ตอนที่ 92 สิทธิพิเศษของผู้ฝึกยุทธ์ (1)
โจวอวิ๋นพาทั้งสองเดินรอบมหาวิทยาลัย แนะนำสิ่งก่อสร้างที่ตั้งเรียงรายตลอดทาง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ค่อยนำทั้งสองคนมาถึงจุดต้อนรับ
แม้จะชมสถานที่บางส่วนไปแล้ว แต่ยังถือว่าเป็นพื้นที่เล็กๆ ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น พื้นที่สามหมื่นหมู่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินให้ทั่ว
รอจนมาถึงจุดต้อนรับ สถานการณ์ไม่เหมือนกับที่ฟางผิงมาครั้งก่อนแล้ว
ครั้งนี้นักศึกษาใหม่ต้องรายงานตัว และแบ่งหอพักที่นี่ ตอนนี้จุดต้อนรับจึงเต็มไปด้วยคนจำนวนมาก
พนักงานกว่าสิบคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ต่างกำลังทำงานกัน
หญิงกลางคนที่ฟางผิงเจอเมื่อครั้งก่อน เวลานี้กำลังยุ่งกับการทะเบียนและยื่นกุญแจให้นักศึกษา
ครู่ต่อมาเมื่อจัดการเรื่องให้นักศึกษาเสร็จ เธอจึงเงยหน้ายืดเส้นยืดสาย ก่อนจะพบเข้ากับฟางผิง หญิงกลางคนทักทายด้วยรอยยิ้ม “นักศึกษาฟางผิง ทางนี้!”
—
โจวอวิ๋นอึ้งไปเล็กน้อย หันไปมองฟางผิง “นายมีคนรู้จัก?”
“ผมล่วงหน้ามามหาวิทยาลัย ครั้งก่อนคุณป้าคนนี้ช่วยจัดการให้ผมพักในโรงแรม”
“อ๋อ มีคนรู้จักก็ดี จะได้ไม่ต้องต่อแถว”
โจวอวิ๋นสุขใจไม่น้อย พาฟางผิงและกัวเซิ่งเดินไปทางนั้นทันที
—
“อาจารย์ ไม่ต้องเข้าแถวเหรอครับ? น่าจะเป็นคิวผมนี่นา?”
ตอนที่พวกฟางผิงเดินเข้ามา นักศึกษาใหม่ที่อยู่ด้านหน้าหญิงกลางคนอดถามไม่ได้
หญิงกลางคนเหลือบตามองนักศึกษาปีสูงที่อยู่ด้านข้างเขา นักศึกษาชายที่รับผิดชอบนำทางคนนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยสามสิบแปดแคลครับ”
หญิงกลางคนเข้าใจทันที เอ่ยเรียบนิ่ง “กฎของมหาวิทยาลัย ให้สิทธิพิเศษผู้ฝึกยุทธ์เป็นอันดับแรก!”
“หา?”
นักศึกษาใหม่ตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าเขาจะได้รับคำตอบแบบนี้
หญิงกลางคนกลับไม่สนใจเขาอีก นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ต่างเป็นอัจฉริยะ ปราณหนึ่งร้อยสามสิบแปดแคล ถ้าเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปก็คงเป็นอัจฉริยะท่ามกลางอัจริยะอยู่ดี
แต่ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มีนักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์อยู่จำนวนหนึ่งเช่นกัน ใครยังจะสนใจคนพวกนี้?
ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเกรงอกเกรงใจพวกเขาเสียหน่อย แม้คนพวกนี้จะไม่พอแล้วจะทำอะไรได้?
ไม่ใช่ว่าเธอปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา แต่นี่เป็นกฎของมหาวิทยาลัย!
ผู้ฝึกยุทธ์นั้นมีสิทธิพิเศษเป็นอันดับแรก!
ไม่พอใจก็ไปเพิ่มปราณทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์เอาเองสิ!
หากจะคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงที่จุดต้อนรับคนหนึ่ง คนประเภทนี้คงไปได้ไม่ไกลอยู่แล้ว หญิงกลางคนไม่เกรงกลัวนักศึกษาแบบนี้แต่อย่างใด
เธอไม่สนใจอีกว่านักศึกษาคนนี้จะมีปฏิกิริยายังไง รอฟางผิงเดินเข้ามา หญิงกลางคนค่อยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นักศึกษาฟางผิง พักในโรงแรมเป็นยังไงบ้าง? ถ้าไม่พอใจตรงไหน ทางพวกเรานั้นพร้อมรับคำวิจารณ์”
“ขอบคุณครับคุณป้า พอใจมาก ผมอยู่ที่นั่นจนแทบไม่อยากย้ายออกเลย”
“งั้นก็ดีแล้ว”
หญิงกลางคนยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ค่อยเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ฉันช่วยเลือกดูให้คุณแล้ว หอพักนั้นใช้ได้ทีเดียว ฉันเลยไม่คิดปรับเปลี่ยนแล้ว”
ขณะที่พูดเธอยังไม่ตรวจบัตรประชาชนและหนังสือตอบรับมหาวิทยาลัยของฟางผิงเหมือนคนอื่น หญิงกลางคนกรอกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไปทันที
ไม่นาน เธอก็ส่งกุญแจให้ “หอพักนักศึกษาใหม่โซนหนึ่ง ห้องแปดสิบหก”
ฟางผิงรีบรับกุญแจมาอย่างงุนงงอยู่บ้าง การจัดสรรหอพักของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้เท่าไหร่
โจวอวิ๋นที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างอิจฉา “ได้ไปอยู่โซนหนึ่งเลย ฉันจำได้ว่าปีก่อนที่เพิ่งมาถูกจัดไปอยู่โซนสาม…”
หญิงกลางคนเบะปาก “เป็นนักศึกษาปีสูงแล้ว ยังต้องให้ฉันสอนคุณอีก? มีความสามารถเท่าไหร่ก็จะได้รับการปฏิบัติดีเท่านั้น นักศึกษาฟางผิงไปอยู่โซนหนึ่งไม่สมควรหรือยังไง?”
โจวอวิ๋นไม่ได้โกรธอะไร พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ถูกของคุณ ป้าจาง ช่วยผมลงทะเบียนให้นักศึกษาใหม่คนนี้ด้วยสิ”
ขณะที่พูดยังชี้ไปทางกัวเซิ่งที่ตอนนี้กำลังยืนทำหน้าเหลอหลา
หญิงกลางคนไม่ปฏิเสธ รับบัตรประชาชนและหนังสือตอบรับมาจากนายอ้วน กรอกข้อมูลลงไป ก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย “โซนหนึ่ง ห้องหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้า”
“โห…”
โจวอวิ๋นลอบชม หันไปมองกัวเซิ่งด้วยรอยยิ้ม “พ่อนายยัดเงินเท่าไหร่กัน?”
กัวเซิ่งใบหน้าแดงก่ำ “เปล่าสักหน่อย นี่…นี่มันผิดปกติหรือไง?”
“ฮ่าๆ…”
โจวอวิ๋นหัวเราะลั่น นักศึกษาปีสูงไม่กี่คนที่อยู่ด้านข้างต่างอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน
โจวอวิ๋นไม่ทันเปิดปาก กลับมีคนพูดขึ้นก่อน “โซนหนึ่งมีทั้งหมดสองร้อยห้อง หนึ่งร้อยห้องแรกนั้นแบ่งตามคะแนนนักศึกษา ส่วนหนึ่งร้อยห้องที่เหลือแบ่งให้ตามการสนับสนุน ค่าสนับสนุนน่ะเข้าใจหรือเปล่า? ฉันกล้าพนันว่า ที่บ้านนายต้องให้ค่าสนับสนุนสองแสนเป็นอย่างต่ำ!”
“สองแสน? ฉันว่าปราณเขาไม่ได้สูงเลย น่าจะสักสามแสนมากกว่า”
“ตอนนี้ห้องในโซนหนึ่งขึ้นราคาแล้วมั้ง?”
“…”
พวกนักศึกษาปีสูงพากันถกประเด็นนี้ขึ้นมาอย่างสนุกปาก นายอ้วนนั้นใบหน้าร้อนฉ่านานแล้ว
ใช้เส้นสายก็แล้วไป แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนรู้เนี่ยสิ แถมไม่ใช่แค่คนสองคนด้วย!
