บทที่ 247-1 ประชุม

ลูกศรกลายเป็นภาพเงาติดตาในความมืด สายตาของสวี่ชีอันจับภาพอะไรไม่ได้เลย แต่พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขามองเห็นลูกศรที่มีสีเขียวจางๆ ลอยออกมาแล้ว

ระดับหลอมวิญญาณคือยอดเล็กๆ ของพลังต่อสู้ของสายยุทธ์ คำพูดนี้ไม่ใช่แค่พูดเลื่อนลอย จอมยุทธ์ในระดับขั้นนี้มีสัญชาตญาณที่เฉียบคมต่ออันตรายอย่างยิ่ง

เมื่ออยู่ระดับหลอมวิญญาณ โดยพื้นฐานแล้วก็สามารถบอกลาชะตากรรมการซุ่มโจมตี มือมืด หรือลอบสังหารไปได้เลย

หน้าไม้อาวุธเวทมนตร์ของสำนักโหราจารย์ก็เป็นอาวุธร้ายกาจที่สามารถยิงสังหารระดับหลอมวิญญาณได้…สวี่ชีอันคาดเดาถึงที่มาที่ไปของอาวุธของอีกฝ่ายทันที เพราะเขาก็เคยมีอาวุธเวทมนตร์แบบนี้อยู่ชิ้นหนึ่ง

เขาคิดจะกระโดดออกจากหลังม้าแล้วหลบลูกศรตามสัญชาตญาณ

ไม่ได้ แม่ม้าน้อยของข้าจะมาตายตรงนี้ไม่ได้…

เขาเปลี่ยนความคิดทันที มือขวาเอื้อมไปด้านหลังเอว เสียงใบมีดคมกริบแจ่มชัดก็ถูกชักออกจากฝัก เขาวาดมือตวัดฟันไปด้านหลังแล้วฟันลูกศรหักได้อย่างแม่นยำ

‘กึก’ …เสียงกระเบื้องเคลื่อนดังแผ่วเบา ชายชุดดำสองคนกระโดดขึ้นมาจากหลังคาแล้วโจมตีใส่สวี่ชีอันจากทั้งซ้ายและขวา

ในมือของพวกเขาถือดาบมาตรฐานเอาไว้ กระบวนดาบเฉือนอากาศบิดเบี้ยว คิดจะฟันสวี่ชีอันและม้าให้ตกตายไปพร้อมๆ กัน

“ย่ะ!”

สวี่ชีอันที่สัมผัสได้ถึงอันตรายก็กระทุ้งท้องม้าก่อน กระตุ้นให้แม่ม้าน้อยที่รักห้อตะบึงไปข้างหน้า หลบหลีกการโจมตีของทั้งสองคน

ขณะเดียวกัน เขาก็กระโดดขึ้นจากหลังม้าแล้วถลาลงบนหลังคาร้านอาหารแห่งหนึ่งอย่างแผ่วเบา

‘เคร้ง!’

ประกายดาบของชายชุดดำทั้งสองฟันโดนอากาศ และทำให้เกิดรอยดาบลึกอยู่บนพื้นดิน

ระดับหลอมวิญญาณ…สวี่ชีอันก้มหน้ามอง ในใจลอบคาดเดา

และสิ่งที่ทำให้เขายิ่งต้องใส่ใจก็คือชายชุดดำที่ซ่อนอยู่ในตรอกเล็กๆ ด้านหน้า เกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าระดับหลอมวิญญาณเสียอีก

ใช้กลยุทธ์ถอยทัพ!

