เฮ้อ ผู้ชาย……
ล้วนชอบคุยโวโอ้อวดเพื่อหน้าตนเอง!
กลางดึก
ในที่สุดเย่เมิ่งเหยียนก็หลับ
หยางเฟิงมองเย่เมิ่งเหยียนที่หลับสนิท มุมปากของเขาเผยให้เห็นถึงความอ่อนโยนที่หายาก
หลังจากนั้น เขาเดินออกไปโทรศัพท์ข้างนอก
“เสือขาว คุณหาวิลล่าที่น่าพอใจให้ผมได้หรือยัง?”
“ท่านแม่ทัพ อีกสามวัน จะมีการประมูลวิลล่าหยุนติ่ง ซึ่งเป็นวิลล่าอันดับหนึ่งของเมืองตงไห่!”
“ดีมาก หลังจากสามวัน ผมต้องการเข้าร่วมการประมูล คุณช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ผมด้วย”
“ครับ ท่านแม่ทัพ!”
หลังจากวางสายแล้ว รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏอยู่บนใบหน้าของหยางเฟิง
“ที่รัก ผมเคยบอกแล้วว่าจะให้คุณมีชีวิตดีที่สุด แล้วผมจะทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจ”
วันรุ่งขึ้น
ตระกูลเย่
สีหน้าของเย่เทียนและคนอื่น ๆ หม่นหมอง
ข้างหลังพวกเขา ซึ่งเดิมนั้นเป็นวิลล่าของตระกูลเย่ แต่ตอนนี้ถูกปิดผนึกไว้ และมีผู้ชายสวมชุดสูทยืนอยู่ที่ประตูสิบกว่าคน
เย่กวงกล่าวด้วยสีหน้าโศกเศร้า “คุณพ่อ บริษัทของพวกเราถูกยึด วิลล่าหรูและรถยนต์ทั้งหมดถูกยึดเช่นกัน ส่วนเงินที่อยู่ธนาคารก็ถูกอายัด ตอนนี้พวกเราไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
เวลาเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น
เดิมตระกูลเย่นั้นเป็นตระกูลชั้นสอง แต่ตอนนี้กลายเป็นคนยากไร้อย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกจากสวรรค์ตกสู่นรกในชั่วพริบตานี้ ทำให้คนทั้งตระกูลยากที่จะยอมรับได้
เย่ชิวกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ “คุณปู่ หยางเฟิงเป็นคนทำให้พวกเราเป็นแบบนี้! แล้วพวกเราจะให้มันผ่านไปแบบนี้เหรอ?”
“ฮึ่ม!”
เย่เทียนพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าไม่สามารถผ่านไปแบบนี้ได้ แต่พวกเราต้องรู้อย่างชัดเจนก่อนว่าหยางเฟิงเป็นแม่แม่ทัพเทพมรณะหรือไม่?”
เมื่อคืนการปรากฏตัวของหยางเฟิงนั้นน่าตกใจจริง ๆ
มีทั้งรถถังและเฮลิคอปเตอร์ ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว
เมื่อเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืนของทหารห้าพันนาย เย่เทียนและคนอื่น ๆ ทำได้เพียงเลือกที่จะประนีประนอม
หากหยางเฟิงเป็นแม่ทัพเทพมรณะ ตระกูลเย่จะไม่มีโอกาสแก้แค้นตลอดไป!
เย่เทียนเหลือบมองเย่กวงแวบหนึ่งและถามว่า “แล้วเรื่องที่พ่อสั่งให้ลูกตรวจสอบสถานะตัวตนของหยางเฟิงล่ะ? ตรวจสอบได้ชัดเจนแล้วหรือยัง?”
สีหน้าของเย่กวงเคร่งขรึมทันที “คุณพ่อ ผมตรวจสอบแล้ว! หลังจากหยางเฟิงหนีการแต่งงานแล้ว เขาก็ได้เข้าร่วมกองทัพ และเกษียณเมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้ จากการตรวจสอบของผมแล้ว เขาไม่ใช่แม่ทัพเทพมรณะ แต่เป็นสหายร่วมรบของแม่ทัพเทพมรณะเท่านั้น”
เย่เทียนรู้สึกดีใจและถามทันทีว่า “ข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่?”
เย่กวงกัดฟันและกล่าวว่า “เป็นจริงแน่นอน ข่าวนี้เปิดเผยออกจากปากหลันซิน เป็นความจริงอย่างแน่นอน!”
“สมควรตาย!”
“ไอ้ขยะ! ไอ้คนไร้ประโยชน์หยางเฟิง! กล้าดียังไงมาหลอกลวงพวกเรา!”
ทันใดนั้น สมาชิกทุกคนของตระกูลเย่มีสีหน้าที่โหดเหี้ยม
เมื่อคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเพราะหยางเฟิง ทำให้ตระกูลของพวกเขาไม่เหลืออะไร ทำให้พวกเขากัดฟันด้วยความโกรธแค้น!
สีหน้าของเย่เทียนเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเช่นกัน “พวกเราต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายตอนนี้พวกเราไม่เหลืออะไรแล้ว…….”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ
ตอนนี้ตระกูลเย่ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แล้วพวกเขาจะเอาอะไรไปแก้แค้นหยางเฟิง?
ทันใดนั้น ดวงตาของเย่กวงเป็นประกายและกล่าวว่า “คุณพ่อ ลืมลุงใหญ่ไปแล้วเหรอ? เขาเป็นหัวหน้าตระกูลเย่แห่งเมืองเอก ขอเพียงแค่เขาช่วยพวกเรา งั้นพวกเราก็สามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเย่เทียนเคร่งขรึมทันที
ตระกูลเย่แห่งเมืองตงไห่ เป็นเพียงสาขาหนึ่งของตระกูลเย่แห่งเมืองเอกเท่านั้น
หลายสิบปีที่ผ่านมา เย่เทียนแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลกับพี่ใหญ่ของตนเองแล้วล้มเหลว
ด้วยความโกรธแค้น เขาจึงมาที่เมืองตงไห่ และก่อตั้งตระกูลเย่ที่เมืองตงไห่
ไม่มีการติดต่อมาหลายสิบปี
แล้วตอนนี้จู่ ๆ ตนเองไปขอร้องพี่ใหญ่ ซึ่งเป็นอดีตศัตรูเหรอ!
ทำให้เย่เทียนไม่สามารถบากหน้าขอร้องได้
เมื่อเห็นเย่เทียนรู้สึกลังเล เย่กวงรีบกล่าวว่า “คุณพ่อ ผมรู้ว่าคุณพ่อมีความขัดแย้งกับลุงใหญ่ แต่ตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว? ถ้าคุณพ่อไม่ไปขอร้องลุงใหญ่ ตระกูลของพวกเราจะต้องเร่ร่อนอยู่ข้างถนนแล้ว”
“ใช่ครับ คุณปู่ หรือคุณปู่สามารถทนเห็นพวกเราทั้งตระกูลอดตายอยู่ข้างถนน?”
“นายท่าน! ตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว? คุณอย่าเลอะเลือนเด็ดขาด!”
ทันใดนั้น ตระกูลเย่ต่างรู้สึกกังวลเช่นกัน และทุกคนต่างก็เอ่ยปากโน้มน้าว