน้าอิจฉา ท่านอ๋องช่างดีกับคุณหนูน้อยจัง!

เกี๊ยวน้อยกัดริมฝีปาก “ท่านลุงกลับจำได้ว่าซาลาเปาชอบกินอะไร แล้วข้าล่ะ?”

กู้โม่หานพูดออกไปอย่างรู้ดี “หมูน้ำแดง ลูกชิ้นหมู กุ้ง”

สองพี่น้องนิสัยเหมือนกัน บางทีอาจเป็นความบังเอิญ แต่ว่าเชื่อมโยงแล้วล้วนเหมือนกับเขา

เกี๊ยวน้อยเม้มริมฝีปากอย่างตะลึง “ท่านลุงเก่งจริงๆ!”

ถึงแม้จะเก่งมาก แต่อย่าคิดว่าเช่นนี้แล้วนางก็จะชอบเขา เฮ้อ!

เป็นเช่นนี้ บนโต๊ะอาหารก็กลายเป็นไปตามระเบียบ หนานหว่านเยียนดูแลเกี๊ยวน้อย กู้โม่หานดูแลซาลาเปา

ทั้งสี่คนกินข้าวไปด้วยคุยไปด้วยอย่างไม่เร่งไม่รีบ ภาพเหตุการณ์ดูเป็นกลมกลืนสะดุดตา

แต่มีเพียงในใจของพวกเขาสี่คนที่รู้อย่างชัดเจน นี่เป็นเพียงความสงบก่อนพายุฝนกระหน่ำเท่านั้น

กู้โม่หานมองเห็นมุมปากของซาลาเปามีเม็ดข้าวติดอยู่ จับพลัดจับผลูยื่นมือไปเช็ดให้นางอย่างไม่รู้ตัว

“เจ้าดูเจ้า กินมาถึงหน้าแล้ว ไม่รู้ว่าแม่ของพวกเจ้าปกติสอนพวกเจ้าอย่างไร”

ในสายตาของซาลาเปาก็มีความสนิทสนมอันประหลาดออกมาบ้าง เงยหน้าจ้องมองเขาอย่างตะลึง

พระเจ้า!

คนในจวนมีคนเคยเห็นสภาพที่อ่อนโยนรักใคร่เช่นนี้ของท่านอ๋องตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกบ่าวใช้ตะลึงจนคางล้วนตกลงมากันหมดแล้ว!

หนานหว่านเยียนเห็นเขาเวลาแบบนี้ยังอยากต่อว่าเขา กัดฟันจนดังกึกกัก “เด็กกินข้าวก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”

กู้โม่หานไม่สนใจหนานหว่านเยียน กินข้าวต่อ คีบอาหารให้ซาลาเปาบ้าง ช่วยเขาเอาเม็ดข้าวบนหน้าออก

ในที่สุด อาหารมื้อนี้สิ้นสุดลงท่ามกลางบรรยากาศที่ดูเหมือนอ่อนโยน

กู้โม่หานวางตะเกียบลง พูดเคร่งขรึม “ไปกับข้าเถิด”

พูดไป เขาก็จะจูงมือของซาลาเปา ส่งสัญญาณให้เกี๊ยวน้อยตามมา

ซาลาเปายังตอบสนองไม่ทัน เกี๊ยวน้อยก็กระโดดลงจากเก้าอี้แล้ว “ท่านลุง ต้องไปจริงๆหรือ?”

นางมองกู้โม่หานอย่างน่าสงสาร นิ้วมือจิ้มซาลาเปาอย่างเงียบๆ

ไม่เสียทีที่เป็นพี่น้อง ซาลาเปาเข้าใจในทันที ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา

“ใช่ ข้า ข้าไม่อยากเลือดไหล ถ้าหากท่านลุงเป็นท่านพ่อจริง แล้วจะทำอะไรได้ สี่ปีแล้ว ข้ากับพี่สาวเกิดมานานขนาดนี้แล้ว ท่านพ่อไม่เคยสนใจพวกเราเลย…….”

เกี๊ยวน้อยพูดคล้อยตาม “ใช่ หากท่านคือท่านพ่อจริง ข้ากับซาลาเปาไม่โทษท่านก็ถือว่าดีแล้ว ตอนนี้ท่านจะพาพวกเราไปเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าจะตรงกัน พวกเรายังไม่พอใจที่จะยอมรับท่าน”

หนานหว่านเยียนมองสองพี่น้องอย่างตะลึงเล็กน้อย

ทันใดนั้นกู้โม่หานปวดหัวใจอย่างมาก “ข้าชอบพวกเจ้ามาก ทั้งสองคนเลย ที่ผ่านมาข้าไม่ดี ต่อไปข้า ต้องรักใคร่อย่างดีต่อพวกเจ้าแน่นอน และไม่ทิ้งพวกเจ้าไว้ไม่ห่วงใย ต้องชดเชยทั้งหมดที่ติดค้างพวกเจ้ากลับมาให้หมดแน่นอน”

สองพี่น้องฟังไป คับข้องใจจนพูดอะไรไม่ออก แต่พูดยังไงก็ไม่ยอมไป

หนานหว่านเยียนสายตาเย็นชา พูดโต้กลับ “ท่านอ๋องแค่สมมุติว่าพวกยายหนูเป็นลูกถึงพูดเช่นนี้ หากไม่ใช่ล่ะ? เจ้ายังจะเลี้ยงดูพวกนางด้วยความจริงใจหรือไม่?”

หนานหว่านเยียนจะรู้ได้อย่างไร ความจริงกู้โม่หานยินดีอย่างมาก ถึงแม้ซาลาเปาและเกี๊ยวน้อยจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา เขาก็ยินดีจะเลี้ยงดู

เขาชอบเด็กสองคนนี้จากใจจริง

กู้โม่หานเพิ่งอยากพูดโต้ตอบ ทันใดนั้นก็เห็นเชี่ยนปี้ไม่สนการกีดขวางของอวี๋เฟิง วิ่งเข้ามาในเรือนเซียงหลินอย่างเร่งรีบ “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

นาง “ตุ๊บ” คุกเข่าลงตรงหน้าของกู้โม่หาน สีหน้าหวาดกลัวร้อนรน “พระชายารองหยุนเกิดเรื่องแล้ว! ท่านอ๋องรีบไปดูเถิด…….”

บทที่ 110 เขาต้องการหยดเลือดเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือด

บทที่ 112 ช่วยท่านแม่เลือกสามี