“ให้ตายสิ หมาลามกเห็นผีดิบยังเลือดกำเดาไหล ไปให้พ้น ข้าไม่มีสัตว์เลี้ยงอย่างเจ้า!”

อันหลินมองต้าไป๋ที่เลือดกำเดาไหลเป็นทาง ความโมโหก็ปะทุ

ตนเปิดตัวด้วยความเท่ กลับถูกมันทำลายไปแบบนี้ จะไม่โมโหได้อย่างไร

เทพศพถูกต้าไป๋ผลักล้ม ความโกรธกริ้วก็ปรากฏบนใบหน้า

“ไปให้พ้น!”

เธอตวาดลั่น พลังงานสีน้ำเงินแผ่กระจายออกจากตัว กระแทกต้าไป๋กับอันหลินจนกระเด็นกระดอน

“ต้าไป๋ เจ้าจัดการผีดิบสีทองสองตัวนั้น ผีดิบสาวนี่ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”

อันหลินชักกระบี่พิชิตมารออกมาแล้วออกปากสั่ง

ต้าไป๋ยังคงมองผีดิบสาวแสนยั่วยวนตาละห้อย

เมื่อคืนมันดูรูปถ่ายสาวสวยแดนอาทิตย์อุทัยหลายร้อยคน ไม่มีใครรูปร่างดีไปกว่าหญิงสาวตรงหน้า

มันกลืนน้ำลาย “พี่อัน…แลกกันไม่ได้หรือ”

“…แลกกับผีอะไร เจ้าสู้ระดับแปลงจิตได้หรือ” อันหลินเห็นต้าไป๋ไม่ล้มเลิกความคิดชั่วร้าย ก็ตวาดอย่างไม่สบอารมณ์ทันที “อย่าทำให้ข้าขายหน้า กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่าเจ้าลามก”

“อ่อ…” ต้าไป๋เหาะกลับไปอยู่กับอันหมิงชวนอย่างเศร้าสร้อย ยืนข้างเฉิงอิงขวางหน้าทุกคน ยกมือขึ้นเช็ดเลือดกำเดา

เทพศพลุกขึ้นยืน นัยน์ตาดำขลับจ้องอันหลินเขม็ง “อาจหาญหยาบคายกับข้าเช่นนี้ อย่าโทษว่าข้าให้เจ้าลิ้มลองความทรมานที่พลังหยินนับหมื่นกัดกินใจเจ้า”

สิ้นเสียง เนื้อตัวถูกไอสีน้ำเงินห้อมล้อมตั้งแต่หัวจรดเท้า

ไอเหล่านั้นแฝงด้วยพลังที่เย็นเยียบ ทำให้อากาศแข็งตัว แมกไม้รอบกายถูกชั้นน้ำแข็งเคลือบ สมาชิกที่อยู่ค่อนข้างใกล้สั่นระริกอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

ติ้ง

ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ระบบภายในสมองอันหลินก็สว่างวาบ

แถบภารกิจพิเศษส่องแสงสีทองแปลบปลาบอีกแล้ว

เขาเปิดดูภารกิจอย่างไม่ลังเล

‘ตรวจสอบพบว่าโฮสต์สัมผัสไอเย็นจันทรา จึงมีภารกิจดังนี้’

‘ดูดไอเย็นจันทราของเทพศพ ปลุกปราณหยิน วิธีการดูดคือ ใช้เคล็ดวิชาดูดพลังทางปาก’

‘ภารกิจสำเร็จ ปลุกพลังปราณหยินขั้นหนึ่ง’

‘ภารกิจล้มเหลว กลายเป็นมนุษย์น้ำแข็งสามวัน’

‘ป.ล. มีเวลาจำกัดครึ่งชั่วยาม พลังหยินหยางพบเจอได้ยาก ควรให้รู้จักรักษา’

อันหลิน “…”

พอเขาอ่านภารกิจพิเศษนี้เสร็จ ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มสบถจากตรงไหน

หลังสืบทอดธาตุทองไม้น้ำดินไฟ ลม สายฟ้า และบำเพ็ญจิตแล้ว ในที่สุดแถบหยินหยางก็มีวิชาโผล่มาให้เห็นแล้ว แต่เขาควรจะดีใจที่ตัวเองมีวิชาใหม่หรือไม่

