ตอนที่ 285 คุณหนูหร่านผู้น่าอัศจรรย์

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หลินหว่านมองฉินหร่านอย่างสับสนราวกับคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก 

 

 

ตอนเพิ่งมาถึงที่งานเลี้ยง เธอได้ยินฉินอวี่พูดถึงอาจารย์เว่ยและศิษย์ของเขา จากนั้นก็ตามไต้หรานมาและได้ยินอีกหลายคนพูดถึงเรื่องนี้ 

 

 

ต่อมา หลินหว่านก็ไม่ได้คิดเลยว่าฉินหร่านคนนี้กับคนที่ตัวเองรู้จักจะเป็นคนคนเดียวกัน 

 

 

จนกระทั่งตอนนี้ ประโยคคำพูดเดียวของไต้หรานกระตุกลากเธอให้กลับมาสู่ความจริง 

 

 

หลินหว่านพึมพำขึ้น “สรุปว่าศิษย์ของอาจารย์เว่ยเป็นเธอจริงงั้นเหรอ” 

 

 

ประโยคนี้ยิ่งทำให้ไต้หรานมั่นใจได้ว่าหลินหว่านรู้จักฉินหร่าน เขาอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง น้ำเสียงของเขารู้สึกเสียใจอย่างมาก “ถ้ารู้ว่าพวกคุณรู้จักกันเร็วกว่านี้ ฉันจะรีบไปหาพวกคุณในทันที และจะไม่ปล่อยให้อาจารย์เว่ยแย่งชิงไปก่อน…” 

 

 

ไต้หรานถอนหายใจครู่หนึ่งและก้มมองฉินอวี่ “แต่ฉินหร่านเพิ่งมาที่สมาคม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสมาคมรัฐ M ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน โควต้าปีนี้ของเขากับเธอก็เทียบกันไม่ได้แล้ว นั่นหมายความว่าเธอตกอยู่ในอันตรายแล้ว” 

 

 

ไต้หรานคาดว่าภายในสองเดือนหลังจากนี้ฉินอวี่จะสามารถขึ้นถึงระดับหกได้ 

 

 

ฉินอวี่เข้ามาในสมาคมได้สิบเดือน เมื่อปลายปีที่แล้วระดับที่สี่ของไวโอลินก็เปลี่ยนเป็นระดับที่ห้า อีกครึ่งปีจากนี้คาดว่าจะขึ้นได้ถึงระดับหก 

 

 

ฉินหร่านมีพรสวรรค์เก่งกาจ แค่ภายในสองเดือน น่าจะขึ้นไปอยู่ระดับหกได้ 

 

 

โชคดีที่ฉินหร่านอายุมากกว่าฉินอวี่หนึ่งปี ดังนั้นฉินอวี่น่าจะยังได้รับการเลือกจากสมาคม 

 

 

ฉินอวี่ไม่มีกะจิตกะใจจะฟังคำพูดของไต้หรานแม้แต่น้อย 

 

 

เธอก้มมองลงไปมองที่มือทั้งสองข้างของตัวเอง ตั้งแต่วินาทีที่เธอมาเมืองหลวงและเริ่มก้าวเข้าสู่รัฐ M ฉินอวี่ก็ขีดเส้นแบ่งระหว่างตัวเองกับชีวิตของเธอก่อนหน้านี้ เธอไม่เห็นคนอย่างฉินหร่านและฉินฮั่นชิวอยู่ในสายตาอีกต่อไป และเธอยังเคยอุปมาไปว่าฉินหร่านไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับไวโอลินอีกด้วย… 

 

 

แม้แต่งานเลี้ยงที่มีความเกี่ยวข้องฉินอวี่ยังไม่มีใจจะไปเข้าร่วมเลยด้วยซ้ำ 

 

 

ฉินหร่านเล่นไวโอลินได้งั้นเหรอ 

 

 

ไหนจะเรื่องที่เป็นนักเรียนที่เพิ่งเข้าร่วมสมาคมไวโอลินก็สามารถไปได้ถึงระดับห้า 

 

 

ศิษย์ของอาจารย์เว่ย 

 

 

บ้าจริง เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้! 

