“ฮี่ๆ ฉันเอง ในที่สุดก็มีโอกาสได้เจอรุ่นพี่แล้ว ตื่นเต้นจังเลย!”

เสียงที่ตื่นเต้นของพญางูขาวดังลอดออกมาอีกครั้ง

อันหลินถอนหายใจเบาๆ เริ่มแจ้งจุดนัดพบในอีกห้าวันข้างหน้ากับพญางูขาวคร่าวๆ จากนั้นก็ตัดสายอย่างฉับไว ทำไมถึงพูดว่า ‘ฉับไว’ นั่นเป็นเพราะอารมณ์ที่คลั่งไคล้ของพญางูขาว หากอันหลินไม่วางสาย เธอสามารถพูดเองเออเองไม่หยุดได้ทั้งวัน

หลังวางสายแล้ว ใบหน้าของเขาก็ฉายความกลัดกลุ้ม

ตอนนี้ คณะที่จะเข้าสู่สุสานโสว่หยางก็นับว่ายืนยันเรียบร้อยแล้ว

นักพรตแดนมนุษย์สองคนที่สรวงสวรรค์เลือก สร้างความประหลาดใจให้เขาไม่น้อยเลย

เขาคิดมาตลอดว่าคนที่เข้าสุสานต้องมีระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเป็นอย่างต่ำ แต่คิดไม่ถึงว่าการเลือกของสรวงสวรรค์กลับเสี่ยงอันตรายกว่าที่เขาคิดเสียอีก เลือกนักพรตระดับกายแห่งมรรคสองคนเสียอย่างนั้น

คุณสมบัติของเถียนหลิงหลิงดีมากจริงๆ ข้อนี้อันหลินก็สัมผัสได้เช่นกัน แต่พญางูขาวเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ากลุ่มไม่ใช่เหรอ ได้ยินว่าเป็นมือใหม่กายแห่งมรรคขั้นเจ็ด ปล่อยให้นางเข้าไปในสุสานคงไม่ได้ให้ไปตายหรอกนะ

เฮ้อ ท่าทางต้องสละเวลามาปกป้องพวกเธอหน่อยแล้ว

คิดได้ดังนั้น ความรับผิดชอบในฐานะกัปตันทีมก็เริ่มก่อตัว

หลังเถียนหลิงหลิงทราบเรื่องสำคัญเรื่องนี้แล้ว ครู่เดียวจิตใจก็สงบลง แกะมันฝรั่งทอดแล้วเคี้ยวกร๊วบๆ พลางดูทีวีไปด้วย ขาขาวเนียนนุ่มชันขึ้นวางบนโซฟา แก้มถูกมันฝรั่งทอดอัดแน่นจนพองขึ้น ดูเหมือนกระรอกที่เคี้ยวอาหารไม่หยุด

ตงฟางเสวี่ยกะพริบดวงตาคู่งาม รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรรู้ ก็เข้าอกเข้าใจไม่เอ่ยถึงมัน กลับกันเธอนำผลไม้ออกมาเป็นก่ายเป็นกองอย่างใส่ใจ ให้พวกอันหลินได้ชิม

กล่าวคือ ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปด้วยความผ่อนคลายอย่างยิ่ง

คฤหาสน์ของตงฟางเสวี่ยมีห้องว่างหลายห้อง อันหลินกับเถียนหลิงหลิงจึงถือโอกาสค้างที่บ้านเธอ

อันหลินยังยืมโน้ตบุ๊คจากตงฟางเสวี่ยมาด้วย อ้างว่าจะเล่นอินเตอร์เน็ต

ตงฟางเสวี่ยไม่คิดอะไร ยกโน้ตบุ๊คของตัวเองให้เขายืม

ดึกสงัดเงียบสงบ

ภายในห้องห้องหนึ่งของคฤหาสน์ อันหลินกับต้าไป๋สุมหัวกัน ลมหายใจของทั้งคู่ถี่กระชั้น

“พี่อัน เจ้าบอกว่าภาพของหญิงงามที่โป๊เปลือยนับหลายร้อยคนอยู่ในเจ้าเครื่องนี้งั้นหรือ” ต้าไป๋พูดพลางชี้โน้ตบุ๊ตอย่างลุ้นระทึก

“ใช่แล้ว อย่าดูถูกปัญญาของมนุษย์เชียวนะ อย่าว่าแต่รูปโป๊ของสาวสวยหลายร้อยคนเลย วิดีโอของพวกนางข้าก็หามาได้เหมือนกัน!” อันหลินพูดอย่างจริงจัง

“วิดีโอก็คือรูปที่เคลื่อนไหวได้ในโทรทัศน์นั่นใช่ไหม คุณพระ ทำไมถึงได้มีผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมปานนี้! โฮ่ง!” ดวงตากลมมนของต้าไป๋เบิกกว้าง แลบลิ้นออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ใช่แล้ว บนโลกใบนี้ไม่ไร้ซึ่งเทพธิดาที่สร้างความสุขแก่ชายโสด”

“สร้างความสุขให้หมาโสดด้วย โฮ่ง!”