เงื่อนไขภารกิจจะต้องจูบเลยนะ! ถึงเทพศพจะหน้าตาใช้ได้ แต่จะให้ปากแตะปากจริงๆ เหรอ

จูบแล้วจะท้องหรือเปล่า

เขามองเทพศพที่ดุดันก้าวร้าว เตรียมจะโจมตีตัวเอง พลันก็รู้สึกอัดอัดในใจ สับสนลังเลเหลือเกิน

“กระบี่หมื่นหยินตรึงวิญญาณ!”

เทพศพกวาดมือกลางอากาศ กระบี่สีน้ำเงินเล่มหนึ่งก่อตัวในมือ

ชั่ววินาทีนั้น ราวกับทุกสรรพสิ่งในโลกแข็งตัว มีเพียงร่างของเธอที่ว่องไวดุจสายลม พุ่งใส่อันหลิน กระบี่ในมือตวัดลงมาพร้อมกับเสียงโหยหวนของผีดิบ

อันหลินได้สติ ต้านกระบี่ของเทพศพด้วยท่าพื้นฐานของหกกระบี่เทพสงคราม

ครืน! ผืนพสุธาปริแตก สายลมเย็นเยียบกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้ต้นหญ้าในรัศมีหนึ่งลี้แข็งตัว!

เฉิงอิงใช้ค่ายกลดาบเปลวเพลิงกำบังคลื่นลูกหลงแทนทุกคน กลับถูกพลังงานเย็นเยือกกระแทกจนร่นถอย เนื้อตัวสั่นเทา

“พี่อัน พี่ว่าผู้อาวุโสอันหลินจะเอาชนะเทพศพได้ไหม” ลู่เสวี่ยกำมือแน่น มองการต่อสู้ตรงหน้าอย่างลุ้นระทึก ร่างกายอิงแอบชิดกายอันหมิงชวนอย่างไม่รู้ตัว

เมื่ออันหมิงชวนได้ยินว่าเธอเรียกตนว่าพี่อัน กลับเรียกลูกชายว่าผู้อาวุโส ในใจก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ แต่ความเชื่อมั่นที่เขามีต่อลูกชายไม่เคยลดลงเลย จึงเอ่ยวาจาปลอบโยนไปว่า “ไม่ต้องห่วง ลูกชายฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ต่อให้เป็นเทพ ก็จะฆ่าให้เราดูน่ะ”

สมาชิกได้ยินดังนั้นก็พากันเพ่งสายตามองอันหลินด้วยความคาดหวัง แม้ความหวั่นวิตกในใจจะไม่ลดลงมากนัก แต่พวกเขาก็รู้ดีว่า นี่เป็นความหวังเดียวในการรอดชีวิตของพวกเขาแล้ว

อันหลินในสมรภูมิรบตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ลำแสงสีน้ำเงินจากเทพศพทอดยาวไม่สิ้นสุด ทุกกระบวนท่าเหมือนจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่งให้ได้ แต่อันหลินกลับทำได้เพียงใช้กระบี่พิชิตมารต้านกระบี่ของเทพศพเท่านั้น ไม่สามารถตอบโต้ได้เลย

สมาชิกสิบกว่าคนไม่เข้าใจ คิดว่าเทพศพแข็งแกร่งเกินไป แต่ละคนล้วนมองดูสถานการณ์รบด้วยความตึงเครียด

ต้าไป๋ที่กำลังต่อสู้กับผีดิบสีทองกลับงุนงงยิ่งนัก

ต้าไป๋เป็นบุคคลที่รู้จักความสามารถของอันหลินดีที่สุด มันรู้ดีว่าอันหลินสามารถใช้หกกระบวนท่าของหกกระบี่เทพสงครามสังหารเทพศพตนนี้ พี่อันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

ไม่มีใครรู้เลยว่า อันหลินกำลังเผชิญหน้ากับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่บัดซบมากแค่ไหน

