ตอนที่ 223 ตัวแทน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 223 ตัวแทน

ซุนยิงกล่าวจบก็ชี้มือไปทางชายร่างผอม เขารู้สึกเกลียดคนตรงหน้าจนอยากพุ่งเข้าไปเตะต่อยเสียตอนนี้เลย

คำพูดของเขาทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นตื่นตระหนกและรีบถอยห่างจากชายร่างผอมทันที

เมื่อครู่พวกเขายังพูดคุยกับชายร่างผอมอยู่เลย แต่ผู้ใดจักคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ร้าย

หากเขาอยากฆ่าคนขึ้นมาอีกครั้ง พวกตนมิต้องกลายเป็นศพไปแล้วหรือ ?

เพียงแค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว

ชายร่างผอมมิยอมรับผิด เขาเงยหน้าขึ้นแล้วโต้กลับ “เจ้าจักพูดสิ่งใดย่อมต้องมีหลักฐาน ข้ากับเจ้าไร้ความบาดหมางต่อกัน เหตุใดข้าต้องสังหารเจ้าด้วย ? ”

นั่นสิ เหตุใดเขาต้องสังหารซุนยิงด้วย ?

ตอนนี้ภายในใจของชาวบ้านที่มุงดูก็มีความคิดนี้วูบผ่าน เพียงแต่รู้สึกหวาดกลัวจึงมิกล้ากล่าวออกมา

“ด้วยเหตุใดน่ะหรือ ? ” มู่จวินฮานหัวเราะออกมา ดวงตาเรียวเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง “ก็เพราะมีคนมิอยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข มิยอมให้โรคระบาดถูกควบคุมไว้ได้ อยากให้ราษฎรล้มตายเพราะโรคระบาด เพื่อให้ต้าโจวของเราเกิดความวุ่นวาย ! ”

คำพูดของเขาฟังแล้วร้ายแรงยิ่งนัก อำนาจในตัวก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดชายร่างผอมก็ตกตะลึงจนต้องถอยหลังไปหลายก้าวแทบล้มลงไปที่พื้น

“เจ้า..เจ้าโกหก ข้ามิเคยทำเรื่องเช่นนั้น พวกเจ้าจับข้ามิได้” เขาทั้งดิ้นรนและร้องโวยวาย ดวงตากลิ้งกลอกไปมา กำลังแกล้งทำตัวน่าสงสารแต่มู่จวินฮานมิให้โอกาส

“เมื่อคืนเจ้าบุกเข้าบ้านซุนยิงเพื่อก่ออาชญากรรม เจ้าคิดว่าซุนยิงตายไปแล้ว วันนี้เจ้าถึงได้มากระจายข่าวเท็จว่ายานี้กินแล้วตาย”

“หากเจ้ามิได้ทำเรื่องนี้แล้วรู้ได้เยี่ยงไรว่าซุนยิงตาย ? ทั้งยังกล่าวอย่างมั่นใจว่าซุนยิงตายเพราะกินยารักษาโรคระบาดอีกด้วย ! ”

แววตาคมกริบของมู่จวินฮานทำให้คนมิกล้าสบสายตาของเขา

ชายร่างผอมตกตะลึง เขาอยากเปิดปากกล่าวบางอย่างอีกครั้งแต่หาข้ออ้างมิออก

ถึงตอนนี้ใบหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไป ท่าทีก็อ่อนลงแต่ก็ยังมิยอมแพ้ “แม้ข้าเป็นคนทำเรื่องนี้จริงแล้วทำไมหรือ ? พวกเจ้ามิใช่ขุนนางเสียหน่อย อาศัยสิ่งใดมาจับข้า ? ”

“คอยดูเถิด ข้าจักไปร้องเรียนทางการว่าพวกเจ้ารุมรังแกข้าและมิเหลือทางรอดให้ชาวบ้านเยี่ยงข้า ! ”

ชายร่างผอมกล่าวเสียงดังจนทำให้อันหลิงเกอเลิกคิ้วขึ้น นางเดินออกจากด้านหลังฝูงชน

“เจ้าอยากพบเจ้าหน้าที่ของทางการใช่หรือไม่ พวกข้าจักส่งเจ้าไปเจอขุนนางเหล่านั้นเอง”