 

 

** 

 

 

ฉินหร่านไม่รู้เลยว่าหลินหว่านกับฉินอวี่กำลังเป็นบ้าเพราะเธอ เพราะเธอต้องตามติดอาจารย์เว่ยเพื่อไปพบปะกับกลุ่มผู้คนอยู่ทั้งคืน 

 

 

นอกจากเอินเก๋อแล้ว คนอื่นๆ ก็ล้วนแต่เป็นคนคนติดต่อสำคัญในเมืองหลวงของอาจารย์เว่ยทั้งสิ้น 

 

 

“อาจารย์เหวินอิน พวกคุณทั้งสองคงคุ้นเคยกันดีแล้ว” อาจารย์เว่ยแนะนำให้ฉินหร่าน “ท่านหลิวผู้นี้คือรองประธานของสมาคมเมืองหลวง หลังจากนี้หากมีธุระเธอสามารถไปพบท่านได้…” 

 

 

ในแวดวงนี้ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนจากสมาคมไวโอลิน เมื่อเห็นว่าอาจารย์เว่ยพาฉินหร่านเดินเข้ามา พวกเขาทุกคนก็ลุกขึ้นยืน 

 

 

ฉินหร่านพูดจาทักทายทุกคนอย่างสุภาพ 

 

 

หลังแนะนำตัวที่วงสนทนานี้เสร็จ อาจารย์เว่ยก็พาเธอไปแนะนำให้กับวงสนทนาอื่น 

 

 

หลังจากอาจารย์เว่ยและกลุ่มคนของเขาเดินจากไป กลุ่มคนของรองประธานหลิวต่างก็มองหน้ากัน คนหนึ่งพูดขึ้น “อาจารย์เว่ยรับศิษย์เป็นเรื่องจริง เพียงแต่ ฉันเกรงว่าอาจารย์เว่ยจะทำให้สมาคมเมืองหลวงต้องลำบาก ถึงอย่างไรแค่คนเดียวก็น้อยไป” 

 

 

“แต่คนคนนี้โดดเด่นเหนือกว่านักเรียนทุกคนในปัจจุบันของสมาคมเมืองหลวง” อีกคนเหล่มองแล้วยิ้ม 

 

 

“ถูกต้อง ฉินอวี่ใช้เวลาไปสี่เดือนในการสอบผ่านไวโอลินระดับสี่ขึ้นเป็นระดับห้า ระดับห้าผ่านไปครึ่งปีแล้วยังไม่เลื่อนถึงระดับหก” คนข้างๆ จิบไวน์หนึ่งครั้ง ถอนสายตากลับ ทำท่าทางคิด “นึกไม่ออกเลยว่าทั้งสองคนใครจะไปถึงระดับหกได้ก่อนกัน” 

 

 

“เป็นไปได้ว่าอาจเป็นฉินอวี่ หลังจากเธอขึ้นมาระดับห้าก็ศึกษาที่สมาคมมาได้ครึ่งปีกว่าแล้ว ฉินหร่านคนนั้นความสามารถเก่งกาจ ฉันคาดว่าหลังจากนี้อีกสี่ห้าเดือนเธอถึงจะสอบผ่านถึงระดับหก” 

 

 

คนอื่นๆ ต่างคิดแล้วคิดอีกถึงความน่าจะเป็นอย่างอดสงสัยไม่ได้ 

 

 

ไม่ได้หมายความว่าการที่ฉินอวี่สอบผ่านระดับหกก่อนแล้วเธอจะเก่งไปกว่าฉินหร่าน ผู้คนในสมาคมเมืองหลวงต่างก็นับตามจำนวนเวลา 

 

 

ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงปัจจุบัน ฉินอวี่ใช้เวลาไปแล้วเจ็ดเดือน ยังสอบไม่ผ่านระดับหกแต่ก็ได้ยินมาว่ากำลังจะถึงระดับหกในไม่ช้าแน่นอน ในสมาคมเมืองหลวง ฉินอวี่ถูกจัดอยู่ในระดับรวดเร็ว มีบางคนศึกษามาแล้วสามปียังขึ้นไม่ถึงระดับหกเลยด้วยซ้ำ 

