EP.310 กินคน

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ หลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซีก็ติดตามนักปราชญ์หลิงหูเหยียนออกประตูเมืองอสูร พวกเขาเดินตามทางไปยังส่วนลึกของป่านิรันดร์ มีซากศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนแห่ง ถนนสายนี้เป็นสายหลักที่กองทัพทหารแห่งเมืองชีไห่ต่อสู้กันเมื่อไม่กี่วันก่อน บนถนนเต็มไปด้วยรอยเท้าม้ายุ่งเหยิง ขณะที่สองข้างทางมีศพของทหารแห่งจักรวรรดิส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลพร้อมแมลงวันบินตอมขวักไขว่

ถังเสี่ยวซีขมวดคิ้ว ทหารเหล่านี้มาจากมณฑลชีไห่ ซึ่งหมายความว่าเป็นคนจากตระกูลถัง การเห็นพวกเขามาตายต่างแดนเช่นนี้ทำให้ถังเสี่ยวซีรู้สึกเศร้าใจ

หลินมู่อวี่สังเกตเห็นท่าทางของถังเสี่ยวซี จึงขี่ม้าเข้ามาใกล้และจับมือ “หากทหารกลุ่มนี้ไม่สละชีวิตในการต่อสู้ ข้าเกรงว่าประตูเมืองอสูรคงพังก่อนที่ข้าจะมาถึง การเสียสละของพวกเขามีค่ามาก”

“อืม…”

ถังเสี่ยวซีไม่พูดอะไร ทว่านางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการเสียสละครานี้มันไร้ค่า นี่เป็นสงครามที่ไร้ความหมายโดยแท้จริง

ทั้งสองข้างทางมีการจุดคบเพลิงส่องสว่าง ทหารของเผ่าจิ้งจอกคอยสอดส่องดูแลตลอดเวลา ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังป้องกันการโจมตีของเผ่าพันธุ์งูและเผ่าพันธุ์กิ้งก่า เนื่องจากเผ่าพันธุ์จิ้งจอกนั้นฉลาดและรู้ความสำคัญของ ‘ราชินี’ ทว่าอีกสองเผ่าไม่ต่างจากสัตว์ป่าธรรมดา พวกมันไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพต่อใครทั้งสิ้น

ตามดังคาด ห่างออกไปไม่ไกล มีทหารงูโผล่ออกมาเต็มสองข้างทาง พวกมันถือขวานศึก หอก และศาสตราวุธต่างๆ ในมือ ขณะที่จ้องมองถังเสี่ยวซีและหลินมู่อวี่ด้วยสายตาโหดเหี้ยม แม้ว่าถังเสี่ยวซีจะสวมชุดของมนุษย์ ท้ายที่สุดหางทั้งเห้าที่กวัดแกว่งด้านหลังก็พิสูจน์ได้ว่านางเป็นอสูร ขณะที่หลินมู่อวี่เป็นเพียงคนธรรมดา ดาวสีทองสามดวงบนอกเสื้อส่องแสงแพรวพราว ราวกับบอกเผ่าพันธุ์อสูรเหล่านี้ว่านี่คือชนชั้นสูงของเผ่าพันธุ์มนุษย์

‘ฉึบ…’

หลินมู่อวี่ขยับฝ่ามือลงบนด้ามกระบี่พร้อมมองไปรอบบริเวณอย่างระมัดระวัง แสงสีทองพลันปกคลุมร่างกายขณะที่เรียกวิญญาณยุทธุ์น้ำเต้าทองออกมา

หลิงหูเหยียนเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพหลวงมิต้องกังวล หากข้าไม่สั่งการ พวกทหารงูจะไม่โจมตีท่านเจ้าค่ะ”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้า เมื่อมองไประยะไกลก็พบว่าทหารหมีสองตัวกำลังต่อสู้เพื่อแย่งอาหารในพงหญ้า แท้จริงแล้วอาหารชิ้นนั้นคือแขนของมนุษย์! ตราที่แขนบ่งบอกว่าเป็นทหารกองทัพแห่งเมืองชีไห่ เผ่าพันธุ์หมีเหล่านี้กินเนื้อคน!