จูบหรือไม่จูบ

เขาเพ่งพิศเทพศพ ใบหน้ารูปไข่ที่งามเพริศพริ้ง รูปร่างเย้ายวนเหนือคำบรรยาย ผิวขาวปลอดเคล้าสีดำที่ลุ่มลึก เห็นได้ชัดว่าแฝงด้วยไอเย็นจันทราที่หนาแน่นอย่างยิ่ง

“โฮะๆ ๆ…หนุ่มน้อยต้านไม่ไหวแล้วสินะ ให้ข้าช่วยกระตุ้นเจ้าดีกว่า…” เทพศพเห็นอันหลินที่ยิ่งต้านก็ยิ่งเหนื่อยล้าขึ้นทุกที จึงแลบลิ้นสีเรื่อเลียริมฝีปากที่แวววาวอย่างอดไม่ได้

กระบี่สีน้ำเงินในมือของเธอกวัดแกว่งรุนแรงยิ่งกว่าเดิม!

เมื่อการโจมตีของกระบี่ทวีความรุนแรง เอวคอดกิ่วของเทพศพก็ส่ายอย่างบ้าคลั่ง ลูกบอลหิมะด้านหน้ายิ่งกระเพื่อมจนลายตา

ในที่สุดอันหลินก็ทนไม่ไหว สบถด่าดังลั่นว่า “บัดซบ! จะดูถูกกันเกินไปแล้ว!”

กลิ่นอายของเขาแปรเปลี่ยนทันใด กระบี่พิชิตมารดำเมียมดุจถ่านถูกกระแสลมสีขาวปกคลุมโดยพลัน ฟันกระบี่หมื่นหยินตรึงวิญญาณของเทพศพด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาดจนขาดสะบั้น

เทพศพตกตะลึง ไม่คิดว่าอันหลินจะมีเพลงกระบี่ที่น่ากลัวเช่นนี้

แต่เธอยังไม่ทันตั้งตัว ท่าที่สองของอันหลินก็มาเยือนแล้ว

กระบี่พิชิตมารแหวกอากาศ ทะลวงแขนของเธอจนเลือดสีน้ำเงินพุ่งทะลัก

ชั่วอึดใจต่อมา อันหลินก็โถมตัวใส่เทพศพจนเธอหงายหลัง ขณะเดียวกันสองมือก็ตรึงแขนของเธอไว้แน่น ร่างกายคร่อมทับตัวเธอ

เหล่าสมาชิกที่เห็นฉากนี้ต่างก็เบิกตากว้าง

ต้าไป๋ที่กำลังเด็ดหัวผีดิบสีทองจ้องอันหลินอย่างตะลึงงัน อ้าปากหวอ

ท่วงท่าที่โถมตัวทับช่างได้มาตรฐานเสียนี่กระไร ได้มาตรฐานกว่ามันเสียอีก!

เทพศพเบิกตากว้าง มองชายตรงหน้าด้วยความงุนงง

สู้โว้ย!

อันหลินสูดหายใจเข้าลึก ใช้เคล็ดวิชาดูดพลัง ก้มศีรษะลง เข้าใกล้ริมฝีปากเย้ายวนของหญิงสาวตรงหน้า

ริมฝีปากของหญิงสาวตรงหน้าซีดเซียวแวววาว เนื้อสัมผัสคงจะเย็นเยียบ

เทพศพเผยอปากน้อยๆ ไอเย็นเบาบางถูกพ่นออกมารดจมูกของอันหลิน

อันหลินคิดว่าหากได้จูบปากนี้ น่าจะเหมือนเยลลี่ผลไม้ที่หยิบออกมาจากตู้เย็น รสหวานมีความเย็นเจือปน

แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สำคัญที่ริมฝีปากของเขาอยู่ห่างจากปากของเทพศพไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรแล้วนี่สิ!

สมาชิกสิบกว่าชีวิตตัวแข็งเป็นหิน มองภาพเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย

อันหมิงชวนก็กลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว ต้าไป๋เหมือนค้นพบโลกใบใหม่

บัดนี้แม้แต่เทพศพที่รักสนุกมาตลอดก็งุนงง ลืมขยับเขยื้อนร่างกาย