หญิงกลางคนเห็นพวกเขาพูดกันสนุกสนาน จึงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เสียงดังอะไรกัน ที่บ้านมีเงินถือเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งเหมือนกัน มีทรัพยากรก็ต้องใช้ มีอะไรไม่ถูกกัน อีกอย่างท้ายที่สุดค่าสนับสนุนต้องไปตกที่พวกคุณอยู่ดี นี่เรียกว่าการกระจายความเหลื่อมล้ำ ไม่งั้นพวกนักศึกษาที่ขาดแคลนจะมีทรัพยากรตกถึงมือได้ยังไง!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างหัวเราะไม่ออกอีกแล้ว
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เหมือนจะเห็นแก่เงิน เหมือนเลือกปฏิบัติ แต่ค่อนข้างให้ความยุติธรรมกับนักศึกษา
มีความสามารถ คุณเอาทรัพยากรไป แต่ถ้าไม่มี ก็พยายามไม่ให้คุณรั้งอยู่ข้างหลังคนอื่นจนเกินไปเช่นกัน
การจัดสรรหอพักสามารถใช้เงินได้ เป็นเรื่องเที่ยงตรงโปร่งใส ปกตินั้นสองแสนเป็นอย่างต่ำ
ทุกปีมีค่าสนับสนุนต่อห้องกว่าสองแสน บางครั้งสูงถึงสี่ห้าแสนด้วยซ้ำ
เงินพวกนี้เอาไปใช้กับอะไร?
เหมือนที่หญิงกลางคนพูด ไม่พ้นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยไม่ได้ขาดแคลนเงินพวกนี้จนต้องฮุบไว้เสียหน่อย
แน่นอนว่าเงินไม่กี่แสน สำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นน้อยมาก ยิ่งแบ่งกันเยอะยิ่งน้อยลงไปอีก
แต่นี่ก็เป็นแสดงท่าทีอย่างหนึ่ง บอกลูกหลานคนรวยว่า คุณสามารถใช้เงินเพื่อแลกกับการถูกปฏิบัติที่ดีกว่าคนอื่น ทั้งบอกนักศึกษาที่บ้านจนว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้เอาเงินก้อนนี้ไป ถ้าคุณพยายาม เงินก้อนนี้จะตกเป็นของคุณ แม้จะพักอยู่ที่ด้อยกว่าคนอื่นจะเป็นไรไป ใช้ความสามารถช่วยสิ คุณทำได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว! ดังนั้นเรื่องที่ทุกคนหัวเราะเยาะพวกนักศึกษาบ้านรวยที่ใช้เงินซื้อสภาพแวดล้อมให้ตัวเอง ความจริงพวกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร บางเรื่อง ขอแค่ทำอย่างโปร่งใส พวกนักศึกษาสามารถชั่งน้ำหนักพิจารณาได้เองอยู่แล้ว
แต่การลอบทำเรื่องลับหลังเหมือนกัวเซิ่ง เกรงว่าคงจะทำให้หลายคนไม่พอใจ
โจวอวิ๋นไม่หยอกล้อกัวเซิ่งอีก ได้กุญแจมาแล้ว เอ่ยทันทีว่า “ไปเถอะ จะพาพวกนายไปดูหอพัก ต่อจากนี้ไม่เหลือหน้าที่ฉันแล้ว มหาวิทยาลัยจะจัดการเอง”
“คุณป้า ผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้ามีเวลาว่างจะมาหาคุณใหม่”
ฟางผิงบอกลาหญิงกลางคน ไม่รู้เป็นเพราะหญิงกลางคนประเมินเขาไว้สูงหรือเปล่าถึงจัดการเรื่องราวให้ แต่อีกฝ่ายนั้นมีเมตตากับเขาจริงๆ
หญิงกลางคนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ไม่ร่ำรี้รำไรต่อ รีบลงทะเบียนให้นักศึกษาคนต่อไป
รอจนพวกฟางผิงออกไปแล้ว นักศึกษาที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ฟางผิง ค่อยเอ่ยอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง “อาจารย์ คนเมื่อกี้ปราณเท่าไหร่เหรอครับ?”
ให้สิทธิพิเศษผู้ฝึกยุทธ์ก่อน แม้เขาจะยอมรับ แต่ตอนนี้เขาไม่รู้เรื่องของฟางผิงเลย ต้องไม่ค่อยพอใจอยู่แล้ว
“หลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว”
หญิงกลางคนพูดโดยไม่เงยหน้า “โซนสาม ห้องหนึ่งร้อยหกสิบแปด”
———————–