“พระเจ้า…”

หลินมู่อวี่ตกใจ “หลิงหูเหยียน เจ้ากินคน…”

หลิงหูเหยียนผงะไปชั่วขณะและเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เผ่าพันธุ์จิ้งจอกไม่มีวันกินเนื้อคนเจ้าค่ะ ทว่าเผ่าพันธุ์งู หมี และกิ้งก่ามีสติปัญญาที่ต่ำมาก พวกเขาเป็นเพียงนักรบชั้นต่ำจึงแสดงกิริยาออกมาเช่นนั้น โปรดให้อภัยพวกเราด้วย ท่านแม่ทัพหลวง…มันไม่ง่ายเลยที่เผ่าพันธุ์จิ้งจอกจะสั่งการพวกเขา หากพวกมันไม่สามารถยับยั้งสัญชาตญาณของตนเองได้ ข้าเกรงว่าเผ่าพันธุ์อสูรทั้งหมดคงยากเกินกว่าจะควบคุม”

หลินมู่อวี่นิ่งเงียบ

ถังเสี่ยวซีทนไม่ได้จึงกล่าวว่า “ไม่…นี่มันแย่มาก มิควรปล่อยให้พวกมันกินเนื้อคนอีกต่อไปในภายภาคหน้า เจ้าต้องหยุดมัน…”

“พ่ะย่ะค่ะองค์ราชินี กระหม่อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลง”

นักปราชญ์กล่าวอย่างเคารพ ขณะที่มองไปยังท่าทีของหลินมู่อวี่ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพหลวง กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”

มือของหลินมู่อวี่ยังคงจับอยู่บนด้ามกระบี่ ทันใดนั้นก็หันกลับมาพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ากำลังคิดว่า…ข้าต้องการนำกองทัพมนุษย์เข้ามากวาดล้างป่านิรันดร์และสังหารอสูรเหล่านี้ให้หมด”

“ท่าน…”

หลิงหูเหยียนหนาวสะท้านจากก้นบึ้งของหัวใจ นางเชื่อว่าชายผู้นี้จะทำดังที่พูดแน่นอน ตราบใดที่เขาต้องการคงทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

“ท่านแม่ทัพหลวงโปรดให้โอกาสข้าเถิด ข้าจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเอง” หลิงหูเหยียนอ้อนวอน “หากไม่มีเลือดของเทพธิดาจิ้งจอกเก้าหาง พลังศักดิ์สิทธิ์ของสระน้ำจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ และพลังของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเองก็อ่อนแอลงเช่นกัน ดังนั้นหากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ขณะนี้ได้ ก็คงไม่มีทางควบคุมเผ่าพันธุ์งู หมี และกิ้งก่าได้อย่างสมบูรณ์ ตราบใดที่องค์ราชินีซีทรงมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้แก่สระน้ำ เผ่าพันธุ์จิ้งจอกก็จะเป็นผู้ครอบครองเผ่าพันธุ์อสูรทั้งหมด ท่านแม่ทัพหลวงโปรดเชื่อข้าเถิด”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงมันแล้ว”

แท่นบูชาของเผ่าพันธุ์อสูรอยู่ในป่านิรันดร์ไม่ลึกมาก พวกเขาใช้เวลาเดินทางราวสามชั่วโมง พื้นที่โดยรอบอุดมสมบูรณ์ มีที่พักรูปทรงแปลกตาอยู่ทั้งสองข้างทาง ที่แห่งนี้เผ่าพันธุ์ผู้มีสติปัญญาคือเผ่าพันธุ์จิ้งจอก นอกจากนั้นก็มีเผ่าพันธุ์กวาง งู กิ้งก่า และอีกมากมายอาศัยห่างออกไปจากแท่นบูชาหลัก

‘ฟ่อ…’ งูหลายตัวถือดาบออกมาด้วยท่าทางดุร้าย ราวกับต้องการเข้ามาโจมตีหลินมู่อวี่

ทว่าทหารจิ้งจอกมากกว่าสิบตนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมดาบสองคม พวกเขาคำรามเสียงต่ำ ทันใดนั้น! เปลวไฟลุกโชนบนใบดาบ พวกเขาตะโกนใส่ทหารงูด้วยภาษาที่หลินมู่อวี่ไม่เข้าใจ กระทั่งไล่ทหารงูออกไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าพลังต่อสู้ของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับเผ่าพันธุ์งูแล้ว…พวกมันจะไม่โจมตีหากไม่สามารถเอาชนะได้ เหตุผลที่หันดาบใส่เพียงเพราะความเกรงกลัวเท่านั้น

“แท่นบูชาอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”

หลิงหูเหยียนลงจากหลังมาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “องค์ราชินี โปรดมากับกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

“อื้ม”

