ตอนที่ 892 เป็นส่วนหนึ่งของความระทึกใจ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิงไม่ได้พูดอะไรออกมา ว่ากันตามจริงเธอไม่มีอะไรจะพูดต่างหาก

 

 

“ตอนนี้คุณเป็นทั้งผู้จัดการและนักแสดงมากฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นความนิยมหรือทักษะการแสดงก็ไม่มีใครเทียบคุณได้เลย…”

 

 

“หลงเจี่ย พอได้แล้วล่ะ” ถังหนิงลูบหน้าท้องตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า

 

 

“โอเคค่ะ” หลงเจี่ยถอนหายใจอย่างท้อใจ

 

 

ตอนนี้ถังหนิงกำลังตั้งท้องอยู่ เธอไม่อาจคิดหรือทำอะไรได้มากนัก ตอนนี้การเป็นแม่คือบทบาทที่สำคัญที่สุด

 

 

โม่ถิงยอมทิ้งงานของตัวเองเพื่อเธอ ดังนั้นเพื่อลูกสาวของเธอ ถังหนิงจึงต้องดูแลร่างกายของตัวเองให้ดีเช่นกัน

 

 

ไม่มีอะไรต้องคิดมากไปกว่านี้…

 

 

ส่วนเรื่องเคท จะเป็นการดีที่สุดหากพวกเขาจะไม่ต้องใช้เธอ แต่ในเมื่อไม่เป็นไปตามนั้น ถังหนิงก็จะไม่มีทางปล่อยให้สิ่งที่หลงเจี่ยเป็นกังวลเป็นเรื่องจริง

 

 

หากแต่แน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่าการต่อสู้ของตัวเองกับเคทเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

 

 

 

 

ในเวลาเช้าตรู่

 

 

หลังจากได้พักผ่อนที่บ้านตระกูลหลี่อยู่ทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดหลินเฉี่ยนก็มีเรี่ยวแรงลุกออกจากเตียง

 

 

แต่ในเมื่อหลี่จิ่นไม่ได้อยู่ข้างๆ และเธอเองก็อยู่ในบ้านของคนอื่น จะเที่ยวเดินไปทั่วไปได้อย่างไร มันคงจะดูแปลกๆ แน่ๆ

 

 

“อ้าว เฉี่ยนเฉี่ยน…ลุกขึ้นมาจากเตียงทำไมกันล่ะจ๊ะ” เสียงของคุณนายหลี่ดังมาแต่ไกล “หลี่จิ่นกลับไปประจำการที่ฐานทัพแล้วล่ะจ้ะ เขาขอให้ฉันช่วยดูแลเธอ ยังรู้สึกไม่สบายอยู่หรือเปล่าจ๊ะ”

 

 

“ไม่แล้วค่ะ คุณป้า”

 

 

“ฉันรู้ว่าเธอคงปรับตัวเข้ากับที่นี่ไม่ง่าย พวกเธอทั้งสองคนยังไม่ได้เป็นอะไรกันแต่เขาก็พาเธอมาที่นี่ซะแล้ว พ่อของเขากับฉันก็อึ้งไปเหมือนกัน แต่เพราะพวกเธอตั้งใจที่จะเดินหน้าต่อไปด้วยกัน พวกเราก็ไม่ห้ามหรอกนะจ๊ะ งั้นก็ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ” คุณนายหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง “คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอแล้วกันนะจ๊ะ

 

 

“แต่ต่อจากนี้ไปอย่าปล่อยให้คนอื่นสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเธออีกนะ หลังจากแต่งงานกันแล้ว เธอก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ทันทีเลยนะจ๊ะ”

 

 

“…” หลินเฉี่ยนถึงกับชะงักไป

 

 

“จริงๆ แล้วฉันยังมีงานต้องทำน่ะค่ะ ตอนนี้ฉันต้องกลับไปงานแล้วค่ะ”

 

 

“เด็กคนนี้นี่ อย่าทำเหมือนคนอื่นคนไกลสิ มากินซุปไก่สักหน่อยสิจ๊ะ”

 

 

“…” เธอพูดอะไรไม่ออก

 

 

เธอไม่เคยได้สัมผัสความอบอุ่นจากครอบครัวแบบนี้ ดังนั้นความกระตือรือร้นของคุณนายหลี่จึงเป็นเรื่องที่ถาโถมเข้ามาเกินกว่าจะต้านทานได้ไปสักหน่อย หากแต่มันทำให้เห็นได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายเป็นคุณแม่ใจกว้างที่เคารพการตัดสินใจของลูกชายตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่หลินเฉี่ยนไม่เคยเห็นในตระกูลเฉวียนเลยสักครั้ง

 

 

ทำให้ซุปไก่ชามนี้กลืนลงคอได้ลำบากเล็กน้อย

 

 

“ต่อไปนี้อย่าทำตัวไร้สาระอีกนะจ๊ะ ถ้าเธอรอไอ้ตัวแสบนั่นนานเกินไปและไม่เจอเขา ก็ไปหาคนอื่นแทนเลยนะ ไปทรมานเจ้าบ้านั่นดีกว่าจะมาทรมานและทำให้ตัวเองไม่สบายแบบนี้นะ”

 

 

ในครั้งนี้ เธอรู้สึกอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนแล้ว…

 

 

ความจริงเธอเริ่มสงสัยซะแล้วว่าคุณนายหลี่เป็นแม่บังเกิดเกล้าของหลี่จิ่นจริงๆ หรือ

 

 

โชคดีที่ในครั้งนี้ซย่าหันโม่ถ่ายทำที่ต่างประเทศเสร็จสิ้น และกลับมาจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลินเฉี่ยนจึงควรกลับไปอยู่ข้างเธอ หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เธอคงจะไม่รู้ว่าจะขอตัวออกมาจากบ้านอย่างไร

 

 

คุณนายหลี่ไม่อยากให้หลินเฉี่ยนจากไป ด้วยเธออยากมีลูกสาวมาหลายปีแล้ว อีกอย่างก็หาโอกาสได้ยากที่หลี่จิ่นจะพาผู้หญิงกลับมาที่บ้าน คุณนายหลี่จึงต้องถือโอกาสใช้เวลามีความสุขกับการดูแลลูกสาว

 

 

ทั้งหมดเป็นความผิดของหลี่จิ่นเอาแต่พึ่งพาตัวเองและไม่ยอมให้เธอได้สัมผัสกับความสุขของการเป็นแม่คนแม้แต่น้อย เขาเติบโตเร็วเกินไปจริงๆ …

 

 

ทว่านอกจากจะโตขึ้นแล้ว เขายังใช้เวลาส่วนใหญ่ในฐานทัพทหาร และทำท่าทีเย็นชาอยู่แทบจะตลอดเวลา

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยน มาเยี่ยมเราบ่อยๆ นะจ๊ะ”

 

 

“โอเคค่ะ คุณป้า” หลินเฉี่ยนออกจะหวาดระแวงอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเธอ

 

 

หลังจากมาถึงบ้านของซย่าหันโม่ เจ้าของบ้านจ้องมองหลินเฉี่ยนและเห็นรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของเธอ เห็นได้ชัดว่าชีวิตรักของเธอคงคืบหน้าไปได้สวย

 

 

“มีความสุขใช่ไหมคะ”

 

 

“มันมากเกินไปสักหน่อยน่ะค่ะ” หลินเฉี่ยนสรุปสั้นๆ จากสิ่งที่พบเจอที่บ้านตระกูลหลี่

 

 

“หลี่จิ่นเป็นคนดีนะคะ” ซย่าหันโม่เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “รักษาเขาเอาไว้ให้ดีๆ นะคะ พวกคุณทั้งสองคนผ่านเรื่องราวด้วยกันมามาก ถ้าแต่งงานกันในอนาคต คุณจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ค่ะ”

 

 

เมื่อได้ยินคำว่า แต่งงาน หลินเฉี่ยนพลันนึกถึงเฉวียนจื่อเยี่ยขึ้นมา

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยกำลังจะแต่งงานในไม่ช้า

 

 

คืนนั้นหลังจากหลินเฉี่ยนเสร็จงานและเดินลงไปชั้นล่าง ในจังหวะที่เธอกำลังจะออกจากอาคาร เธอสังเกตเห็นรถของหลี่จิ่นก่อนรีบวิ่งไปหา

 

 

“แม่ของผมบอกว่าคุณไปแล้ว ผมเลยคิดว่าคุณจะต้องกลับมาทำงาน”

 

 

“ใช่ค่ะ คุณป้าดูกระตือรือร้นจังเลยนะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจพลางก้าวขึ้นรถ

 

 

เขาเงียบไปและโน้มตัวเข้ามากดจูบข้างแก้มของเธอแทน

 

 

เธอตกตะลึงกับการกระทำของเขาไปเล็กน้อย

 

 

“อะไรกันคะเนี่ย”

 

 

“ไม่มีอะไรครับ”

 

 

ริมฝีปากของหลี่จิ่นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะที่ออกรถและขับไปส่งหลินเฉี่ยนนี่บ้าน แต่ในตอนที่พวกเขามาถึงที่หมาย อยู่ๆ เธอก็บอกกับหลี่จิ่น “พี่ชายของฉันกำลังจะหมั้นค่ะ คุณไปงานหมั้นกับฉันได้ไหมคะ”

 

 

“พี่ชายของคุณทั้งคน อย่างนั้นผมจะไปอย่างแน่นอนครับ” เขารับปากอย่างไม่ลังเล

 

 

“ดีค่ะ”

 

 

หลี่จิ่นรู้ว่าตระกูลเฉวียนเป็นเหมือนกับหลุมดำ เขาคงไม่อาจปล่อยให้หลินเฉี่ยนไปเผชิญหน้ากับความยากลำบากและการดูถูกเหยียดหยามโดยลำพังได้ เขาจึงไม่ได้ไปที่นั่นเพียงเพื่อปกป้องหลินเฉี่ยนแต่เพื่อทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจแทนต่างหาก

 

 

แต่แน่นอนว่าหลินเฉี่ยนไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ เธอแค่ต้องการมีใครบางคนไปเป็นเพื่อนจะได้ไม่ต้องไปคนเดียวเท่านั้นเธอก็พอใจแล้ว

 

 

 

 

ในขณะที่เฉวียนจื่อเยี่ยซึ่งเคยเป็นคนในวงการบันเทิง จึงเป็นธรรมดาที่จะมีคนดังหลายคนถูกเชิญมางานหมั้นของเขา แม้แต่โม่ถิงยังได้รับคำเชิญด้วยครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้านายของเขา ถึงอย่างไรเฉวียนจื่อเยี่ยก็ไม่ได้ไร้ความสามารถแต่อย่างใด

 

 

อย่างไรก็ตามถังหนิงรู้สึกว่างานหมั้นในครั้งนี้น่าสนใจไม่น้อย

 

 

เฉวียนจื่อเยี่ยตามตื๊อหลินเฉี่ยนอย่างไร้ความหวังอยู่นานหลายปี แต่ในพริบตาเดียวเขากลับกำลังแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน

 

 

ถังหนิงจึงสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา

 

 

เขาเป็นคนกลางระหว่างหลินเฉี่ยนและคุณนายเฉวียนอยู่หลายปี หมายความว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ ในเมื่อตอนนี้คุณนายเฉวียนทำให้เขาต้องสูญเสียความรักไป ถังหนิงจึงคิดว่าเขาคงไม่ปล่อยแม่ของตัวเองไปง่ายๆ

 

 

“หลินเฉี่ยนจะไปหรือเปล่าครับ” โม่ถิงถามหลังจากพาลูกๆ ทั้งสองคนเข้านอนและเห็นว่าถังหนิงจ้องมองบัตรเชิญอยู่

 

 

“มีหลี่จิ่นคอยหนุนหลังเธออยู่ทั้งคน เธอจะต้องกลัวอะไรอีกละคะ ต่อให้เธอตัดสินใจว่าจะไม่ไป หลี่จิ่นก็คงบังคับให้เธอไปอยู่ดี ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าเธอจะไปหรือเปล่า” ถังหนิงตอบ “ฉันถึงอยากจะไปเหมือนกันไงละคะ ประธานโม่”

 

 

“เดี๋ยวนี้มีเรื่องระทึกใจที่คุณไม่อยากมีส่วนร่วมด้วยหรือครับ” โม่ถิงว่าขึ้นพลางมองไปที่ถังหนิง “ก็ได้ครับ… ถ้าคุณนายโม่อยากจะทำอะไรบางอย่าง อย่างนั้นผมก็จะไปเป็นเพื่อนนะครับ”

 

 

หากไม่เป็นเพราะลูกในท้อง ถังหนิงคงไม่อาจต้านทานความรักใคร่ที่โม่ถิงส่งมาให้เธอในตอนนี้ไว้ได้

 

 

ถึงแม้ว่าอายุของเขาจะเข้าวัยที่เรียกว่าคุณลุงได้แล้ว แต่ก็ยังคงหล่อเหลาเหมือนอย่างเคย และกลับยิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดมากยิ่งขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก

 

 

ทว่าก่อนที่งานหมั้นจะถูกจัดขึ้น รายการโทรทัศน์แรกของซย่าหันโม่กำลังจะเริ่มฉาย ทุกคนต่างได้ยินว่าท่าทีของซย่าหันโม่ระหว่างช่วงถ่ายทำนั้นคล่องแคล่วและมีไหวพริบ ว่าแต่เธอจะเป็นที่ชื่นชอบในรายการหรือเปล่านะ

 

 

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เธอก็ขึ้นชื่อเรื่องข่าวอื้อฉาว ใครจะบอกได้ว่าเธอจะไม่ตกเป็นข่าวฉาวอีก