บทที่ 323
บทที่ 323

เช่าฟ๋างเพิ่งฆ่าหญิงสาวไปสองคน ทำให้ทุกคนโดยรอบตะลึงและหวาดกลัว ถังหยินเองก็เช่นกัน แต่องค์ชายรองกลับหัวเราะออกมา “ข้าไม่มั่นใจว่าพวกนางจะเก็บความลับเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงต้องทำเช่นนี้”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังหยินก็เข้าใจในทันที ว่าเช่าฟ๋างไม่ใช่คนที่โหดร้ายแบบนั้น ที่เขาทำไปนั้น มันเป็นเพราะความจำเป็น และแม้ว่าหน้าตาของเขาจะดูเป็นโง่ แต่เนื้อในนั้นตรงกันข้าม

“นี่ต่างหากล่ะคือการสาบานตนเป็นพี่น้อง !” เช่าฟ๋างกล่าวแล้วหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็เอาไปรองเลือดของหญิงสาวที่ถูกฆ่าทิ้งแล้วยื่นให้กับถังหยิน “สหายถัง ตาเจ้าแล้ว”

เช่าฟ๋างบ้ามาก แต่ก็ไม่เท่าถังหยิน ชายหนุ่มรับแก้วมาอย่างไม่ลังเลแล้วดื่มมันครึ่งหนึ่งก่อนจะยื่นคืน “เชิญเลยฝ่าบาท”

องค์ชายรองหัวเราะออกมาดังก้อง ก่อนจะรับแก้วมาแล้วดื่มมันเข้าไปทั้งหมด จากนั้นจึงหันมองหน้าและหัวเราะออกมาพร้อมกัน

…พวกเขาเมินศพที่อยู่ตรงหน้าราวกับมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากดื่มเลือดไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างถังหยินและเช่าฟ๋างก็พัฒนาขึ้นมาก องค์ชายรองเดินออกมาแล้วกล่าว “สหายถัง คืนนี้พักที่นี่เถิด ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยไปกว่าตำหนักของข้าอีกแล้ว”

ถังหยินสนใจเช่าฟ๋าง และอยากจะรู้จักมากขึ้นอีก ดังนั้นจึงตอบไปว่า “ถ้างั้นก็รบกวนท่านด้วย”

“เยี่ยมเลย !” เช่าฟ๋างกล่าวชมแล้วดึงตัวถังหยินเข้าไป “คืนนี้หากใครแพร่งพรายข่าวออกไป ข้าจะดื่มเลือดมันจนเหี้ยน !”

พวกทหารที่ได้ยินต่างก็หวาดกลัวจนพากันก้มหัว และไม่กล้าหายใจเสียงดัง

เช่าฟ๋างพาถังหยินออกมาคนเดียว พาชายหนุ่มตรงไปยังห้องอ่านหนังสือ และปล่อยให้คนอื่น ๆ เดินไปกับข้ารับใช้เพื่อจัดหาห้องให้พัก

ห้องอ่านหนังสือนี้กว้างมาก มีหนังสือมากมายเช่นเดียวกับพื้นที่นั่ง

ทั้งสองเดินเข้ามาแล้วนั่งลงคนละฝั่ง ก่อนที่เช่าฟ๋างจะเอนตัวมาข้างหน้า “ทำไมสหายถังถึงมั่นใจว่าจะจัดการซ่งเทียนกับพวกหนิงได้ ?”

ถังหยินหัวเราะ “คนที่ชนะจะได้ครอบครองทุกสิ่ง ซ่งเทียนอาจจะเป็นขุนนางที่ดี แต่เขานั้นไม่ใช่อ๋องที่ดี”

“ฟังดูมีเหตุผล แต่ถ้าหากซ่งเทียนกับพวกหนิงพ่ายแพ้ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องมาที่แคว้นโมกัน ?”

“ทางเหนือมีกองทัพเทียนหยวนของข้า ทางตะวันออกก็ไปไม่ได้ เช่นเดียวกับประตูตงที่ก็เป็นของข้าแล้ว ดังนั้นพวกมันมีแต่ต้องลงใต้เท่านั้น”

“ประตูตง ?” เช่าฟ๋างไม่คุ้นกับสถานที่ในแคว้นเฟิง เขารู้ว่ามันคืออะไร แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน องค์ชายจึงหันไปเรียกข้ารับใช้ “พวกเจ้าน่ะ !”