ถังเสี่ยวซีลงจากม้าเช่นกัน มีไฟลุกโชนอยู่ใกล้แท่นบูชาซึ่งให้ความอบอุ่นทั้วบริเวณ ถังเสี่ยวซีพลันถอดเสื้อคลุมออก ทันใดนั้น! หางเพลิงทั้งเก้ากวัดแกว่งด้านหลังแผ่วเบาดูมีเสน่ห์และสง่างามมาก ทั้งสองข้างของเแท่นบูชามีเผ่าพันธุ์จิ้งจอกนั่งคุกเข่าลงอย่างเคร่งขรึม แต่ละตนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองถังเสี่ยวซี ราวกับว่าอสูรจิ้งจอกเก้าหางตรงหน้าเป็นดั่งเทพเจ้าที่ลงมาจุติและไม่สามารถดูหมิ่นได้ ขณะเดียวกันสระแห่งการเกิดใหม่เปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงจันทร์ หลิงหูเหยียนกล่าวขึ้น “นี่คือสระแห่งการเกิดใหม่ องค์ราชินีทรงหยดโลหิตเพียงหนึ่งหยดลงในสระ สิ่งนี้จะกอบกู้ชะตากรรมของพวกเราเผ่าพันธุ์จิ้งจอกได้พ่ะย่ะค่ะ”

“อืม”

ถังเสี่ยวซีรู้สึกสุขใจราวกับได้กลับมาบ้านเกิด ซึ่งทำให้นางเชื่อมากยิ่งขึ้นว่าสิ่งที่หลิงหูเหยียนกล่าวเป็นความจริง ที่นี่เกี่ยวพันกับต้นกำเนิดของนาง…สระแห่งการเกิดใหม่ตรงหน้าให้วามรู้สึกราวกับได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ถังเสี่ยวซีอดไม่ได้ที่จะก้าวลงไปในสระ เปลวไฟลุกโชนรอบเท้า และเมื่อเหยียบลงบนน้ำ เปลวไฟเหล่านั้นก็ไม่หายไป ก่อนจะเกิดระลอกคลื่นรอบฝ่าเท้าอย่างสวยงาม

ภายใต้แสงจันทร์นวล ถังเสี่ยวซีหยิบกริชที่เอวออกมา และใช้นิ้วลูบบนคมมีดแผ่วเบา ทันใดนั้นเลือดสามหยดก็ตกลงในสระอย่างรวดเร็ว

‘วิ้ง’

เลือดกระจายไปบนผิวน้ำ และกลายเป็นเปลวไฟลุกโชนทั่วสระ พลังศักดิ์สิทธิ์ถูกเติมเต็มแล้ว ขณะเดียวกันก็มีฟ้าร้องและสายฟ้าแปลบปลาบดูน่ากลัวราวกับกำลังยืนยันตำนานโบราณนี้ สระแห่งการเกิดใหม่ส่องสว่างสีทองเรืองรอง ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ถังเสี่ยวซียืนบนน้ำเงียบงันอาบแสงสีทองเหล่านั้น ใบหน้างามเผยความสุขอย่างท่วมท้น

แม้แต่หลิงหูเหยียนที่คุกเข่าอยู่ก็มองไปยังถังเสี่ยวซีอย่างตื่นเต้นและมีความสุข “สระแห่งการเกิดใหม่ฟื้นคืนกลับมาแล้ว…ยอดเยี่ยมมาก สระแห่งการเกิดใหม่ฟื้นคืนกลับมาแล้วจริงๆ…”

ผ่านไปราวสิบนาที สระแห่งการเกิดใหม่ก็ถูกเติมเต็มด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ถังเสี่ยวซีหันกลับมายังหลินมู่อวี่และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เราไปน้ำพุแห่งความเยาว์วัยกันเถิด หลิงหูนำพวกเราไปที”

“พ่ะย่ะค่ะองค์ราชินี”

หลิงหูเหยียนกล่าวอย่างเคารพ จากนั้นนางพาทั้งสองไปยังด้านหลังของภูเขา ไม่นานก็พบน้ำพุร้อนพร้อมหมอกลอยอยู่จางๆ

“ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หลิงหูเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “น้ำพุแห่งความเยาว์วัยเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสถานที่หวงห้ามของป่านิรันดร์ จิ้งจอกธรรมดาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะมาแช่น้ำพุแห่งนี้ กระหม่อมจะออกไปด้านนอกเพื่ออารักขาองค์ราชินีพ่ะย่ะค่ะ”

หลินมู่อวี่นั่งลงบนก้อนหินด้านข้างและกล่าวว่า “ข้าจะอยู่อารักขาตรงนี้”

หลิงหูเหยียนหัวเราะแผ่วเบา “หากท่านแม่ทัพอยู่…พระวรกายขององค์ราชินีคงถูกท่านเห็นจนหมด”

ถังเสี่ยวซีหน้าแดงก่ำ “หลิงหู ไม่เป็นไร เขายังไม่เคยเห็น…”