“นี่เป็นความรักที่ไร้พรมแดน ไม่แบ่งเผ่าพันธุ์ด้วย!”

“ความรักไร้พรมแดน โฮ่ง!”

หนึ่งคนหนึ่งสุนัขเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ขณะเดียวกัน รูปของหญิงสาวที่ปราศจากอาภรณ์ก็โผล่ขึ้นมาในโน้ตบุ๊ค ทั้งคู่เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว

อาโออิ ยูอิ ฮาตาโนะ มาเรีย โอซาวะ อามามิ ซึบาสะ มิกุ โอฮาชิ คิรารา อาซูกะ มากิ โฮโจ เซริน่า ฮายาคาว่า…

“โอ้โฮ! พี่อัน ผู้หญิงพวกนี้สุดยอดทุกคนเลย! โฮ่ง!”

“มันแหงอยู่แล้ว ข้าตั้งใจเลือกเลยนะ”

“ผู้หญิงคนนี้ยิ่งใหญ่ดีจริง ข้าต้องการวิดีโอของนาง! โฮ่ง!”

“ได้เลย…ข้าจะดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้เลย…”

“ว้าว ผู้หญิงคนนี้ก็ช่างยุติธรรมยิ่งนัก ข้าขอวิดีโอของนางด้วย โฮ่ง!”

“ได้ๆ ๆ เอาหมดเลย…”

นี่เป็นราตรีอันเร้าใจ ชั่วชีวิตนี้ของต้าไป๋ไม่เคยเห็นหญิงงามโป๊เปลือยที่ขยับได้มากมายขนาดนี้มาก่อน มันทำให้ต้าไป๋ชื่นชมธุรกิจทางวัฒนธรรมของแดนมนุษย์ไม่ขาดปาก คิดว่าการมาแดนมนุษย์ครั้งนี้นั้นถูกต้องแล้ว เปิดประสบการณ์ครั้งใหญ่!

เช้าวันต่อมา

ตงฟางเสวี่ยเตรียมอาหารเช้าที่ประณีตสวยงาม ทั้งซาลาเปา เกี๊ยว บะหมี่ แต่ละอย่างล้วนเอมโอช

เถียนหลิงหลิง อันหลิน และต้าไป๋กินอย่างสบายใจเฉิบ ความสุขล้นทะลัก

มีเพื่อนที่ทำอาหารเก่งมันช่างดีเหลือเกิน ต้องรู้ว่าการกินเป็นความสุขอันดับหนึ่งของชีวิต และตงฟางเสวี่ยได้เติมเต็มความสุขอันดับหนึ่งของอันหลินแล้ว

หลังเพลิดเพลินกับมื้อเช้าอันโอชะเรียบร้อยแล้ว อันหลินก็ขี่ต้าไป๋มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงอีกครั้ง

เมื่อวานอันหลินแยกจากพ่ออย่างฉุกละหุก สองพ่อลูกยังอยู่ด้วยกันไม่เต็มอิ่มเลย

เป้าหมายแรกในครั้งนี้ของเขา ยังคงเป็นเขาเป่ยอู้เช่นเดิม

ทางด้านเถียนหลิงหลิง หลังอยู่กับต้าไป๋จนหนำใจแล้ว ก็เลือกจะอยู่ที่บ้านของตงฟางเสวี่ยต่อ ผ่อนคลายกับเพื่อนสักสองสามวัน

ค่ายกลบนเขาเป่ยอู้เปิดออก ชายขี่สุนัขคนหนึ่งทะยานลงมา

“สหายอันหลิน ไม่คิดเลยว่าวันนี้นายก็จะมาด้วย เรามาดื่มชาพูดคุยกันอีกดีไหม” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งยกมือขึ้นคำนับ เอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม

คนคนนี้คือชุยเจ๋อ อาจารย์ของอันหมิงชวนนั่นเอง ตอนนั้นอันหลินรีบร้อนกลับไป เขายังคุยไม่หนำใจเลย ตอนนี้ได้โอกาสอีกครั้ง ย่อมไม่ปล่อยไปง่ายๆ

“ได้เลยครับ บอกพ่อผมด้วย เรียกเขามาด้วยสิครับ” อันหลินพูดอย่างสดชื่น

ชุยเจ๋อได้ฟังก็ชะงัก “เอ่อ หมิงชวนไม่ได้บอกนายเหรอว่าเขาไปทำภารกิจ”

