บทที่ 278 ตามสืบกิจวัตร
บทที่ 278 ตามสืบกิจวัตร

ที่ยอดเขาเหมยซาน ณ บริเวณจุดชมวิวที่เป็นหน้าผาสูง อวี้ฮ่าวหรานเหม่อมองไปที่ทะเลหมอกด้านล่างด้วยสีหน้าเลื่อนลอย

“พี่เขย พวกเราหยุดอยู่ที่นี่นานแล้วนะ พวกเราไปดูวิวตรงจุดอื่นกันบ้างเถอะ!”

หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ เธออยากจะไปจากตรงนี้เร็ว ๆ

“เธอรู้หรือเปล่าว่าที่ตรงนี้มันคือที่ไหน?”

“แน่นอนว่าฉันรู้! มันคือจุดที่พี่พลาดตกหน้าผาลงไป เมื่อตอนนั้นพี่สาวของฉันเกณฑ์คนแทบจะทั้งตระกูลหลี่มาที่นี่เพื่อตามหาพี่!”

หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย เธอไม่อยากจะเอ่ยถึงเหตุการณ์ในวันนั้นสักเท่าไหร่ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกแย่เมื่อคิดถึงมัน

หลังจากที่พี่เขยของเธอตกหน้าผาไป พี่สาวของเธอก็เอาแต่ตรอมใจไม่ยอมกินยอมนอน พยายามตามหาพี่เขยของเธอแทบทุกซอกทุกมุมของภูเขาเหมยซาน โดยที่ไม่สนใจคำทัดทานของใครเลย

“อืม…สามหมื่นปีผ่านไป ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน…”

อวี้ฮ่าวหรานเมื่อได้ยินประโยคตอบกลับของหลี่หรง เขาเผลอตัวพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวด

ถึงแม้ชายหนุ่มจะรู้ว่าการมาที่นี่มันมีแต่จะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด แต่มันก็เหมือนมีบางอย่างในใจของเขาที่เรียกร้องให้กลับมาที่นี่ ที่ ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่าง

“หืม? สามหมื่นปี? สามหมื่นปีอะไรเหรอพี่เขย?”

หลี่หรงซึ่งได้ยินลาง ๆ เอ่ยถามกลับด้วยสีหน้างุนงง

“ไม่…ไม่มีอะไรหรอก พวกเราไปกันเถอะ”

จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินออกจากจุดชมวิว

แต่หลังจากที่เดินออกมาได้สักพัก หลี่หรงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเรื่องที่คาใจของเธอมานานซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบ

“พี่เขย พี่รู้หรือเปล่าว่าพี่สาวของฉันตามหาพี่เหมือนกับคนเสียสติเลยเมื่อตอนนั้น? ดังนั้นฉันขอถามพี่สักหน่อย ทั้ง ๆ ที่พี่เองก็ดูไม่น่าจะเป็นอะไร ทำไมพี่ถึงไม่กลับมา?”

คำถามนี้เธอเคยถามอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่แรก ๆ ที่เขากลับมา แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ดังนั้นตอนนี้เธอจึงลองถามดูอีกรอบ

“มันมีเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งทำให้พี่ไม่สามารถกลับมาได้ในตอนนั้น”

อวี้ฮ่าวหรานทำได้แค่เพียงตอบกลับอย่างคลุมเครือ เขาไม่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ทั้งหมดเพราะมันคงไม่มีใครบ้าเชื่อเขาแน่นอนในเรื่องที่เกี่ยวกับการข้ามมิติ ปีศาจ เทพ ดินแดนที่มีแต่ยอดมนุษย์อะไรเทือกนั้น

วันต่อมา…

อวี้ฮ่าวหรานพาครอบครัวไปเที่ยวต่อที่หุบเขาฮัวไห่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักจากภูเขาเหมยซาน

“ว้าว พี่เขย ที่นี่สวยจังเลย!”

ภูมิทัศน์ของสถานที่แห่งนี้ทำให้หลี่หรงตาลุกวาว

หลายปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวไหนเลย เนื่องจากต้องดูแล ถวนถวน เรียนให้จบมหาวิทยาลัยและดูแลบริษัทต่อ

เมื่อเป็นเช่นนั้น การเที่ยวครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมันทำให้เธอมีความสุขมาก

หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานถ่ายรูปถวนถวนและหลี่หรงเอาไว้เป็นภาพความทรงจำอีกเป็นจำนวนมากและเที่ยวต่ออีกพักใหญ่ ๆ ก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นรถขับกลับเมืองฮ่วยอัน

อวี้ฮ่าวหรานขับรถไปถึงสถานรับเลี้ยงสัตว์เลี้ยงชั่วคราวราวสี่โมงเย็นเพื่อรับเจ้าลูกกวาดขึ้นรถ

ถวนถวนแสดงสีหน้าเบิกบานสุดขีดทันทีเมื่อเจ้าลูกกวาดขึ้นมาบนรถและเล่นกับเธอ แต่หลังจากเล่นไปได้สักพักเด็กน้อยก็เหมือนจะนึกอะไรออกและมันทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

“พ่อจ๋า ถวนถวน ต้องไปเรียนเปียโนพรุ่งนี้ไหม? ถวนถวนไม่อยากไป!”

หากเทียบกับการต้องไปเรียน แน่นอนว่าเด็กน้อยชอบเล่นอยู่ที่บ้านหรือที่บริษัทของอวี้ฮ่าวหรานมากกว่า

“ไม่ได้! ถวนถวนจะต้องไปเรียนเปียโนวันพรุ่งนี้ ห้ามงอแง!”