ที่นี่คือเมืองชั้นใน มีหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลคอยตรวจตราอยู่ มีทหารลาดตระเวนห้ากองคอยหมุนเวียนกันตรวจดู มือสังหารสามคนนี้ไม่มีทางรั้งอยู่ได้นาน เวลาที่เหลือให้กับพวกเขามีจำกัดยิ่งกว่าฟุตบอลทีมชาติเสียอีก

ตราบใดที่ข้าไม่สู้พัวพัน ภายในเวลาสั้นๆ พวกเขาก็ไม่มีทางจับตัวข้าได้ จากนั้นก็จะถอยหนีไปเอง พอถึงตอนนั้นตนก็รีบใช้วิชามองปราณทันที แล้วให้หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลมาไล่จับคนทั้งสามเป็นการพลิกสถานการณ์

ตอนนี้เอง ในหัวของสวี่ชีอันก็ผุดภาพหนึ่งขึ้นอีกครั้ง ชายชุดดำร่างสูงปรากฏตัวขึ้นข้างหลังอย่างน่าประหลาดแล้วจะชกเข้าที่ท้ายทอยของเขา

บัดซบ มาอยู่ข้างหลังข้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย…ร่างกายของสวี่ชีอันเร็วกว่าความคิด เขาโฉบลงมาจากหลังคาตามสัญชาตญาณ

ขณะเดียวกัน ที่หูก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศจากหมัดโจมตีเข้ามา มันดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง

‘ปัง!’

พลังปราณที่พันอยู่บนกำปั้นระเบิดเป็นวงกระเพื่อมอยู่กลางอากาศ

เมื่อโจมตีโดนอากาศ ยอดฝีมือผู้นั้นก็คล้ายจะตกตะลึงอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าฆ้องทองแดงที่เพิ่งจะก้าวสู่ระดับหลอมวิญญาณจะมีสัมผัสรู้เฉียบคมเช่นนี้

สวี่ชีอันเพิ่งจะเหยียบลงบนพื้น ดาบของระดับหลอมวิญญาณสองคนนั้นก็มารับเขาแล้ว

‘เคร้ง เคร้ง’ …เขาโบกดาบของตนเพื่อปัดป้องดาบที่ฟันเข้ามา เมื่อแตะพื้นได้แล้วก็รีบหนีอย่างรวดเร็ว

การเคลื่อนไหวบนหลังคานั้นอันตรายเกินไป การใช้สิ่งกีดขวางอย่างตรอกเล็กๆ หรือบ้านเรือนให้เกิดประโยชน์นั้นเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า

แต่เขายังหนีได้ไม่เท่าไหร่ เสียงแหวกอากาศจากด้านหลังก็เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ภาพในหัวผุดภาพชายชุดดำกำลังลอบโจมตีขึ้นมาเอง

สวี่ชีอันกัดฟัน บิดเอว แล้วหันหลังกลับไปฟาดฟันทันที

‘เคร้ง!’

ดาบยาวสีดำทองฟันโดนหมัดจนเกิดประกายไฟเสียดตาขึ้นมา มือขวาของสวี่ชีอันราวกับจะแตกออก ขาลากไปกับพื้นและถอยหลังไปหลายสิบเมตร พื้นรองเท้าหนาๆ หลุดออกจากรองเท้าพร้อมเสียงปริแตก

จอมยุทธ์ขั้นหก กระดูกเหล็กผิวทองแดง

แม้จะเดาไว้แล้ว แต่สวี่ชีอันก็ยังรู้สึกหนักอึ้ง

ผู้บงการเบื้องหลังรู้ระดับของข้า ดังนั้นมือสังหารที่ส่งมาจึงเกือบจะกินข้าได้แล้ว…ขณะเดียวกันก็ยังรู้เส้นทางของข้าด้วย ดังนั้นจึงได้มาซุ่มโจมตีอยู่ระหว่างทาง

ใครจะฆ่าข้า?