 

 

แต่ผู้อาวุโสกลุ่มนี้ก็คาดเดาว่าฉินหร่านจะขึ้นถึงระดับหกได้โดยใช้เวลาแค่สี่ห้าเดือนเท่านั้น… 

 

 

ขณะที่ฟังคนเหล่านี้คุยกัน อีกฝั่งอย่างเหวินอินทำเพียงยกไวน์ขึ้นดื่มอย่างไม่มีส่วนร่วม 

 

 

“ผู้อำนวยการเหวิน ฉินหร่านคนนี้มีที่มาที่ไปจากไหน?” รองประธานหลิวเพ่งเล็งไปที่เขา ยกแก้วไวน์ขึ้นและมองไปที่เหวินอิน “คุณคิดว่าต้องใช้เวลากี่เดือนเธอถึงจะสอบผ่านระดับหก” 

 

 

เหวินอินยกแก้วไปทางเขา ไม่ได้เปิดเผยอะไร พูดเพียงแค่ว่า “ไม่แน่ใจ” 

 

 

“พูดยาก…น่าจะสักสามเดือน?” มองเห็นท่าทางเหวินอิน รองประธานหลิวก็หยุดชะงัก 

 

 

เหวินอินเพียงแค่ยิ้ม “อาจารย์เว่ยเรียกฉัน พวกท่านคุยกันก่อน” 

 

 

ที่จริงแล้ว…อาจจะเหลือเชื่อไปบ้าง 

 

 

เขาตอบกลับรองประธานหลิวนิดหน่อย และออกเดินไปหาอาจารย์เว่ย 

 

 

การแสดงออกของเหวินอินช่างเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง รองประธานหลิวมองตามหลังของเขาและหรี่ตาลง “เป็นไปได้ว่าสักสองเดือน?” 

 

 

คนข้างๆ ได้ยินรองประธานหลิวพึมพำ จึงหันมาถาม “ท่านรอง สองเดือนหมายถึงอะไร” 

 

 

“ไม่มีอะไร” รองประธานหลิวส่ายหัวอย่างไม่สามารถเข้าใจได้ 

 

 

** 

 

 

ตามติดอาจารย์เว่ยมาปรากฏตัวกับคนกลุ่มหนึ่ง ฉินหร่านก็พบกับเฉิงเจวี้ยนและเฉิงเวินหรูที่นี่ 

 

 

มองเห็นฉินหร่านเดินเข้ามา จางเซี่ยงเกอรีบวางแก้วไวน์ในมือ “คุณฉิน” 

 

 

ฉินหร่านเหลือบมองเขา พยักหน้า “พบกันอีกครั้ง” 

 

 

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้พูดคุยกับจางเซี่ยงเกอเพียงไม่กี่คำ แต่เธอก็ยังจำได้ดี 

 

 

นั่นทำให้จางเซี่ยงเกอประหลาดใจมาก เขารู้สึกปลื้มปีติยิ่งนัก ที่เขาจำฉินหร่านได้ก็เพราะฉินหร่านเป็นคนไม่แยแสกับใคร และเขาก็จำได้ขึ้นใจ อีกทั้งเขายังจำรูปลักษณ์ใบหน้าและอารมณ์ของฉินหร่านได้ ทุกอย่างล้วนยากที่จะลืม 

 

 

แต่ฉินหร่านเองก็จำเขาได้เหมือนกันหรอเนี่ย? 

