ใกล้จะถึงยอดเขาลูกที่สี่แล้ว ห่างกันไกลมาก ฉีโส่วของหอสัญญาณที่สี่ก็โบกธงเพื่อให้พวกเขาหยุดและรับการตรวจสอบ

กู้ชูหน่วนตะโกนกับฉีโส่วทุกคนว่า “ตอนที่ใกล้หอสัญญาณห้าเมตรแล้ว ทุกคนกลั้นหายใจด้วยนะ”

ทุกคนพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง

กระเช้าลอยฟ้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อี้เฉินเฟยกลั้นหายใจไปด้วย อุดปากเย่เฟิงไปด้วย

กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดังไปด้วย สาดผงยาใส่ฉีโส่วที่อยู่บนหอสัญญาณไปด้วย “ข้าศึกๆ ด้านหลังมีศัตรูกำลังโจมตีพวกเราอยู่”

ผงยานั่นไม่รู้ว่าปรุงยังไง คุณภาพยาแรงมาก เพียงแค่สูดหายใจเข้าไปนิดเดียว ฉีโส่วบนหอสัญญาณทุกคนก็ล้มลงกันหมด

กู้ชูหน่วนสองมือพยุงกระโดดออกมาจากกระเช้า เปิดประตูรั้วเองแล้วให้กระเช้าไปต่อ ก็ถึงกระโดดกลับไปอีกครั้ง

ซี๊ด……

แม้อี้เฉินเฟยก็อดไม่ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ

แค่นี้……

ก็ทำให้ฉีโส่วบนหอสัญญาณที่สี่ล้มลงกันหมดแล้วเหรอ?

ถ้าไม่ได้เห็นเองกับตา เขาคงไม่อยากจะเชื่อ

“เจ้าตัวเล็ก เมื่อกี้เจ้าสาดอะไรลงไปน่ะ?”

“ยาจุ้ยหลิวเหลียนเป็นยาชนิดที่คล้ายกับยาเบื่อ ข้าเห็นบนหอคอยมีผงยาชนิดนี้เยอะมาก น่าจะใช้จัดการทาสบำเรอนะ ข้าทำเองมั่วๆ เพิ่มฤทธิ์ยาของยาจุ้ยหลิวเหลียนเป็นร้อยเท่า ไม่ถึงสามวัน พวกเขาไม่มีทางตื่นขึ้นมาแน่นอน”

“จอมยุทธ์หญิง ท่านเก่งจริงๆ” ทาสบำเรอต่างก็มองนางด้วยสายตานับถือยกย่อง

ในตอนที่พวกเขาไม่ทันระวังนั้น ทันใดนั้นไส้เชือกก็เกิดเสียงดังเอี๊ยด พวกเขาหยุดอยู่กลางอากาศ เข้าไม่ได้ ออกก็ไมได้

พวกทาสบำเรอลนลานกันหมด แต่ละคนเกาะขอบของกระเช้าเอาไว้แน่น

กู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยมองไปที่หอสัญญาณที่สี่ เห็นมียอดฝีมือระดับสองที่ไม่รู้ว่าเอาสติที่แข็งกล้ามาจากไหนอยู่บนหอสัญญาณที่สี่รางๆ ทั้งที่โดนยาเข้าไปแล้ว กลับยังดึงที่หยุดฉุกเฉินได้ และบังคับให้กระเช้าหยุดวิ่งต่อ

“ข้าไปจัดการเขา เจ้าไปต่อเลย”

อี้เฉินเฟยพูดจบ ไม่รอกู้ชูหน่วนตอบ กลับเหยียบกระเช้า บินออกไปกลางอากาศ

หมัดทะลุฟ้า แรงอาฆาตอบอวลไปทั่ว ทุกคนอยู่ห่างมาก มองไม่ออกว่าพวกเขาต่อสู้กันยังไง รู้แค่ว่ามีเสียงกึกดังขึ้น กระเช้าก็วิ่งต่อไปได้

ในความมืดมิด อี้เฉินเฟยลอยกลับมาเหมือนภูตผีในยามค่ำคืน

กล้วยไม้บานสะพรั่งในคืนที่มืดมิด กลายเป็นภาพที่สวยงามและสว่างไสว

เมื่อเห็นกล้วยไม้เหล่านี้แล้ว สีหน้าพวกทาสบำเรอก็ซีดเซียวกันหมด พูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนว่า “ดอกกล้วยไม้ดอกนี้เป็นสัญลักษณ์ของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้รู้ว่าพวกเราหนีออกมาแล้ว ทำยังไงดี เขาจะตามมาหรือเปล่า”

“ลนลานไปไย ผ่านไปอีกสามที่ก็ออกไปได้แล้ว อย่ากลัวไป”

เย่เฟิงมึนเมาจนแทบหลับ แต่ก็พยายามบังคับให้ตัวเองตื่น หนังตากลับหนักจนลืมตาไม่ขึ้น

แต่พอได้ยินชื่อดอกกล้วยไม้รวมไปถึงหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ เขาก็กัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดซิบ พยายามปลุกให้ตัวเองตื่นตลอดเวลา

“เร็ว……รีบหนีไป หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะไล่ตามมาแล้ว” เย่เฟิงพูดเสียงเบามาก กู้ชูหน่วนกลับได้ยินอย่างชัดเจน

“มีวิธีไหนที่จะสามารถออกจากที่นี่ได้โดยเร็วไหม?”

“ประตูรั้วหอสัญญาณแต่ละหอ มี……มีปุ่มสีแดงอันหนึ่ง กดปุ่มสีแดงนั้น ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”

อี้เฉินเฟยเงยหน้าขึ้น กลับเห็นฉีโส่วยืนถืออาวุธอยู่บนหอสัญญาณที่สามกันเต็มไปหมด ทุกคนมองพวกเขาเป็นศัตรูทั้งหมด รอพวกเขามาติดกับดักเอง

หนึ่งในนั้นยังมีมือยิงธนูอยู่มาก

“หอสัญญาณที่สามข้าจัดการเอง เจ้าพาพวกเขานำหน้าไปก่อน อย่าได้ถอยหลังกลับมาเด็ดขาด”

“ได้”

หอสัญญาณที่สาม นับเป็นศึกชี้ชะตา