“พ่อค่ะ พ่อเข้าใจผิดแล้ว หนูไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ว่าเขาทำไมถึงไม่บอกพ่อ ไม่เป็นไร ตอนนี้เราก็เจอกันแล้วไม่ต่างกัน คุณพ่อ ดื่มชาก่อนค่ะ”
เส้นหมี่ยกยิ้มชงชาให้คนแก่แก้วหนึ่ง แล้วยื่นมันให้เขา
ดูเหมือนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คุณท่านมึนงง
นี่เธอไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?
หรือเมื่อกี้เขามองผิดไป ?
เขาอยากจะเห็นความผิดปรกติบางอย่าง จากท่าทีของเธอ
แต่แล้ว ใบหน้าอันเรียวเล็กที่นิ่งสงบนี้ กับการชงชาให้เขาด้วยท่าทีที่เรียบเฉย ดูไม่ออกจริงๆว่าเธอผิดปกติที่ตรงไหน
เป็นแบบนี้ ก็ดี
ในที่สุดคุณท่านก็เลิกสนใจ เขารับถ้วยชานั้นมา น้ำเสียงก็ผ่อนคลายอย่างมาก“ได้ ในเมื่อเรากลับมาแล้ว จะกลับบ้านเมื่อไร?”
เขายังเรียกตระกูลหิรัญชา ว่าเป็นบ้านของเธออยู่
เส้นหมี่ก้มหน้าแล้วมองไปยังกาต้มน้ำที่ยังมีไอระเหยอยู่จากนั้นก็ยกยิ้ม “ อีกสักสองสามวันนะคะ หนูต้องพาหลานชายกลับไปให้คุณพ่อด้วย ”
“หลานชาย?!!”จู่ๆคุณท่านก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที“นี่หมายความว่า……”
“ค่ะ ตอนนั้นด้วยความบังเอิญโชคดีที่รอดมาได้ หากเขาเห็นคุณพ่อ จะต้องดีใจมากแน่ๆ ”
เส้นหมี่มองไปยังชายชราด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม น้ำเสียงที่สงบนิ่ง ก็ราวกับพูดเรื่องทั่วๆไป
มีหลานชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน จะเป็นเรื่องปรกติทั่วไปได้ยังไงกัน?
คุณท่านช็อกอย่างที่สุด!
มือของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ขอบตาแดงขึ้นมาทันที
นี่เขายังมีหลานชายอีกคน……
เส้นหมี่มองดูเขาอย่างเงียบๆ จนผ่านไปหลายนาที เธอรู้ตัวว่าถึงเวลาต้องกลับแล้ว จึงวางถ้วยน้ำชาในมือลง
“คุณพ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ ”
“ห๊า?เราจะกลับไปไหน?”
“ตอนนี้หนูได้งานที่โรงพยาบาลแล้ว
เส้นหมี่ยืนขึ้น และพูดยืนยันกับชายชราอีกครั้ง
คุณท่านได้ยิน ก็ถึงได้เบาใจ
พอเส้นหมี่ออกจากสถานพักฟื้นไป
สิบนาทีต่อมา เคมีที่กำลังรอข่าวอย่างกระสับกระส่ายในตึกหิรัญชากรุ๊ป ในที่สุดก็ได้รับโทรศัพท์
“ผู้ช่วยเค คุณเส้นหมี่เธอไปแล้ว”
“ไปแล้ว ?”เมื่อเคมีได้ยิน หัวใจก็แทบจะหลุดกระเด็นออกมา “เธอไม่ได้พูดอะไรเหรอ ? หรือมีอะไรที่ผิดปกติไหม ? ”
“ไม่มีครับ เธอนิ่งมาก มีเพียงตอนที่เจอคุณท่าน ท่าทีตื่นตระหนกและตกใจ หลังจากนั้น เขาทั้งสองก็เข้าไปในห้อง และไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกเลยครับ ”
บอดี้การ์ดบอกเล่าทุกอย่างไปตามความจริงให้เขาได้ฟัง
ไม่มีอะไรเลยจริงๆเหรอ?
เคมีไม่อยากจะเชื่อ
แต่แล้ว ไม่ว่าเขาจะถามคำถามอะไร บอดี้การ์ดคนนี้ก็ยังพูดว่าเส้นหมี่ไม่มีอาการผิดปกติอะไร อีกทั้ง เขายังได้บอกกับชายหนุ่มว่า เส้นหมี่ได้กลับไปทำงานตามปกติ
หรือว่า พวกเขาจะคิดมากกันเกินไป?
เคมียังคงลังเล และแล้วก็ไปยังห้องทำงานของเจ้านาย
“ท่านประธาน ทางนั้นส่งข่าวมาแล้วครับ บอกว่าเธอออกไปแล้ว ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ สงบนิ่งมาก”
“……”
ห้องทำงานที่โปร่งโล่งและสะอาด แสนรักเองก็รออยู่นานแล้วเช่นกัน
เขายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่
นอกจากนี้ยังมีเสียงของประกายไฟที่ดังจี๊ดๆอยู่ตลอด
มันคือเสียงของบุหรี่ที่ถูกจุดเอาไว้ แต่ไม่ได้สูบ วางไว้บนที่เขี่ยบุหรี่ และในนั้น ก็มีก้นบุหรี่อยู่แล้วสี่ถึงห้าอัน
เมื่อเคมีเห็น ก็อดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลังวาบ
“หมายความว่าไง?”
“คือ……คือว่า คุณเส้นหมี่เธอไม่ได้โกรธ ดูเหมือนเธอ…… ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับเรื่องนี้เลยครับ”
เคมีตัวสั่นด้วยความกลัว และอธิบายเสริมมาอีกหนึ่งประโยค
ได้ยินดังนั้น เอกสารในมือของชายหนุ่ม ก็มีเสียงปิดกระแทกกันดัง“พลั่ก” ชั่วพริบตา ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น ว่าทอดถอนใจยาวด้วยความโล่งอก
ราวกับยกภูเขาออกจากอก!
แต่ก็เป็นเพียงสี่ถึงห้าวินาทีเท่านั้น และเขาก็ตกอยู่ในห้วงของความสับสนในอีกรูปแบบหนึ่ง
“ทำไมเธอถึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ?”
“ห๊า?”
เคมียอมแล้วกับเจ้านายคนนี้
ปฏิกิริยาอะไร? หรือเขาอยากให้หญิงสาวเต้นแร้งเต้นกางั้นเหรอ ? นี่เขาเป็นพวกชอบความรุนแรงหรือไง?
“ไม่ครับ ท่านประธาน เธอไม่มีปฏิกิริยาใดๆก็ถือเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอครับ ? แบบนี้จะได้ไม่สร้างปัญหา”
“นายจะไปรู้อะไร!เธอไม่โวยวาย นั้นก็หมายความว่าเธอไม่ได้สนใจมันเลย ?”
“ใช่ครับ เธอไม่ได้สนใจ”
เคมีเผลอพลั้งปาก
หลังจากนั้น เขาก็พบกับความน่ากลัว ภายในห้องทำงานดำดิ่งสู่ความเงียบสงัด และครั้งนี้ บรรยากาศก็น่ากลัวกว่าครั้งก่อนหน้านั้นมาก
โอ้แม่เจ้า คนคนนี้เขาเป็นอะไรไป?
เคมีไม่เข้าใจอารมณ์ของเจ้านายตัวเอง รู้สึกเพียงความเจ้าอารมณ์ของเขาทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับหญิงวัยทองยังไงอย่างนั้น!