 

 

จางเซี่ยงเกอมองเฉิงเจวี้ยน “ได้ยินมาว่าคุณฉินอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง ฉันรู้จักคนบางคนในสมาพันธ์นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอยู่ หลังจากนี้ถ้าหากคุณฉินมีอะไรไม่คุ้นเคยสามารถโทรหาฉันได้” 

 

 

เฉิงเจวี้ยนจับที่คางและมองเขา “เอาสิ” 

 

 

จางเซี่ยงเกอให้ข้อมูลติดต่อของเขากับฉินหร่านทันที และถือโอกาสเพิ่มวีแชทของฉินหร่านด้วย 

 

 

เฉิงเวินหรูรอฉินหร่านมาพักหนึ่ง เธอมีข้อสงสัยที่จะถาม 

 

 

ไม่เพียงแต่อาจารย์เว่ย แต่ยังมีเรื่องลิ้นชักของเธอด้วย… 

 

 

เพียงแต่ในงานเลี้ยงมีผู้คนมากมาย และมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จักเฉิงเวินหรูและฉินหร่านยกแก้วเข้ามาหา จึงยังไม่เอ่ยอะไร 

 

 

จนกระทั่งสิ้นสุดงานเลี้ยง เฉิงเวินหรูจึงออกไปพร้อมกันกับฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยน 

 

 

“เลขาหลี่ คุณขับรถของฉันกลับ” เฉิงเวินหรูนั่งลงเบาะหลังในรถของเฉิงเจวี้ยน 

 

 

และยังลากฉินหร่านให้นั่งลงที่เบาะหลัง สั่งเฉิงเจวี้ยนออกรถ 

 

 

เฉิงเจวี้ยนไม่พูดอะไร เหลือบมองเฉิงเวินหรูและสตาร์ทรถ 

 

 

จางเซี่ยงเกอมองดูรถของพวกเขาขับออกไปพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก 

 

 

โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น จางเซี่ยงเกอก้มลงมอง เป็นข่าวจากสหายของเขา 

 

 

[โอวหยางเวยจะมีแข่งในอีกไม่กี่วัน] 

 

 

ถ้าหากเป็นในอดีต แน่นอนว่าจางเซี่ยงเกอไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดไปเป็นอันขาด นั่นก็เพราะในแวดวงคนเมืองหลวงในปัจจุบัน โอวหยางเวยเป็นคนดังที่สง่างามและร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นสถานะของตระกูลโอวหยางหรือแม้แต่ตัวโอวหยางเวยเอง… 

 

 

แต่ตอนนี้ จางเซี่ยงเกอปฏิเสธเพื่อนของเขา 

 

 

ความคิดในแวดวงของโอวหยางเวยไม่ใช่ความลับ เมื่อไปที่สำนักงานของเธอ และถูกเธอถามคำถาม จางเซี่ยงเกอไม่สามารถเลี่ยงไม่ตอบได้ ท้ายที่สุดโอวหยางเวยก็ไม่พอใจ ทางเดียวคือต้องหลีกเลี่ยงเธอ 

 

 

อีกฝั่งของโทรศัพท์ สหายของเขาค่อนข้างสับสน “ได้ความมาว่ายังไงบ้าง จางเซี่ยงเกอไม่ใช่ ‘นักสังคมนิยม’ อย่างนั้นหรือ โอกาสดีแบบนี้ทำไมเขาไม่มา เฉิงมู่ก็ด้วย ก่อนหน้านี้พูดถึงคุณโอวหยางทีไรมาเร็วกว่าใครเพื่อน…” 

 

 

** 

 

 

อีกด้านหนึ่ง ข้างบนรถ 

 

 

ในที่สุดเฉิงเวินหรูก็หาโอกาสพูดคุยกับฉินหร่านได้สักที 

 

 

“หร่านหร่าน ซื้อดอกไม้จีนที่อยู่ในลิ้นชักมาจากที่ไหน” เมื่อปราศจากคนนอก เฉิงเวินหรูมีท่าทางสบายๆ แต่น้ำเสียงยังคงกระตือรือร้น 

 

 

ฉินหร่านเอียงศีรษะมองนอกหน้าต่าง พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ไม่ได้ซื้แ ทั้งหมดได้มาจากเพื่อน” 

 

 

เฉิงเวินหรู “…” 

 

 

เธอไม่รู้จะตอบอะไรต่ออยู่พักหนึ่ง 

 

 

เมื่อติดไฟแดง เฉิงเจวี้ยนหยุดรถ มือวางบนพวงมาลัย เหลือบมองที่กระจกมองหลัง หัวเราะเสียงเบา 

 

 

