“ที่รัก ทางนี้…”
“ทางนี้…”
“ข้าอยู่นี่…”
ปราสาทที่งดงามตระการตามีเสียงหัวเราะมาจากด้านหลัง สีหน้าของราชาเยว่และมิเชลเปลี่ยนไปเลย พวกเขาได้ยินเสียงของราชาเจิน เมื่อเดินเข้าไปข้างใน ทั้งสองก็ตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์ในห้องโถง ราชาเจินสวมชุดสีขาว ปิดตาและยื่นมือออกไป ขณะที่หญิงสาวสวยหลายคนหยอกล้ออยู่รอบตัวเขา
“อย่าหนีนะ…ฮ่าๆ ข้าจะจับเจ้าเดี๋ยวนี้เลย” ราชาเจินยิ้มอย่างมีความสุขแล้วผายมือออก เหล่าสาวงามต่างพากันกรีดร้องลั่น
ราชาเยว่และมิเชลมองหน้ากันและกระตุกริมฝีปากโดยไม่พูดอะไรเลย ราชาเจินยังคงกางแขนเล่นกับสาวงามราวกับว่าตรงนี้ไม่ได้คนอื่นอยู่
“ราชาเจิน!” ราชาเยว่ตะโกนอย่างโกรธจัด
“โอ้ เสียงนี้ดูเหมือนจะเป็นราชาเยว่นะ” ราชาเจินแกะผ้าปิดตาออก เขามองราชาเยว่และมิเชลแล้วแล้วพูด ”อย่าตะโกนแบบนั้นสิ ข้าไม่ใช่ราชาเจินอีกต่อไปแล้ว เรื่องทุกอย่างไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว ถ้าเจ้ามีอะไรให้พบเด็กคนนั้นได้เลย ตอนนี้เขาคือราชาเจิน อย่ามารบกวนชีวิตแสนดีของข้า” พูดจบก็ปิดตาแล้วเล่นกับสาวงามต่อโดยไม่สนใจทุกคนอีก
ราชาเยว่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่มิเชลหยุดไว้และส่ายหัวน้อยๆ ”ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตที่เขาต้องการเถอะ การเป็นราชาเจินของเขายาวนานและเหนื่อยล้าเกินไปแล้ว”
ราชาเยว่มองตาของมิเชลและหลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบาๆ ไม่พูดอะไร
“ตามข้ามา” จินเหยียนพูดอย่างสุภาพ ”ข้ารู้ทุกอย่าง ท่านไปพักกันสักครู่ก่อนแล้วค่อยมาคุยเรื่องมาตรการกัน”
ทุกคนพยักหน้าอย่างจนใจ
จินเหยียนพาเฟิงอี้เซวียนไปที่ห้องนอนใหญ่หรูหราและวางชีอ้าวชวางให้นอนลงบนเตียงใหญ่ที่นุ่มสบาย
“จินเหยียน ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นราชาเจิน” เฟิงอี้เซวียนถอนหายใจ
“นายน้อยเฟิง ข้ามีคำถามจะถาม โปรดตอบข้าอย่างจริงจังด้วย” ใบหน้าของจินเหยียนจริงจัง
“อะไร?” เฟิงอี้เซวียนสงสัย
“ไม่ว่าคุณหนูจะเป็นอย่างไร เจ้าจะรักนางอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงหรือไม่?” จินเหยียนถามอย่างเคร่งขรึม
“อืม ไม่ว่านางจะเป็นใครหรือกลายเป็นอะไร ข้าจะรักนางอย่างมั่นคง!” เฟิงอี้เซวียนมุ่งมั่นยิ่งกว่าที่เคย
“ดี เท่านี้ก็พอแล้ว” จินเหยียนพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ขอแค่ได้พบกับนายน้อยเหลิ่ง ข้าคิดว่าทุกอย่างน่าจะรู้ผลแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ห้องของเจ้าอยู่ข้างๆ การกบฏครั้งนี้ซับซ้อนกว่าที่ราชาเยว่และคนอื่นๆ คิดไว้มาก ข้าจะบอกทุกคนทีหลัง”