ตอนนี้ไม่มีเวลาคิดเยอะแยะแล้ว การโจมตีของยอดฝีมือระดับหลอมวิญญาณสองคนมาถึงแล้ว เห็นได้ชัดว่าทั้งสามเป็นกลุ่มที่ประสานงานกันอย่างรู้ใจ มีระดับกระดูกเหล็กผิวทองแดงเป็นหัวหน้า ระดับหลอมวิญญาณทั้งสองเป็นลูกมือ กระบวนท่ารุกเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น

ภายในห้าสิบกระบวนท่า ข้าจะตาย…ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวนี้วาบขึ้นมาในใจของสวี่ชีอัน

เขาหยุดฝีเท้าทันใด ไม่สนใจการโจมตีจากด้านซ้าย แล้วแสดงท่าทางต้องการจะตกตายไปพร้อมกันกับคนทางขวา แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ คนด้านขวานั่นกลับยินยอมพร้อมใจตายไปกับเขาด้วย แต่คนด้านซ้ายที่เห็นชัดๆ ว่าสามารถโจมตีเข้ามาได้กลับถอนดาบไปป้องกัน

สวี่ชีอันหันกายอย่างรวดเร็วแล้วฟันไปที่คนชุดดำด้านซ้าย แล้วโดนใบมีดของเขาขวางไว้ได้พอดี

‘ฉึก’ …คมดาบยาวจากคนชุดดำด้านขวาแทงโดนบ่าของสวี่ชีอัน

“บัดซบ!”

สวี่ชีอันลอบด่า

เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือคนชุดดำทางซ้าย การตายไปพร้อมกันกับคนชุดดำทางขวานั่นเป็นแค่ท่าทางหลอกๆ จนปัญญาที่อีกฝ่ายก็อยู่ระดับหลอมวิญญาณเหมือนกัน จึงสัมผัสได้ถึงวิกฤตอันตรายล่วงหน้า

ขโมยไก่ไม่ได้ ดันเสียข้าวสารอีกกำมือ

สวี่ชีอันเตะชายชุดดำด้านขวาจนกระเด็น คมดาบหลุดจากตัวพร้อมกับเลือดอุ่นๆ

ตอนนี้เอง ยอดฝีมือระดับกระดูกเหล็กผิวทองแดงก็พุ่งเข้ามาสังหารทันที หมัดรวมพลังปราณ แล้วกระแทกเข้าที่ทรวงอกของสวี่ชีอันอย่างรุนแรง

‘ผลัวะ!’

บางอย่างในอกของสวี่ชีอันส่งเสียงแตกออก จากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกรถบรรทุกชนกระเด็น

‘แค่กๆๆ…’

เมื่อสวี่ชีอันทรงตัวมั่นคงแล้วก็กระอักเลือดออกมา สิ่งที่แตกบนหน้าอกก็คืออาวุธเวทมนตร์ฆ้องทองแดงจากหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล รวมถึงเกราะหุ้มใจของซ่งชิงด้วย

เพราะอุปกรณ์ป้องกันสองชั้น เขาจึงขวางการโจมตีเต็มกำลังของยอดฝีมือระดับกระดูกเหล็กผิวทองแดงได้ และรักษาชีวิตของตนได้ในที่สุด

“อาวุธมาตรฐาน อาวุธเวทมนตร์หน้าไม้ของสำนักโหราจารย์ ทั้งยังกล้าฆ่าคนบนถนนในเมืองชั้นในเช่นนี้ พวกเจ้าเป็นทหารเดนตายที่ใต้เท้าสักคนเลี้ยงเอาไว้สินะ”

ขณะเอ่ย เขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างเงียบเชียบ

ชายชุดดำทั้งสามไม่ตอบรับคำพูดของสวี่ชีอันและไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ร้ายสักนิด จากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาสวี่ชีอันอย่างอุตสาหะ

สวี่ชีอันหันกายหนี แล้วเข้าไปในตรอกเล็กแคบทางด้านขวา

ชายชุดดำสามคนตามมาและเห็นสวี่ชีอันยืนอยู่ที่ปลายสุดของตรอก ส่วนดาบยาวคมกริบเล่มนั้นก็ถูกเก็บเข้าฝัก

“ทำไมไม่หนีล่ะ?” มือสังหารระดับกระดูกเหล็กผิวทองแดงเอ่ยถาม

เสียงแหบห้าว แสร้งดัดแปลงเพื่อปลอมตัว

“หนีไม่พ้น ก็เลยคิดจะฆ่าพวกเจ้าที่นี่เสียเลย” สวี่ชีอันหรี่ตา พอใจกับความกว้างของตรอกเล็กๆ ซึ่งเพียงพอให้หนึ่งคนสัญจรผ่านได้เท่านั้น

หนึ่งดาบ ขอโอกาสแค่กระบวนดาบเดียวเท่านั้น

ยอดฝีมือระดับกระดูกเหล็กผิวทองแดงขมวดคิ้ว รวบรวมจิตสัมผัสไปทั่วทุกทิศ แต่ก็สัมผัสไม่พบเสียงฝีเท้าของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลหรือทหารลาดตระเวนอื่นใด

ความมั่นใจของสวี่ชีอันทำให้เขาเกิดความระแวดระแวงตามสัญชาตญาณ

ตบตาขู่ขวัญ?

ตอนนี้เอง เขามองเห็นฆ้องทองแดงระดับหลอมวิญญาณผู้นั้นค่อยๆ จับด้ามดาบด้วยมือขวา

ตั้งสมาธิรวมจุดเดียว บรรลุถึงขั้นสูงสุด

อารมณ์ทั้งหมดร่วงตก พลังปราณทุกอย่างถูกดึงกลับ ราวกับน้ำทะเลที่ลดลงยามเกิดคลื่นพิโรธ

ทันใดนั้น ชายชุดดำทั้งสามที่เกิดอาการตื่นตระหนกในใจ ซึ่งมาจากสัญชาตญาณของระดับหลอมวิญญาณที่บอกพวกเขาว่ากำลัง ‘อันตรายๆๆๆ’…

ไร้ซึ่งความลังเล พวกเขาคิดจะถอนกำลังออกจากตรอกเล็กๆ แห่งนี้ตามสัญชาตญาณของผู้เป็นจอมยุทธ์ แต่ชั่วขณะนี้เอง เสียงคำรามบาดแก้วหูสะเทือนวิญญาณก็ดังขึ้น

สัมผัสรับรู้ของทั้งสามตกอยู่ในสภาวะสับสนชั่วขณะ สูญเสียการควบคุมร่างกายตัวเองไปโดยสิ้นเชิง

จากนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงดึงดาบออกจากฝักที่คมชัดราวกับมังกรคำราม

มือสังหารระดับกระดูกเหล็กผิวทองแดงหลุดออกจากสภาวะสั่นสะเทือนของวิชาสิงโตคำรามคนแรก เขารีบหันกลับไปมองก็เห็นประกายดาบเส้นบางๆ ที่ฟาดฟันเข้ามา

เขายกแขนขึ้นป้องกันได้ทันเวลา พลังปราณแกว่งกวัดกับกล้ามเนื้อ แล้วต้านเข้ากับร่างกายที่แกร่งจนไม่อาจทำลายได้

‘แกร๊ก’

ฆ้องทองแดงระดับหลอมปราณคนหนึ่งเดินอยู่บนหลังคา จากนั้นก็ตามร่องรอยการต่อสู้มาจนถึงตรอกเล็กๆ

เขาเอนตัวมองเข้าไปในตรอกและเห็นคนสี่คนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ชายชุดดำสามคนยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน ตรงข้ามกับพวกเขา สวี่ชีอันที่กำลังถือดาบอยู่ยืนหอบหายใจ เหงื่อออกเต็มหลัง ไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมาจากด้านหลังศีรษะของเขา

“อยู่ตรงนี้!”

ฆ้องทองแดงตะโกนลั่น มือหนึ่งถือดาบ อีกมือถือหน้าไม้ แล้วกระโดดเข้าไปในตรอก ไปยืนอยู่ข้างสวี่ชีอัน

ฆ้องทองแดงสองคนที่อยู่บนหลังคาข้างๆ รีบตามเสียงเข้ามาในตรอก

…………………………………………………