“ขอรับ ?”

หลังจากเสียงเรียก ก็มีเด็กรับใช้เข้ามาหาแล้วก้มหัวให้

“เอาแผนที่มา”

“ขอรับฝ่าบาท !”

เด็กรับใช้ตอบรับแล้วรีบไปค้นหาแผนที่ในห้อง ก่อนจะนำมามอบให้กับเช่าฟ๋าง ฝ่าบาทมองมันสักพักก่อนจะโยนคืนกลับไป “เจ้าจะเอาแผนที่โมมาทำไมเล่า ไปเอาแผนที่ของจักรวรรดิเฮาเตียนมา !”

เด็กรับใช้แทบจะขาอ่อน เขารีบวิ่งขึ้นไปหาชั้นหนังสือแล้วเอาแผนที่อันใหม่มา

เช่าฟ๋างวางมันลงบนโต๊ะแล้วชี้ไป “ที่นี่คือเฮอตง นี่คือประตูตงสินะ เป็นภูมิประเทศแบบภูเขาสองด้านงั้นหรือ ?”

ถังหยินไม่ต้องมองแผนที่ก็รู้อยู่แล้ว เขาเอนกายแล้วกล่าว “ประตูตงกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าหากมันถูกยึดไป ก็จะทำให้ทั้งกองทัพถูกตัดขาดจากโลกภายนอก”

“อย่างนี้นี่เอง” เช่าฟ๋างพยักหน้าให้ “นี่มันจุดยุทธศาสตร์สำคัญเลยด้วยซ้ำ ถ้าข้าจำไม่ผิด ซ่งเทียนได้มอบมันให้กับพวกหนิง แต่เจ้าก็ไปยึดมันคืนกลับมาได้สินะ ใช้วิธีไหนกัน บุกเข้าไปตรง ๆ หรือ ?”

“แน่นอนว่าไม่” ถังหยินยิ้มให้ “ถ้าพวกเราทำแบบนั้น พวกหนิงจะต้องเสริมทหารเข้าไปอีกแน่ ซึ่งมันก็คงทำให้พวกเราทำงานได้ลำบากขึ้น”

“ถ้างั้นเจ้า ?”

“ก็แค่อ้อมผ่านพวกสมาพันธรัฐมอร์ฟีสก็เท่านั้น”

เช่าฟ๋างสูดหายใจแล้วมองแผนที่อีกครั้ง “ฉลาดมาก การอ้อมเพื่อจับศัตรูโดยไม่ทันตั้งตัวช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าถังหยินจะชนะซ่งเทียนได้ !!!

เช่าฟ๋างดันแผนที่ออกไปแล้วยิ้มให้ “นี่เป็นแผนของเจ้าหรือ ?”

“เป็นแผนของซงหยวน ฝ่าบาท”

“ซงหยวน ?”

“ชายผู้ที่มากับข้า”

เช่าฟ๋างตาลุกวาว “ในเมื่อเขาฉลาดแบบนั้น งั้นเรียกเขามาที่นี่ได้ไหม ?”

“ก็ดีนะฝ่าบาท” ถังหยินหรี่ตาแล้วพยักหน้าให้

เช่าฟ๋างส่งคนไปเรียกซงหยวน แล้วไม่นานนักเจ้าตัวก็มาถึง เมื่อเขาเห็นทั้งสองกำลังนั่งด้วยกัน จึงได้ก้มหัวให้ “ข้ามาแล้วขอรับฝ่าบาท”

“เจ้าคือซงหยวน ?”

“ถูกต้องขอรับฝ่าบาท”

เช่าฟ๋างพูดต่อ “ชื่อไม่คุ้นเลย ดูท่าจะไม่ใช้พวกตระกูลใหญ่สิท่า” เขามองซงหยวนเพื่อดูท่าที

ใบหน้าของซงหยวนแสดงความโกรธออกมาเล็กน้อย ก่อนจะประกบมือให้ “ข้าเป็นแค่กุนซือใต้บัญชาของนายท่านเท่านั้น คงไม่อาจเป็นที่หมายตาของฝ่าบาทได้”

ซงหยวนไม่ใช่คนที่มีประวัติยิ่งใหญ่อะไรมากนัก เขารู้อยู่แก่ใจในข้อนี้ดี แต่นั่นก็ไม่สำคัญ ด้วยตราบเท่าที่ถังหยินมอบหมายงานมาให้เขา เขาก็พร้อมที่จะทำมันยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด !!