เฟิงอี้เซวียนสงสัย แต่ก็ส่ายหัวและพูด ”ไม่ ข้าจะอยู่ที่นี่ รอให้นางตื่น”
“ตกลง” จินเหยียนมองสายตาที่มั่นคงของเฟิงอี้เซวียนและพยักหน้า
หลังจากที่จินเหยียนออกไปแล้ว เฟิงอี้เซวียนก็นั่งเงียบๆ ข้างเตียงและมองใบหน้าที่สงบของชีอ้าวชวาง
“เอ๊ะ พวกเจ้าเป็นเพื่อนของพี่จินเหยียนหรือ?” ทันใดนั้น เสียงที่คมชัดก็ดังมาจากหน้าต่าง
เฟิงอี้เซวียนเงยหน้าขึ้นและก็เห็นเด็กสาวที่มีดวงตาเป็นประกายและฟันขาวนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่าง และมองมาทางนี้ด้วยรอยยิ้ม
เด็กสาวดูอายุน่าจะเพียงสิบสามหรือสิบสี่ ใบหน้าของนางยังเด็กมาก แต่เฟิงอี้เซวียนสัมผัสได้ถึงการฝึกฝนระดับสูงจากร่างกายของนาง
“ใช่ เจ้าคือ?” เฟิงอี้เซวียนถามอย่างสงสัย
“ฮี่ๆ ข้าชื่อไรลี่ย์ เป็นนักรบฝ่ายซ้ายของพี่จินเหยียน!” ไรลี่ย์เดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม นางสวมเสื้อสีเขียวและคาดเข็มขัดสุดเก๋ที่เอว
การแสดงออกของเฟิงอี้เซวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ”เจ้ารู้เรื่องการกบฏนี้หรือไม่?” เฟิงอี้เซวียนถามคำถามนี้ เขาสับสนเล็กน้อยเพราะราชาเยว่และมิเชลรู้ว่าการกบฏนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก พวกเขาแยกจากผู้คนรอบตัว รวมถึงนักรบของพวกเขาเองด้วย ราชาเจินไม่ได้แยกจากนักรบที่อยู่รอบตัวเขาหรือ?
“รู้สิ ข้าเลยต้องตามพี่จินเหยียนไง พวกขี้ขลาดพวกนั้นไปให้ไกลเลย” ไรลี่ย์พูด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เฟิงอี้เซวียนมองไปที่ใบหน้าของไรลี่ย์อย่างงุนงงและถาม ”เจ้าชอบจินเหยียนหรือ?”
ใบหน้าของไรลี่ย์แดงระเรื่อ นางก้มหน้าและแตะที่เข็มขัดของนาง จากนั้นก็มองไปที่เฟิงอี้เซวียน และสารภาพ ”ใช่ ข้าชอบพี่จินเหยียน ข้าชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเขาเลย ในตอนนั้นข้าสาบานว่าจะติดตามอยู่ข้างกายเขาตลอดไป ไม่ว่าเขาจะชอบข้าหรือไม่ก็ตาม”
เฟิงอี้เซวียนตกใจกับคำสารภาพตรงๆ ของหญิงสาว
“นางคือคุณหนูที่พี่จินเหยียนพูดถึงใช่หรือไม่?” ไรลี่ย์ก้าวไปข้างหน้าและมองไปยังชีอ้าวชวางที่กำลังนอนอยู่บนเตียงและพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เฟิงอี้เซวียนตกตะลึง
“เจ้า เจ้า…”
“เจ้าก็น่าจะรู้ว่าพี่จินเหยียนชอบนาง แต่ดูเหมือนนางจะไม่ได้ชอบพี่จินเหยียน นางชอบเจ้าหรือไม่? หรือนางชอบคนที่ชื่อนายน้อยเหลิ่ง?” ไรลี่ย์ยิ้มขณะที่พูด
เฟิงอี้เซวียนตกใจยิ่งกว่าเดิม
“ข้ารู้ว่าพี่จินเหยียนชอบนาง แต่ไม่เป็นไรหรอก ถึงอย่างนั้นข้าก็จะอยู่กับพี่จินเหยียน ไม่สำคัญว่าในชีวิตนี้พี่จินเหยียนจะชอบหรือไม่ชอบข้า ข้าแค่อยากอยู่เคียงข้างเขา” ไรลี่ย์ยิ้มและพูดจากหัวใจของนาง