“แล้วเธอรู้ไหมว่าทำไมครั้งนี้ถึงไม่มีดอกไม้จีนอยู่ในตลาดเลย” ผ่านไปสักพัก เฉิงเวินหรูจึงถามคำถามที่อยากรู้ที่สุด “หลังจากนี้จะยังมีอีกไหม” 

 

 

เธอไม่ได้ถามฉินหร่าน ว่าใครเป็นคนขายดอกไม้จีน 

 

 

แน่นอนว่าผู้ขายมักจะซ่อนตัวเองอยู่อย่างลับๆ เพื่อไม่ต้องการให้ใครรู้ 

 

 

เฉิงเวินหรูจึงไม่ได้ทำให้ฉินหร่านต้องลำบากใจเช่นกัน 

 

 

“ฉันรู้…” ฉินหร่านเท้าคางครุ่นคิด ตอบเฉิงเวินหรูอย่างจริงจัง “เพราะว่าสัตว์เลี้ยงในครอบครัวของพวกเขาไม่เชื่อฟัง แทะหญ้าพวกนั้นหมด” 

 

 

“…” เฉิงเวินหรูเงียบอีกครั้ง 

 

 

ก่อนที่ฉินหร่านจะพูดคำตอบนี้ เฉิงเวินหรูคิดไปตั้งมากมาย เช่นความยากลำบากในการเลี้ยงดู ถูกศัตรูฆ่าตาย การแข่งขันอันดุร้าย… 

 

 

สิ่งเดียวที่เธอคิดไม่ถึงเลยก็คือ ถูกสัตว์เลี้ยงแทะเนี่ยนะ! 

 

 

อพาร์ตเมนต์ระดับไฮเอนด์ในย่านใจกลางคลังการเงิน 

 

 

เฉิงเจวี้ยนหยุดรถหน้าประตูทางเข้า วางมือบนพนักเก้าอี้ หันข้างมองฉิงเวินหรู พูดน้ำเสียงสุภาพ “ถึงบ้านของคุณแล้ว” 

 

 

เฉิงเวินหรูลงจากรถอย่างเงียบๆ เธอบอกลาฉินหร่าน ขณะที่กำลังจะเดินออกไปก็เหมือนได้ยินเฉิงเจวี้ยนพูดกับฉินหร่าน “คนขับรถสำรอง…” 

 

 

เธอเหลือบมองรถของเฉิงเจวี้ยนแล้วถอนหายใจ “พูดแบบนี้ก็เป็นนะเด็กคนนี้…” 

 

 

ขณะที่พูด เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคุณท่านเฉิง 

 

 

ดอกไม้จีนยังไม่สูญพันธุ์ เธอต้องรายงานเรื่องนี้ให้นายท่านทราบ 

 

 

** 

 

 

ตระกูลเฉิง 

 

 

เฉิงเหราฮั่นเพิ่งกลับถึงบ้าน ในที่สุดเขาก็ได้รับคำตอบจากโอวหยางเวย เขายังไม่ทันได้หยุดพักเลยสักนิด พาคนของเขาไปหาคุณท่านเฉิงที่บ้านหลังใหญ่ 

 

 

เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว คุณท่านเฉิงยังหยอกล้อเล่นกับนกอยู่ไม่ยอมนอน 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น มาหาฉันดึกขนาดนี้” คุณท่านเฉิงดูท่าทางอารมณ์ดี เห็นว่าเฉิงเหราฮั่นเข้ามาก็วางอาหารนกในมือลง 

 

 

ส่งสัญญาณให้เฉิงเหราฮั่นและทุกคนนั่งลง 

 

 

พ่อบ้านเฉิงนำชามาเสิร์ฟพวกเขา 

 

 

เฉิงเหราฮั่นแทบอดใจรอไม่ไหว พูดขึ้น “พ่อ เมื่อสักครู่คนของผมได้รับคำตอบจากโอวหยางเวย พรุ่งนี้ไปพบคนที่ถ่ายรูปดอกไม้จีนได้แล้ว ผมจะนำดอกไม้จีนกลับมาให้ท่าน”