เช่าฟ๋างรู้สึกชื่นชมซงหยวนจากใจจริง ชายคนนี้ช่างมีความสามารถจริง ๆ “สหายถัง ข้านั้นขาดแคลนกุนซือดี ๆ อยู่ จะว่าอะไรไหมหากเจ้าจะมอบซงหยวนให้ข้าใช้งานก่อน ?”

ถังหยินตะลึงก่อนจะหัวเราะออกมา “ถ้าซงหยวนอยากจะร่วมงานกับท่าน ข้าก็ไม่ขัดข้อง”

ซงหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ต้องตกตะลึง ก่อนจะรีบพูดอย่างแตกตื่น “ข้าทำไม่ได้หรอกฝ่าบาท ตำแหน่งที่ท่านมอบมามันสูงเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็รับใช้นายท่านมาเนิ่นนานจนเกินกว่าที่ข้าจะถอนตัวได้แล้ว และตราบเท่าที่นายท่านไม่ทอดทิ้งข้า ข้าก็จะร่วมทางกับเขาไปจนวันตาย”

ในความคิดของซงหยวน เขาคิดว่าเช่าฟ๋างเป็นคนที่มีอนาคตไกล แต่ถ้าเทียบกับถังหยินแล้ว อีกฝ่ายก็ยังขาดอะไรไปบางอย่าง และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ทิ้งถังหยินเพื่อไปหาเช่าฟ๋างแน่ !

ถังหยินที่ได้ยินแบบนั้นก็ปลาบปลื้มมาก และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเชื่อใจซงหยวน

จริง ๆ แล้วเช่าฟ๋างเองก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอก เขาแค่หาเรื่องคุยไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น “ไม่มีใครสามารถพรากความภักดีของชายใดไปได้สินะ เอาละ นั่งก่อนเถิดซงหยวน”

“ขอรับ”

ซงหยวนตอบรับแต่ก็ไม่กล้านั่งด้านหน้าอยู่ดี

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งลงแล้ว เช่าฟ๋างก็พลันเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวล ปากเอ่ยระบายออกมาว่า “ถึงข้าจะรับปากว่าจะช่วยหยุดการส่งกำลังเสริมให้พวกหนิงก็จริง แต่ข้าไม่รู้ว่าจะทำยังไงนี่สิ ด้วยพวกขุนนางในวังต่างก็เข้าข้างเช่าโป๋วกันหมด”

ถังหยินครุ่นคิดก่อนจะตอบ “ไม่มีใครในนั้นเป็นคนสนิทของฝ่าบาทเลยหรือ ?”

เช่าฟ๋างหัวเราะแห้ง ๆ “เจ้าคิดว่าไงเล่า ไม่เห็นทหารรอบตำหนักข้าหรือไง ?”

“มีทหารมากมายนัก”

“ใช่แล้ว เพราะข้าไม่อยากประมาท ในฐานะขององค์ชายที่ไร้อำนาจ ข้าไม่อาจนอนหลับได้ง่าย ๆ หรอก ด้วยข้ากลัวว่าจะมีใครสักคนเข้ามาแล้วช่วงชิงชีวิตของข้าไป” นี่เป็นคำพูดจากใจของเช่าฟ๋าง ทำให้น้ำตาของเขาเริ่มเอ่อล้นออกมา

ซงหยวนลองพูดขึ้นบ้าง “ทำไมฝ่าบาทไม่ลองชวนเสนาบดีฝ่ายขวาตงเฉิงมาเข้าพวกดูเล่า ? เท่าที่ข้ารู้ ตงเฉิงก็ไม่ได้สนับสนุนเช่าโป๋วสักเท่าไหร่”

“หึ ไอ้แก่เจ้าเล่ห์นั่น ! นี่คือแผนของมันแหละ มันก็จะรอให้พวกองค์ชายฆ่ากันเอง จากนั้นมันก็จะเข้าตีสนิทกับผู้ชนะเพื่อให้ได้อำนาจทั้งหมด” เช่าฟ๋างกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะฝ่าบาท” ซงหยวนส่ายหัว