แววตาชายร่างผอมดูดีใจขึ้นมาแต่ได้ยินอันหลิงเกอกล่าวว่า “แต่ก่อนที่เจ้าจักไปพบขุนนางเหล่านั้นต้องให้พบคนผู้นี้เสียก่อน”

มิรอให้ผู้คนได้สงสัยว่าคนผู้นั้นคือใคร ทหารองครักษ์ก็เบียดเข้ามาจากกลุ่มคนและพาคนผู้หนึ่งเข้ามาด้วย

คนผู้นี้ชาวบ้านย่อมมิคุ้นเคยเพราะก็คือใต้เท้าเจียวที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งมาใหม่นั่นเอง

“ท่านโหว มู่ซื่อจื่อ นี่พวกท่านหมายความว่าเยี่ยงไรขอรับ ? ”

ใบหน้าเขามิได้มีรอยยิ้มอีกแล้ว มิว่าใครถ้าถูกจับตัวเอาไว้ย่อมมิมีทางอารมณ์ดี

ใต้เท้าเจียวถามด้วยความโกรธและแสดงท่าทางมิพอใจออกมา

อันอิงเฉิงยังมิทันเข้าใจ มู่จวินฮานก็ให้คนนำของออกมา

อัญมณีเรียงรายเปล่งประกายออกมา

อัญมณี ทองคำและเงินเหล่านั้นคือสมบัติล้ำค่าที่หายากและมีราคาแพง ล้วนสามารถดึงดูดใจผู้ที่ได้พบเห็น

“ใต้เท้าเจียวรับตำแหน่งได้มิถึงหนึ่งเดือน เหตุใดจึงมีสมบัติมากมายเช่นนี้ ? ”

เสียงของมู่จวินฮานมิได้ดังมาก ท่ามกลางความวุ่นวายยังทำให้ได้ยินมิกระจ่าง แต่มิรู้ด้วยเหตุใดทุกคนกลับฟังความหมายของเขาออก

ใต้เท้าเจียวผู้ที่เป็นนายอำเภอคนใหม่ต้องรับสินบนอย่างแน่นอน !

ใต้เท้าเจียวที่ถูกคนจับมาจากห้องนอน เดิมทีก็รู้สึกโกรธมากพอแล้ว แต่พอเห็นข้าวของพวกนี้ ความโกรธภายในใจราวกับถูกน้ำสาด เพราะตอนนี้เขารู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งร่างกายและร่องรอยของความกลัวก็ปรากฏขึ้นในหัวใจ

ของเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในห้องลับอย่างดี มู่จวินฮานใช้วิธีใดถึงให้คนนำของเหล่านี้ออกมาได้ แล้วเหตุใดเขาถึงมิรู้เรื่องอันใดเลย !

ที่น่ากลัวกว่านั้นคือการนำของเยี่ยงนี้ออกมาเปิดเผยคือการประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเงินของเขามาจากช่องทางมิถูกต้อง

สีหน้าใต้เท้าเจียวเปลี่ยนไปทันที แม้กระทั่งริมฝีปากก็ยังเริ่มซีด มู่จวินฮานจึงยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาราวกับกระบี่แหลมคม “หากใต้เท้าเจียวมิกล้าพูด อย่างนั้นข้ามู่ซื่อจื่อจักพูดแทนเจ้าเอง”

พอเขาเรียกแทนตนว่ามู่ซื่อจื่อ ผู้คนก็พากันตื่นตระหนกทันที เพียงรู้สึกว่าเหตุใดวันนี้ถึงมีแต่เรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นติด ๆ กัน

แต่ซื่อจื่อผู้นี้ดูมีเมตตา ชาวบ้านจึงมิได้หวาดกลัว ทุกคนตั้งใจรอฟังมู่จวินฮานเล่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดออกมา

“ฝ่าบาทแต่งตั้งเจ้าเป็นนายอำเภอ แต่เดิมก็ควรมีใจทำเพื่อราษฎรแก้ไขเรื่องโรคระบาดโดยเร็วที่สุด แต่เจ้ารับสินบนทำตามคำสั่งของผู้อื่น ตั้งใจยื้อเวลาให้โรคระบาดแพร่กระจาย สมบัติเหล่านี้เป็นสินบนที่พวกเขาให้เจ้าถูกต้องหรือไม่ ? ”

ใต้เท้าเจียวรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก เหตุใดซื่อจื่อผู้นี้ทำราวกับได้เห็นการณ์จริง ๆ เพราะสิ่งที่กล่าวออกมาทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง !

ทว่าข้อกล่าวหาพวกนี้ เขาย่อมมิยอมรับอยู่แล้ว

หากเขายอมรับข้อกล่าวหาเหล่านี้ อย่าว่าแต่ตำแหน่งขุนนางเลย กระทั่งชีวิตก็ยังรักษาไว้มิได้ !

ใต้เท้าเจียวแสดงใบหน้าขมขื่นแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ท่านมู่ซื่อจื่อหมายความเยี่ยงไร ? ท่านค้นของพวกนี้มาจากที่ใดกัน ? ”

เขามองอัญมณีเหล่านั้นด้วยแววตาเจ็บปวด แต่ก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

ของที่ซ่อนไว้ถูกค้นเจอ ทั้งยังเป็นสมบัติที่ได้มาจากการรับสินบน ยามนี้ถูกเปิดเผยต่อหน้าผู้คน เปิดเผยตรงหน้าท่านโหว เขาจักมิยอมรับว่ามันเป็นสมบัติตนอย่างเด็ดขาด

ระหว่างทิ้งสมบัติหรือทิ้งชีวิต ใต้เท้าเจียวย่อมเลือกประการแรก

น่าเสียดายที่แม้ใต้เท้าเจียวคิดแผนการไว้อย่างดี แต่มู่จวินฮานกลับมิคิดปล่อยเขาไป

“ของเหล่านี้ข้าค้นมาจากเรือนของใต้เท้าเจียว หรือจักบอกว่ามันคือสมบัติของนายอำเภอคนเก่า ? ”

มู่จวินฮานเอ่ยถามพร้อมยกยิ้มมุมปาก แต่ดวงตามิได้ยิ้มเช่นเดียวกับริมฝีปาก

ใต้เท้าเจียวลังเลอยู่ชั่วครู่ เมื่อตัดสินใจแล้วจึงพยักหน้ารับ “ถูกต้องแล้วขอรับ ข้ามิเคยเจอของพวกนี้มาก่อน หากพวกท่านค้นออกมาจากจวนนายอำเภอ เช่นนั้นก็คงเป็นไปได้อย่างเดียวว่ามันคือสมบัติของนายอำเภอคนก่อน”

“เยี่ยงนั้นหรือ แต่นายอำเภอคนก่อนถูกฝ่าบาทสั่งยึดทรัพย์ไปหมดแล้วย่อมมิเหลืออันใดไว้อีก สมบัติเหล่านี้จักโผล่มาได้เยี่ยงไร ? ” ดวงตาล้ำลึกของมู่จวินฮานจับจ้องไปที่ใต้เท้าเจียวและยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน

“ใต้เท้าเจียวรับสินบน มิสนใจชีวิตราษฎร ปล่อยให้โรคระบาดแพร่กระจาย ความผิดนี้มีโทษถึงประหาร ! ”

ใต้เท้าเจียวจึงมองอันอิงเฉิงด้วยแววตาแฝงไปด้วยความหวาดกลัว

“ท่านโหวขอรับ ข้าอยากส่งใต้เท้าเจียวไปที่ศาลต้าหลี่เมืองจิง มิทราบว่าท่านโหวมีความเห็นใดหรือไม่ขอรับ ? ”

“ข้าเห็นด้วยกับวิธีของเจ้า” อันอิงเฉิงฟังจนเข้าใจ จากนั้นก็หยิบสัญลักษณ์แทนราชโองการออกมา สัญลักษณ์ที่สลักลายมังกรได้ปรากฏสู่สายตาของทุกคนและอันอิงเฉิงก็ออกคำสั่ง “นำตัวใต้เท้าเจียวส่งไปยังศาลต้าหลี่ จากนี้ข้าและมู่ซื่อจื่อจักเป็นผู้ปกครองเมืองฉู่โจวชั่วคราว ! ”