เฟิงอี้เซวียนเงียบทันที เมื่อมองไปที่ไรลี่ย์ ริมฝีปากของเขาก็เผยอขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหรอก ข้าเกลียดคนที่บอกว่าข้าโง่ นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการต่างหาก” ไรลี่ย์ยิ้มและนั่งอยู่ข้างเตียงมองใบหน้าที่หลับใหลของชีอ้าวชวางแล้วถอนหายใจ “สวยจริงๆ”
“ว่าแต่ เจ้าชื่ออะไร? แล้วนางล่ะ?” ไรลี่ย์หันไปที่เฟิงอี้เซวียนและถาม
“เฟิงอี้เซวียน ส่วนนางคือชีอ้าวชวาง”
“ชีอ้าวชวาง...” ไรลี่ย์ทวนอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็พยักหน้าและยืนขึ้น “นางคือคนที่พี่จินเหยียนจะปกป้องไปตลอดชีวิตของเขา เช่นนั้นข้าก็จะปกป้องอย่างสุดกำลังเช่นกัน ในอนาคตข้าจะช่วยพี่จินเหยียนปกป้องนาง”
“ขะ ขอบคุณ…” เฟิงอี้เซวียนพูด ความรักของคนคนหนึ่ง เสียสละได้ถึงขนาดนี้เลย ทำได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ…
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เหอะๆ ข้าหวังว่านางจะตื่นเร็วๆ นะ” ไรลี่ย์ยิ้มและยืนขึ้น จากนั้นก็เดินไปที่หน้าต่างแล้วพูด “ข้าจะไปแล้ว อย่าบอกพี่จินเหยียนนะว่าข้าแอบมาที่นี่”
เฟิงอี้เซวียนพยักหน้า จากนั้นไรลี่ย์ก็ออกไปนอกหน้าต่าง
ห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง เฟิงอี้เซวียนมองไปที่ใบหน้าที่หลับใหลของชีอ้าวชวางอย่างหลงใหลด้วยความอ่อนโยนในหัวใจของเขา
ตอนที่ชีอ้าวชวางลืมตาขึ้นช้าๆ ก็สะดุดตากับม่านเตียงสวยงาม พอหันไปเล็กน้อยก็เห็นเฟิงอี้เซวียนฟุบหลับอยู่ข้างเตียง
ชีอ้าวชวางค่อยๆ ยื่นมือออกไปและแตะที่หัวของเฟิงอี้เซวียนเบาๆ แล้วเขาก็ตื่นขึ้นทันที
“อ้าวชวาง ตื่นแล้วหรือ เจ้าหิวหรือไม่?” เฟิงอี้เซวียนยิ้มและถอนหายใจโล่งอก
“อี้เซวียน ข้าฝัน…” เสียงของชีอ้าวชวางแผ่วเบา แต่ก็ยังมีร่องรอยของความเศร้าอยู่
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าฝันถึงอะไร?” เฟิงอี้เซวียนถามอย่างกังวลเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของชีอ้าวชวาง
“ข้าฝันถึงเปลวเพลิงบนท้องฟ้าและสิ่งมีชีวิตที่เป็นเถ้าถ่าน ความเกลียดชังและความโกรธอย่างมาก ทั้งหมดนั้นเกิดจากข้า ดูเหมือนว่าข้ากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่” ชีอ้าวชวางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วเฟิงอี้เซวียนก็รีบเอื้อมมือออกไปพยุงนาง
“เจ้ากำลังมองหาอะไร?” เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้าก็ไม่รู้” ชีอ้าวชวางส่ายหัวเบาๆ
“อย่าคิดมากเลย ข้าจะไปบอกให้คนเอาน้ำมาให้เจ้าล้างหน้าและเตรียมอาหารให้เจ้า” เฟิงอี้เซวียนยื่นมือออกไปลูบหัวของชีอ้าวชวางเบาๆ เพื่อปลอบโยน