หลินมู่อวี่หน้าแดงด้วยเช่นกัน “ดูเจ้าพูดสิ คิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นหรืออย่างไร”

“แล้วเจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้นหรือ?” ถังเสี่ยวซีเอียงศีรษะและยิ้ม

“ข้ามาเพื่อปกป้องเจ้าต่างหาก” หลินมู่อวี่ยืนยันคำเดิม

ถังเสี่ยวซีหันหลังกลับและถอดเสื้อผ้าออก หมอกหนาลอยขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณจนมองไม่เห็น ไม่นานสาวงามก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์และหมอกทึบ ผิวขาวเนียนราวกับหิมะดูน่าเสน่ห์หา หางเพลิงทั้งเก้ากวัดแกว่งไปมาแผ่วเบาทำให้ถังเสี่ยวซีที่งดงามอยู่แล้วยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น

นางก้าวเท้าเหยียบลงบนก้อนกรวดและเดินลงน้ำพุ ความรู้สึกอบอุ่นเนียนนุ่มห่อหุ้มร่างกาย กระทั่งถังเสี่ยวซีอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงอย่างมีความสุข…

หลินมู่อวี่นอนลงบนโขดหินเหม่อมองดวงดาวบนฟากฟ้า เขาไม่ได้ต้องการจะมาแอบดูสาวงามอาบน้ำแต่อย่างใด ทว่าที่นี่อยู่ในเขตแดนของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกซึ่งค่อนข้างอันตราย ถังเสี่ยวซีจำเป็นต้องได้รับการคุ้มกัน

ถังเสี่ยวซีนอนแช่น้ำพุร้อนแห่งนี้ราวครึ่งชั่วโมง

“มู่มู่ นี่ มู่มู่…” นางตะโกนเรียกพร้อมรอยยิ้ม

“มีสิ่งใดหรือ?” หลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หรือเจ้าต้องการเรียกคนช่วยถูหลัง? กระนั้นข้าก็เป็นองครักษณ์อวี้หลิน ข้าคงต้องได้รับเบี้ยภายหลัง…”

“ไม่ใช่”

ถังเสี่ยวซีลุกขึ้นยืนและยิ้มอย่างมีความสุข “มู่มู่ มองมาที่ข้าสิ”

ภายใต้แสงจันทร์ รูปร่างของสาวงามถูกหมอกควันบดบัง หางเพลิงทั้งเก้าด้านหลังหายไป ดวงตาสีทองแปรเปลี่ยนเป็นสีดำขลับน่าหลงใหล นางมองไปที่หลินมู่อวี่และยิ้ม “ดูสิ ข้าเปลี่ยนมาเป็นเช่นเดิมแล้ว…”

หลินมู่อวี่ตะลึง และอดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาลงมา “หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เห็น เจ้า…ดูโตขึ้นมาก…”

“อ๊ะ! คนผีทะเล!”

ถังเสี่ยวซีตะโกนดังและรีบนั่งลงในน้ำพุ “หันกลับไปได้แล้ว ข้าจะสวมเสื้อผ้า…”

“อืม”

ไม่กี่นาทีต่อมา ถังเสี่ยวซีก็สวมชุดของจักรวรรดิและเดินกลับมาหาหลินมู่อวี่ เขาจึงเอ่ยถามนาง “รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“แล้วสามารถกลับไปเป็นจิ้งจอกเก้าหางได้อีกหรือไม่?”

หลินมู่อวี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่กลายเป็นอสูรจิ้งจอกเก้าหางก็มีพลังแข็งแกร่งขึ้นมาก เจ้าจำเป็นต้องใช้พลังนี้”

“อื้ม ข้าสามารถ”

ถังเสี่ยวซียิ้มเล็กน้อย ทันใดนั้น! ดวงตาคู่งามก็เปลี่ยนเป็นสีทองพร้อมมีแสงสว่างวาบจากด้านหลัง จากนั้นหางเพลิงทั้งเก้าจะกวัดแกว่งไปมาแผ่วเบา นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามีคำถามอื่นอีกหรือไม่?”

“อื้ม” หลินมู่อวี่ตอบรับเสียงทุ้มต่ำ “ข้าอยากรู้ว่าเสื้อผ้าของเจ้าจะโดนเจาะเป็นรูที่ด้านหลังหรือไม่…มิเช่นนั้นหางทั้งเก้าจะออกมาได้อย่างไร? หากมันเป็นรูจริง เมื่อเจ้าเปลี่ยนเป็นมนุษย์อีกครั้ง ก็จะเห็นทุกอย่างจากด้านหลังเลยหรือไม่…”

ถังเสี่ยวซีรู้สึกเขินอายขณะที่ใบหน้างามพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร…