ภาคที่ 2 การแข่งขันแพทย์แผนจีน บทที่ 33 ความสามารถของซูเย่

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 33 ความสามารถของซูเย่

“ระบุอาการจากการตรวจลิ้นผู้ป่วยหนึ่งร้อยคน

แค่คิดฉันก็ปวดหัวแล้ว”

“แค่เห็นคนร้อยคนในวิดีโอฉันก็ตาลายแล้ว

แต่นี่ฉันจะต้องดูลิ้นของคนร้อยคนในสิบห้านาที…”

“หนึ่งร้อยคน

เวลาสิบห้านาที หนึ่งนาทีต้องดูอย่างน้อยสิบคน

โดยเฉลี่ยแล้วมีเวลาเก้าวินาทีในการตรวจลิ้นของผู้ป่วย ครั้งนี้เวลาสั้นเกินไปแล้ว

จะตรวจยังไงหมด?”

เสียงบ่นระงมของทุกคนทำให้ทีมงานยิ้มออกมาพร้อมกัน

แบบนี้แหละที่พวกเขาต้องการ!

ถ้าไม่ยากแล้วจะสอบไปทำไม?

ถ้าไม่ยากเรตติ้งจะมาจากไหนละ!

พิธีกรออกคำสั่งโดยไม่สนใจคำบ่นของพวกเขา

การจับฉลากเริ่มต้นขึ้น

ทีมงานเดินมาพร้อมกล่องสี่เหลี่ยมอีกครั้ง

“ในกล่องมีหมายเลข

1-30 และการประเมินจะเรียงลำดับตามหมายเลขที่ได้รับ”

ผู้เข้าแข่งขันจำนวน 30 คนเดินไปจับฉลากด้วยใบหน้าจนปัญญา

ในเวลาไม่นานการจับฉลากทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลง ซูเย่ได้อันดับที่ 11

“ใครคือหมายเลขหนึ่ง”

พิธีกรเอ่ยถาม

“ฉันค่ะ”

มีเสียงหนึ่งตอบมา

เมื่อทุกคนหันไปมองเธอคือลู่จวิ้นนั่นเอง

“โอเค”

พิธีกรพยักหน้า

แล้วชี้ไปที่ทางเข้า “เตรียมพร้อมแล้วก็เดินเข้าไปได้เลย

การสอบกำลังจะเริ่มขึ้น”

ลู่จวิ้นสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก

แล้วเดินก้าวเข้าไปอย่างมั่นคง

“คนที่เหลือ

นั่งเรียงเลขเลยนะครับ จะได้เดินเข้าไปตามลำดับอย่างเป็นระเบียบ…”

พิธีกรกล่าว

ทุกคนเริ่มเปลี่ยนที่นั่งตามหมายเลขทันที

คนที่สอง

เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนซีหนาน ความสามารถของเขาในการเข้าสู่รอบ 30 คนนั้นเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าความสามารถของเขาไม่ได้อ่อนด้อย

คนที่สามคือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์เจียงเป่ย

คนที่สี่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูชื่อหลี่ฮ่าวเฉิง

ลำดับที่ห้าคือลวี่อวิ๋นเผิง

หวังจี้เชาอยู่ลำดับที่สิบ

และซูเย่อยู่ในลำดับที่ 11 ต่อจากหวังจี้เชา

ดังนั้นกล้องหลายตัวจึงหันเล็งไปที่ซูเย่และหวังจี้เชาในทันที

กลุ่มทีมงานต่างตั้งหน้าตั้งตารอการปะทะคารมของสองคนนี้เป็นพิเศษ

แต่กลับพบว่าไม่มีการโต้เถียงกันระหว่างพวกเขาเลยแม้แต่น้อย พวกเขาไม่แม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ

ทีมงานจึงถอนหายใจอย่างเสียดาย

ความสนใจกลับไปอยู่ที่ลู่จวิ้นซึ่งเป็นคนแรกที่ได้รับการเข้าสอบประเมิน

ลู่จวิ้นเดินไปที่หน้าประตูห้องสอบ

มีทีมงานยืนอยู่ที่ประตูบอกโรคที่ลู่จวิ้นต้องหาจากการตรวจลิ้นผู้ป่วย

“เริ่มจับเวลา”

เมื่อลู่จวิ้นก้าวเข้าไปในห้องสอบ

พิธีกรก็เอ่ยขึ้นทันที

ในพื้นที่รอสอบ

ทุกคนหันศีรษะไปอีกทาง เห็นจอบอกเวลาขนาดใหญ่ที่ทีมติดตั้งไว้

ในเวลานี้ชื่อของลู่จวิ้นปรากฏบนหน้าจอและด้านหลังชื่อมีเวลาที่นับถอยหลังจากสิบห้านาที

นอกจากชื่อและเวลาที่นับถอยหลังก็ไม่มีภาพอื่นอีก

เมื่อเห็นดังนั้น

ทุกคนพลันผงะไป แล้วก็เข้าใจทันที นี่คือการทรมานจิตใจของพวกเขา!

เพียงแค่ดูการนับถอยหลังก็ทำให้เกิดความรู้สึกกดดันและความตึงเครียดจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นโดยรอบแล้ว

“บัดซบ!

ทีมงานโหดเกินไปแล้ว!”

ทุกคนจ้องไปที่หน้าจอ

แต่เดิมพวกเขาอยากจะหลับตาและพักสมองสักหน่อย

แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองเวลาที่หน้าจอ

เมื่อเหลือเวลาอีก 10 วินาทีสุดท้าย ..และมันก็หยุดลงอย่างกะทันหัน!

ทุกคนต่างตกตะลึง

สอบเสร็จแล้วเหรอ?

ลู่จวิ้นเดินออกมาจากสนามสอบทันที

เวลาบนหน้าจอปรากฏขึ้น

“ลู่จวิ้น 14

นาที 50 วินาที”

เมื่อมองเห็นเวลาลู่จวิ้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยพลัน

15 นาทีมันน้อยเกินไปจริง ๆ

โชคดีที่เธอสอบได้เสร็จทันเวลาพอดี

สามารถสอบได้ในเวลา 15 นาทีจริงเหรอ?

เมื่อเห็นดังนั้นทำให้ทุกคนเริ่มมีความมั่นใจทันที

คนที่สองลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไป

คราวนี้ผู้เข้าแข่งขันไม่ออกจากห้องสอบทั้งที่เวลาหมดแล้ว

…เขาใช้เวลา 15 นาทีเต็ม

ทุกคนขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าเขาสอบเสร็จหรือไม่

จากนั้นคนที่สาม คนที่สี่

ทุกคนใช้เวลาประมาณ 15 นาที

นักศึกษาคนที่สี่จากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูใช้เวลาเพียง 14 นาที

51 วินาที ซึ่งช้ากว่าลู่จวิ้นหนึ่งวินาที

เมื่อเห็นผลลัพธ์นี้

เขาก็ส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ

คนที่ห้า ลวี่อวิ๋นเผิง

เนื่องจากผลการประเมินสองรอบแรกอยู่ในสิบอันดับแรก

ลวี่อวิ๋นเผิงจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

หลังจากที่เขาเดินเข้าไป

ทุกคนยังจดจ่อกับการดูเวลาที่กำลังนับถอยหลัง

ในตอนที่เวลาเหลืออีก 60 วินาที ลวี่อวิ๋นเผิงก็เดินออกมา

“ว้าว”

“14 นาที

คนที่สอบได้เร็วที่สุดในตอนนี้”

“เร็วกว่าผู้เข้าแข่งคนก่อนหน้าลิบลับเลย”

“คนนี้มาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางเหมือนซูเย่

คราวนี้เด็กจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางดูเก่งไม่เบาเลย!”

ไม่มีใครคิดว่าลวี่อวิ๋นเผิงจะเร็วขนาดนี้

หลังจากตื่นตะลึงได้ไม่นาน การประเมินก็ยังคงดำเนินต่อไป

จากคนที่หกถึงเก้าไม่มีใครสามารถทำลายสถิติเวลาของลวี่อวิ๋นเผิงได้จนถึงคนที่สิบซึ่งก็คือหวังจี้เชา

เมื่อเขาก้าวออกไป

สายตาของทุกคนก็จับจ้องอยู่บนร่างของเขา

ในการสอบสองครั้งแรกเขาเป็นอันดับสองติดต่อกัน

ความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่ในระดับสูงสุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดรองจากซูเย่เพียงคนเดียว

ดังนั้น เขาจะใช้เวลานานแค่ไหน?

ทุกคนต่างตั้งตารอ

เมื่อหวังจี้เชาเดินเข้าไป ทุกคนก็เริ่มจ้องที่จอแสดงเวลานับถอยหลัง

และเมื่อเหลือเวลาอีก 4 นาทีในการนับถอยหลัง

หวังจี้เชาก็เดินออกไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้าของเขา

“ออกมาภายใน 11

นาที?”

“เร็วกว่าลวี่อวิ๋นเผิง

3 นาทีเลยเหรอ?!”

“บ้าเอ๊ย

นี่มันเจ๋งเกินไปแล้ว!”

“เขาคู่ควรกับการเป็นที่หนึ่งในมหาวิทยาลัยการแพทย์ตี้ตู

เขาเก่งมากจริง ๆ”

ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับเวลาที่หวังจี้เชาใช้ในการสอบ

ซูเย่ซึ่งอยู่ต่อจากหวังจี้เชาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ

แววตาของทุกคนเป็นประกายและนั่งตัวตรงเพื่อดูว่าชายหนุ่มจะใช้เวลาเท่าไหร่

รวมถึงกลุ่มทีมงานที่ต่างก็ตั้งตารอผลลัพธ์ของเขา หวังจี้เชาใช้เวลาเพียง 11 นาที ซูเย่ที่รักษาอันดับและกดหวังจี้เชาไว้มาโดยตลอด

ครั้งนี้เขาจะยังทำได้อยู่หรือไม่?

ภายใต้ความสนใจของทุกคน

ซูเย่เดินไปถึงทางเข้าห้องสอบ ทีมงานที่ยืนอยู่หน้าประตูเดินเข้าไปหาเขาเพื่อบอกโรคที่ต้องตรวจหา

“โรคที่คุณต้องตรวจหาจากการตรวจลิ้นของผู้ป่วยคือ

อาการขาดหยินและเลือดจาง”

เมื่อได้ยินดังนั้น

รายละเอียดเกี่ยวกับอาการขาดหยินและเลือดจางก็ปรากฏขึ้นในสมองของซูเย่ทันที

อาการขาดหยินหรือหยินพร่องหมายถึงอาการที่ร่างกายสูญเสียเลือดหรือน้ำในร่างกาย

ส่วนใหญ่มีอาการแสดงออกเป็นอารมณ์เสียง่าย รู้สึกร้อนง่าย เหงื่อออกตอนกลางคืน

โหนกแก้มสีแดง ร่างกายซูบผอม ผิวลิ้นสีแดงผนังลิ้นมีน้อย ส่วนอาการอื่น ๆ

ของเลือดจางส่วนใหญ่ได้แก่ ผิวหน้าเหลือง เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ เป็นต้น

ซูเย่พยักหน้าให้ทีมงานเพื่อบอกว่าเขาพร้อมแล้ว

“เริ่มจับเวลา”

เสียงคำสั่งของพิธีกรดังขึ้น

ซูเย่เดินตรงเข้าไปในห้องสอบและเริ่มการประเมินทันที

ในห้องถัดไปที่พื้นที่รับรอง

ผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่สอบเสร็จแล้ว ต้องไปรวมกันที่นี่

เพื่อหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลให้ผู้เข้าแข่งขันที่ยังยังไม่ได้สอบ

ในห้องรับรองนี้ก็มีจอแสดงการจับเวลาเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของซูเย่เริ่มต้นขึ้น หวังจี้เชาก็จ้องเขม็งทันที

“ฮึ 11 นาทีถือว่าเป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิแล้ว

ฉันอยากรู้นักว่านายจะใช้เวลาสอบนานแค่ไหน!”

หลังจากเข้าห้องสอบ

ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปไม่ได้หยุดอยู่ตรงหน้าคนไข้คนใด

ชายหนุ่มเอาแต่เดินผ่านคนไข้จากแถวแรกโดยไม่หยุดลง

มีเพียงดวงตาที่กวาดไปทั่วใบหน้าของคนไข้แต่ละคน

ผู้ป่วยอาสาสมัคร 100 คนในห้องตรวจต่างฉงนใจ

“เด็กคนนี้กำลังทำอะไร?”

ผู้กำกับจ้าวที่เห็นสถานการณ์ในห้องสอบผ่านจอมอนิเตอร์ก็สับสนในทันใด

สงครามจิตวิทยา?

ดูสีหน้า?

เด็กคนนี้ไม่ได้คิดที่จะหาคนไข้โดยการดูจากปฏิกิริยาของผู้ป่วยใช่ไหม?

แต่อันที่จริง 100 คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าเขาต้องสอบอะไร

‘นายต้องทำให้ได้นะ

เรตติ้งและการค้นหายอดนิยมของพวกเราขึ้นอยู่กับนายและหวังจี้เชาแล้ว!’ จ้าวเหมียนนึกขึ้นในใจ

คิดว่าเป็นการทำสงครามจิตวิทยา? หรือดูสีหน้างั้นหรือ? เปล่าเลย!

ความจริงแล้วซูเย่กำลังดูสีหน้าของผู้ป่วย

เพราะตั้งแต่ตอนที่เขารู้ว่าโรคที่ต้องตรวจหาคืออาหารขาดหยินและเลือดจาง

ลักษณะอาการของการดังกล่าวก็ปรากฏขึ้นในสมองของเขาทันทีแล้ว!!

และเมื่อทราบลักษณะอาการ

มันก็ไม่จำเป็นต้องไล่หาทีละคน

แต่ไล่หาจากผู้ป่วยที่มีอาการใกล้เคียงกับอาการดังกล่าว

โดยการสังเกตใบหน้าของผู้ป่วย เพื่อตัดกลุ่มคนที่ไม่เข้าข่ายออกไป

ใช้เวลาสามนาทีในการสังเกตสีหน้าผู้ป่วยอาสาสมัครทั้งหมดหนึ่งร้อยคน

จากการตรวจลักษณะใบหน้า ซูเย่ได้ผู้ป่วยเป้าหมายจำนวน 15 ราย

หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นทันที “รบกวนผู้ป่วยหมายเลข 7 และหมายเลข 16 … อ้าปากหน่อยครับ”

ผู้ป่วยอาสาสมัครหมายเลขดังอ้าปากของพวกเขาทันทีหลังจากที่ได้ยิน

……

เมื่อจ้าวเหมียนเห็นฉากนี้

ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นในทันใด!

ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าซูเย่จะทำอะไรในตอนนี้!

ก็เหมือนกับเวลาตัดตัวเลือกที่ไม่ถูกต้องออกก่อน

แล้วจึงเน้นที่ส่วนที่เหลือ เพื่อให้ประหยัดเวลา

เด็กคนนี้มีไหวพริบดี!

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวเหมียน

เหมือนที่เจ้าบ้าเฉินหลี่ซ่างว่าไว้ไม่ผิด

รายการของเขาได้สมบัติมาจริง ๆ

……

คนแรก หมายเลข 7

ซูเย่เดินไปทันที

เมื่อตรวจดูจึงพบว่าไม่ใช่ ผู้ป่วยที่มีอาการขาดหยินและเลือดจาง ลิ้นจะบางกว่านี้

ลักษณะของลิ้นบาง คือจะมีรูปร่างบางกว่าทั่วไป ไม่มีผนังลิ้นหรือมีน้อยกว่าปกติ

แต่ผู้ป่วยคนนี้ไม่ตรงกับลักษณะดังกล่าว

เมื่อแน่ใจซูเย่ก็ตัดเขาออกทันที

แล้วเดินไปยังหมายเลขถัดไป หมายเลขสิบหก

ทันทีที่อีกฝ่ายอ้าปาก

ซูเย่ก็ผงะไปเล็กน้อย ลิ้นของผู้ป่วยคนนี้มีลักษณะบางตามที่ข้อมูลว่าไว้

“หาเจอเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?”

“หรือว่าไม่ใช่แค่คนเดียว?”

เมื่อคิดได้ดังนั้น

ซูเย่ก็เดินไปหาผู้ป่วยคนถัดไปทันที เมื่อตรวจเสร็จก็ไปดูคนถัดไป

ภายในเวลาไม่นานก็ตรวจผู้ป่วยทั้ง 15 คนครบเรียบร้อย

แล้วซูเย่ก็ได้หมายเลขของผู้ป่วยที่มีอาการขาดหยินและเลือดจางมาห้าคน

หลังจากที่เขียนหมายเลขห้าหมายเลขลงไปในกระดาษคำตอบ

ก็เดินออกไปทันที

ในเวลานี้

เวลานับถอยหลังเหลืออีก 10 นาทีเต็ม

ในห้องรับรองที่มีผู้เข้าแข่งขันนั่งรออยู่

หวังจี้เชาและคนอื่น ๆ

ที่กำลังจ้องจอแสดงเวลาอยู่ เมื่อเห็นว่าเวลาหยุดลงแล้ว ทุกคนก็ผงะไป

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ทำไมเวลาหยุดแล้ว?”

เป็นไปไม่ได้ที่จะสอบเสร็จภายใน

5 นาที ในตอนที่นาฬิกาจับเวลาหยุดลง

ไม่มีใครคิดว่าชายหนุ่มสอบเสร็จแล้วเลยสักคน

ผู้เข้าแข่งขันในพื้นที่รอสอบก็เช่นกัน

พวกเขาต่างฉงนใจ

“เครื่องจับเวลาพังรึเปล่า

หรือมีบางอย่างผิดปกติในห้องสอบ”

“พิธีกรครับ

มีเครื่องจับเวลามีปัญหาอะไรหรือเปล่า มันค้างอยู่”

มีคนยืนขึ้นเพื่อเอ่ยถาม

……

จ้าวเหมียนที่เพิ่งกลับมาจากไปเข้าห้องน้ำถามด้วยความฉงนใจ

“เกิดอะไรขึ้น”

“เวลานับถอยหลังทำไมหยุดแล้ว?”

จ้าวเหมียนเอ่ยถาม

“การสอบจบแล้วครับ”

ทีมงานคนหนึ่งเอ่ยตอบ “ซูเย่เขียนคำตอบเสร็จแล้ว ตอนนี้เดินออกสนามสอบแล้ว”

“อะไรนะ”

จ้าวเหมียนหันไปดูจอภาพทันที

จริงด้วย ซูเย่เดินออกไปแล้ว!

จ้าวเหมียนที่เห็นแบบนั้นจึงยิ่งประทับใจมากกว่าเดิม

เขาคิดว่าถ้าการสอบยากขึ้นมาอย่างน้อยซูเย่ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อย

ไม่คิดว่าเพียงแค่เขาไปเข้าห้องน้ำแปปเดียว ซูเย่ก็สอบเสร็จแล้ว!!!

ตอนนี้เมื่อเขาจินตนาการถึงปฏิกิริยาของผู้ชมตอนที่ดูถึงฉากนี้

…คนพวกนั้นคงจะแตกตื่นกันน่าดู

……

ห้องรับรอง

“เกิดอะไรขึ้น

ทำไมเวลาหยุดแล้ว”

หวังจี้เชาเอ่ยถามทีมงานในห้อง

“เวลาหยุดก็หมายความว่าผู้เข้าสอบทำการทดสอบเสร็จแล้ว”

ทีมงานเอ่ยเสริม “เมื่อครู่ได้รับข้อความว่านักศึกษาซูเย่สอบเสร็จแล้ว”

อะไรนะ???

ทุกคนในห้องรับรองต่างตะลึงพรึงเพริด

ซูเย่สอบเสร็จแล้ว?

เขาใช้เวลาในการสอบแค่ห้านาทีเท่านั้น?

ไม่จริง! นี่มันไม่ใช่ความจริงแน่

แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากเชื่อ

แม้ว่าความจริงจะปรากฏอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับได้!!

อีกทั้งด้านหนึ่งที่พื้นที่รอเข้าสอบ

“ผู้เข้าสอบคนถัดไปโปรดเตรียมตัว”

พิธีกรที่ได้รับข้อความเอ่ยกับทุกคนทันที “นาฬิกาจับเวลาไม่ได้เสียแต่อย่างใด นักศึกษาซูเย่สอบเสร็จแล้ว

อันดับต่อไป..”