หลี่หรงเอ่ยขึ้นขัดทันที ก่อนที่อวี้ฮ่าวหรานจะทันได้พูดอะไร ซึ่งมันทำให้เด็กน้อยบุ้ยปากอย่างอารมณ์เสียก่อนที่จะสุดท้ายจะพยักหน้าอย่างหดหู่

“อื้อ หนูไปก็ได้…”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกขบขันในใจเมื่อเห็นอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วของลูกสาวตัวเอง

บางครั้งความสุขของเขามันก็เรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ

“ถวนถวน ลูกต้องตั้งใจเรียนเปียโนนะรู้ไหม พ่อคงจะมีความสุขมากหากลูกเล่นเปียโนให้พ่อฟังได้”

แน่นอนว่าเมื่อเด็กน้อยได้ยินคำโน้มน้าวของพ่อตัวเองเช่นนี้ ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกายมีกำลังใจที่จะไปเรียนพรุ่งนี้ทันที

เธอรู้สึกตื่นเต้นที่จะสามารถทำให้พ่อของเธอมีความสุขได้

“ได้! หนูจะตั้งใจเรียน หนูจะเล่นเปียโนให้พ่อฟัง พ่อจ๋าจะได้มีความสุข!”

“เยี่ยมเลย พ่อจะรอฟังนะ!”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็เหล่มองไปที่หลี่หรงด้วยแววตาภาคภูมิใจ เขารู้สึกผยองเล็กน้อยที่วิธีการโน้มน้าวของเขาได้ผลมากกว่าวิธีการของน้องภรรยาตัวเอง!

เช้าวันถัดมา อวี้ฮ่าวหรานไปส่งถวนถวนเรียนเปียโนก่อนที่จะขับรถไปที่บริษัทของตัวเองตามปกติ

อย่างไรก็ตาม หลังจากขับรถไปได้ครึ่งทาง เขาก็สัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังถูกตาม และเมื่อมองกระจกมองหลัง ก็เห็นรถคันหนึ่งขับตามมาในระยะที่ห่างอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใกล้ไปไม่ไกลไปตลอดเวลา ซึ่งมันไม่ใช่วิสัยปกติที่คนขับรถทั่วไปเขาทำกัน!

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รวมถึงตรวจสอบบริเวณโดยรอบว่าเป็นพื้นที่รกร้างสองข้างทาง เขาจึงจอดรถที่ข้างทางทันที!

รถที่ตามอวี้ฮ่าวหรานมาอยู่นั้นไม่คาดคิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะหยุดรถกะทันหันแบบนี้ ดังนั้นจึงขับเลยไปอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะค่อย ๆ จอดที่ข้างทางเช่นกัน และเปิดไฟฉุกเฉินพร้อมกับคนขับก็ลงจากรถทำทีเป็นเปิดฝากระโปรงรถราวกับว่ารถเสีย แต่แท้จริงแล้วแค่ลงมาตรวจสอบดู อวี้ฮ่าวหรานก็แค่นั้น

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทันได้ตั้งตัว เขาเปิดประตูลงจากรถอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อจนแค่เพียงไม่ถึง 3 วินาที อวี้ฮ่าวหรานก็กุมคออีกฝ่ายเอาไว้ได้!

“ฮึ่ม! กล้าตามฉันงั้นเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาก่อนที่จะโคจรพลังวิญญาณใส่อีกฝ่ายเล็กน้อยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีแรงขัดขืน

“น…นี่ แกเป็นอะไรของแกเนี่ย! เราไม่ได้มีเรื่องอะไรกันทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้?”

ชายที่สะกดรอยตามอวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ซึ่งเขาไม่ได้แสร้งทำ แต่เขากลัวจริง ๆ เพราะตอนนี้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงจึงไม่สามารถบังคับร่างกายได้เลย!

นี่เขากำลังรนหาที่ตายใช่ไหม เขากล้าติดตามสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้ยังไง!

ด้วยความตื่นตระหนกและความกลัว เขาจึงจำเป็นต้องแสร้งทำตัวเป็นคนบริสุทธิ์เอาไว้ก่อน เขาภาวนาให้อวี้ฮ่าวหรานรู้ไม่ทันจุดประสงค์ของเขา

“ตามฉันมาตั้งนาน ตอนนี้กลับยังกล้าเล่นละครอีกงั้นเหรอ?”

กร๊อบ!!

อวี้ฮ่าวหราน ไม่คิดจะพูดอะไรให้เยอะแยะ เขาใช้วิธีทรมานเพื่อรีดข้อมูลทันที เขาหักไหปลาร้าของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

“อ๊ากกก…นี่แก…”

“พูด!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพลางจับไปที่ไหปลาร้าอีกข้างและเตรียมที่จะหัก

“ฉันพูดแล้ว! ฉันพูดแล้ว! จ…ใจเย็น ๆ ก่อนพี่ชาย! เป็นหัวหน้าหลิ่ว…ส่งฉันมาตามดูพี่ชาย เขาบอกให้ฉันดูพี่ทุกวันและคอยจดกิจวัตรประจำวันทุกอย่างเอาไว้…”

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานเอาจริง ชายที่ตามอวี้ฮ่าวหรานจึงรีบเผยความจริงทั้งหมดด้วยความหวาดกลัว

“ด…ได้โปรด ปล่อยผมไปเถอะ ผ…ผมแค่ทำตามคำสั่ง…”

เมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการ อวี้ฮ่าวหรานโยนร่างของอีกฝ่ายทิ้งไปที่ข้างทางราวกับทิ้งขยะ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา

รอบที่แล้ว…ไอ้หลิ่วอวี้จิง มันคงยังไม่เข็ดสินะ ถึงกล้าส่งคนมาตามฉันแบบนี้อีก?