“อะไรนะครับ พ่อไปทำภารกิจงั้นเหรอ ภารกิจอะไร!” อันหลินกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าตกใจ

เขาขี่สุนัขปรี่มาแต่เช้า คิดว่าพ่ออยู่ในระดับกายแห่งมรรคขั้นห้า คงจะบำเพ็ญเพียรอยู่ที่เขาเป่ยอู้ตลอดเวลา ไหนเล่าจะรู้ว่าพ่อไปทำภารกิจอะไรนั่นด้วย

ชุยเจ๋อยิ้มบางๆ “หน่วยรบพิเศษของเรามักจะจัดตั้งภารกิจที่เกี่ยวข้องกับวงการบำเพ็ญเพียรอยู่บ่อยๆ ภารกิจเหล่านี้ไม่ได้บังคับ ยอมรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ พ่อนายรับภารกิจไปสำรวจความผิดปกติของพลังปราณที่เขาฉางไป๋ นำทีมโดยพลตรีเฉิงอิง ไม่ใช่ภารกิจที่อันตรายอะไรหรอก นายไม่ต้องห่วง”

“เกี่ยวข้องกับเขาฉางไป๋งั้นเหรอ” อันหลินขมวดคิ้ว

เรื่องนี้คนอื่นอาจไม่คิดว่าอันตราย แต่เขารู้เบื้องหลัง มันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะสุสานระดับเซียนสวรรค์จะเปิด เรื่องนี้ปรวนแปรมากเหลือเกิน เขาวางใจไม่ได้

“คุณลุงชุย ผมไปดูสถานการณ์ที่เขาฉางไป๋หน่อยดีกว่า เราค่อยดื่มชากันวันหลัง” อันหลินครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจกล่าวลา

“นี่ๆ เจ้าเด็กคนนี้…” ชุยเจ๋อยังอยากรั้งอีกสักหน่อย

แต่อันหลินกลับขี่สุนัขเหาะเข้าไปในกลีบเมฆในพริบตาประดุจสายลม อันตรธานหายไปแล้ว

“เหอะ ก็แค่ภารกิจธรรมดาไม่ใช่หรือไง ดูเขาทำท่ากังวลเข้าสิ…แต่หมิงชวนมีลูกชายที่ดีมากจริงๆ” ชุยเจ๋อพูดด้วยความอิจฉา กลับไปนั่งดื่มในศาลาเพียงลำพัง

ณ เทือกเขาฉางไป๋ ที่นี่เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทางวัฒนธรรมของชาวแมนจู ขณะเดียวกันก็เป็นเทือกเขาแบ่งเขตระหว่างประเทศจีนกับเกาหลีเหนืออีกด้วย

ท่ามกลางเทือกเขาสูงตระหง่านที่ทอดยาวเหยียด มีหมู่บ้านที่ตัดขาดจากโลกอยู่หมู่บ้านหนึ่ง

ชาวบ้านหลายสิบคนร้องครวญคราง พุ่งตัวใส่ผู้มาเยือนกลุ่มหนึ่งอย่างไม่กลัวตาย นัยน์ตาฉายประกายสีแดงก่ำ

แม้สีหน้าของชาวบ้านเหล่านี้จะเลื่อนลอย แต่การเคลื่อนไหวกลับคล่องแคล่วปราดเปรียว ประหนึ่งอสูรที่กระหายเลือดยิ่งนัก ซ้ำยังระเบิดพลังของกล้ามเนื้อจนถึงขีดสุดอีกด้วย แรงปะทะแบบนี้เพียงพอจะชนวัวตัวหนึ่งตายได้

แต่กลุ่มคนที่มีสมาชิกสิบห้าคนกลับไม่กลัวเกรง ดึงอาวุธออกมาพร้อมประจัญบาน

ท่ามกลางพลังปราณที่โหมซัด ทุกคนเป็นดุจยอดฝีมือสะท้านโลกา ทลายการพุ่งชนของชาวบ้านหลายสิบชีวิตอย่างง่ายดาย สังหารมนุษย์ที่คลุ้มคลั่งพวกนี้บัดนั้นทันที

“ว้าย!” หญิงสาวคนหนึ่งในทีมพลาดท่าถูกชาวบ้านที่กำลังคลุ้มคลั่งชนจนล้ม

จากนั้นชาวบ้านสองคนก็กางเล็บสีดำ โถมตัวเข้าไปจะฉีกร่างของหญิงสาว

ในตอนนั้นเอง ลำแสงสีน้ำเงินเส้นหนึ่งก็พุ่งผ่านไป ท่าของชาวบ้านที่ใบหน้าดุร้ายสองคนหยุดชะงักกับที่ กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งไปเสียแล้ว