ชีอ้าวชวางพยักหน้าเบาๆ โดยไม่พูดอะไร
ทุกคนกำลังนั่งปรึกษากันอยู่ในห้องโถงใหญ่ ทุกคนรวมกันอยู่ที่นั่น รวมทั้งไรลี่ย์ด้วย ชีอ้าวชวางค่อนข้างเหม่อลอย ฉากในฝันนั้นค่อนข้างน่าตกใจ
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เราต้องหาราชาองค์อื่นและเปิดผนึกเพื่อทำลายราชาสวรรค์และไปที่ปราสาทของคามิลล์ด้านล่างนั้น?” เฟิงอี้เซวียนสรุป
“แบบนั้นเลย แม้ว่าเราจะไม่ทำลายราชาสวรรค์ แต่ราชาสวรรค์ก็จะตามหาเรา ไม่สิ หรือว่าเขาจะกำลังรอเราไปหาอยู่จริงๆ?” ราชาเยว่ขมวดคิ้วทันที
“ถ้าเขาไม่เคลื่อนไหว มันจะไม่เป็นการรอความตามหรือ? จะรอจนกว่าเราจะรวมตัวกันเปิดผนึกหรือ?” มิเชลงง
“แล้วถ้ามีหนึ่งในราชาหันไปหาเขาล่ะ?” คำพูดของราชาเยว่ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
“ไม่หรอก เขาทำลายราชาสวรรค์ ใครจะหันไปหาเขา!” มิเชลคัดค้านอย่างเด็ดขาด
“ถ้าเป็นราชาองค์ใหม่ล่ะ?” เฟิงอี้เซวียนพูดเบาๆ แล้วสีหน้าของมิเชลก็เปลี่ยนไป
“เช่นนั้น ในตอนนี้เราก็มั่นใจในราชาหย่งกับราชาไป๋ไม่ได้ เราควรไปหาราชาอี้” ราชาเยว่พูด
“ราชาอี้จะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?” เฟิงอี้เซวียนพูด
“ไม่หรอก ตำแหน่งที่ตั้งของปราสาทราชาอี้นั้นไม่แน่นอน ปราสาทของเขาเป็นเมืองบนท้องฟ้า มันเคลื่อนที่ตลอดเวลาในก้อนเมฆ ไม่มีใครหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำหรอก” ราชาเยว่บอก
“หมายความว่าเราก็หามันไม่พบง่ายๆ น่ะสิ” เฟิงอี้เซวียนถามอย่างกังวลพร้อมกับขมวดคิ้ว
มิเชลยักไหล่และไม่พูดอะไร
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน จินเหยียนก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้นทันที ”มีคนอยู่นอกปราสาท”
“ใคร?” ทุกคนถามพร้อมกัน
“ผู้ส่งสารของราชาอี้…” จินเหยียนพูดด้วยท่าทางงุนงง เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย นี่มันแปลกเกินไปแล้ว เมื่อกี้กำลังพูดถึงราชาอี้ จากนั้นก็มีผู้ส่งสารมาปรากฏตัวเลย?
จินเหยียนไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป เขาทำมือในอากาศและสิ่งที่ดูเหมือนกระจกก็ปรากฏขึ้น จากนั้นน้ำเริ่มกระเพื่อมภายในและค่อยๆ ชัดเจนขึ้นสะท้อนถึงผู้คนภายใน
“นั่นราชาอี้!”
“ทำไมเป็นนาง?!”
ในกระจกมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ แม้ว่าร่างของนางจะถูกเสื้อคลุมปิดบังจนมิดและใบหน้าก็ถูกคลุมด้วยหมวก แต่ราชาเยว่และมิเชลก็ยังคงดูออกว่าเป็นนาง
“ราชาอี้เป็นผู้หญิงหรือ?” เฟิงอี้เซวียนตกใจ
“มีใครบอกเจ้าหรือว่านางเป็นผู้ชาย?” ราชาเยว่เบ้ปาก
เฟิงอี้เซวียนกระตุกปากและส่ายหัว
“ราชาอี้จริงๆ หรือ?” จินเหยียนพูด