“ลู่เสวี่ย ไม่เป็นไรใช่ไหม”

คุณลุงวัยกลางคนรูปหล่อคนหนึ่งยื่นมือออกไปดึงหญิงสาวให้ลุกขึ้นด้วยความอ่อนโยน

“ไม่เป็นไร ขอบคุณมากนะพี่อัน” ลู่เสวี่ยหน้าขึ้นสี มองคุณลุงตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง

เธอมีพลังยุทธ์ระดับกายแห่งมรรคขั้นเจ็ด แต่ยามเผชิญหน้ากับชาวบ้านที่คลุ้มคลั่งพวกนี้ อันหมิงชวนที่อยู่ในระดับกายแห่งมรรคขั้นห้ากลับประพฤติตัวได้ดีกว่าเธอเยอะโข ที่ทั้งคู่แตกต่างกันขนาดนี้ นอกจากอาวุธเทวะอย่างกระบี่น้ำค้างครามของอันหมิงชวนแล้ว จิตใจที่หนักแน่นไม่สะท้านต่อสิ่งใดของเขาก็เป็นสาเหตุที่สำคัญมากเช่นกัน

พลังต่อสู้ของทีมนี้นับว่าแข็งแกร่งมากทีเดียว พลังยุทธ์ของนักพรตทั้งสิบห้าคนไม่ด้อยเลย ไม่นานชาวบ้านที่จลาจลก็ถูกกำราบจนสิ้น

ชายฉกรรจ์ที่มีใบหน้าเคร่งขรึมยื่นมือออกไปสำรวจลมหายใจภายในร่างกายของชาวบ้าน คิ้วกลับขมวดมุ่น

“นี่เป็นการติดเชื้อพิษศพขั้นสูง บุคคลที่แพร่พิษมีพลังยุทธ์แก่กล้า พวกเราต้องเรียกกำลังเสริม!”

“พลตรีเฉิง แม้แต่พลังยุทธ์อย่างคุณก็รับมือไม่ได้เหรอ” ลู่เสวี่ยถามด้วยความตกใจ

เธอรู้ว่าเฉิงอิงเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลาง พลังยุทธ์ระดับนี้ถือเป็นกลุ่มคนขั้นสุดยอดในหน่วยรบพิเศษแล้ว ความสามารถระดับนี้ยังต้องเรียกกำลังเสริม ศัตรูร้ายกาจปานใดกัน

เฉิงอิงส่ายหน้า “พิษศพแบบนี้สามารถทำให้คนธรรมระเบิดพลังที่เหนือกว่าพละกำลังได้ถึงสิบกว่าเท่า บุคคลที่แพร่พิษต้องเป็นราชาศพระดับตัวเอ้แน่ๆ ฉันสู้โดยที่ไม่ได้เตรียมตัวไม่ได้”

ราชาศพระดับตัวเอ้งั้นเหรอ

ทุกคนต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ พวกเขารู้ว่าหากศัตรูเป็นราชาศพขั้นสุดยอดจริง ถ้าสู้ซึ่งๆ หน้า ทุกคนในที่นี้นอกจากเฉิงอิงที่มีโอกาสหลบหนีแล้ว คนที่เหลือต้องตายที่นี่กันหมดแน่

ในตอนนั้นเอง มือถือของอันหมิงชวนแผดร้อง

“ฮัลโหล หลินจื่อ จู่ๆ โทรมาทำไม”

“พ่อกำลังทำภารกิจอยู่”

“อะไรนะ ส่งพิกัดให้ลูก ลูกจะมางั้นเหรอ”

“ไม่ได้ ภารกิจนี้อันตรายมาก พวกเรากำลังเรียกกำลังเสริมแล้ว”

“ลูกสุดยอดมากงั้นเหรอ แกมาอวดอะไรกับพ่อตอนนี้!”

ทุกคนได้ยินคำพูดของอันหมิงชวน ใบหน้าต่างก็ฉายความฉงนสนเท่ห์

สุดท้ายอันหมิงชวนก็วางสายอย่างจนปัญญา

เขาส่งพิกัดในวีแชทแล้วเดินไปพูดต่อหน้าเฉิงอิงว่า “หัวหน้าเฉิง ลูกชายผมบอกว่าจะมาช่วยพวกเราที่นี่ เขาบอกว่าไม่ต้องเรียกกำลังเสริมแล้ว ต่อให้ศัตรูเป็นเทพ เขาก็ฆ่าให้พวกเราดู”

เฉิงอิง “…”