ตอนที่ 266 ล่วงรู้ความจริง!
เห็นหวังเจียเหยายอมสารภาพจะบอกความจริง หลิวเจิ้งคุนที่แบกหวังเจียเหยาก็หยุดลงแล้วมองเย่เฉิน

แต่ในครั้งนี้ท่าทีของเย่เฉินกลับแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง!

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ตอนนี้ผมไม่อยากรู้ความจริงแล้วล่ะ!”

เขาทนฟังคำโกหกของหวังเจียเหยามามากพอแล้ว ไม่อยากให้ตนเองไปติดอยู่ในวงเวียนความผิดของหล่อนอีก

เด็กผู้หญิงคนนั้นหล่อนจะอุปโลกน์ว่าเป็นลูกใครก็ตามใจ!

อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ของเย่เฉิน เย่เฉินถือว่าหวังเจียเหยาให้กำเนิดบุตรชายแค่คนเดียว!

“อะไรนะ?” หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินไม่อยากจะฟังความจริงแล้วก็ชะงักไป

หลิวเจิ้งคุนกล่าวพลางหัวเราะ “เหอะๆ ก่อนนี้ผมให้โอกาสคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมพูด ตอนนี้จะพูดก็สายไปเสียแล้ว! เก็บความลับสกปรกพวกนี้ไปตลอดชีวิตเถอะ! คุณชายเย่ของพวกเราไม่อยากจะรับรู้เรื่องสกปรกของคุณอีก!”

หวังเจียเหยาหัวเสียอย่างยิ่ง หล่อนพุ่งไปหาเย่เฉินแล้วตะโกน “เย่เฉิน! หรือว่านายไม่อยากรู้หรอว่าใครมันจงใจหยามนาย!”

คำพูดเช่นนี้ทำให้เย่เฉินที่เดิมเย็นชาดูมีอารมณ์ทันที

“คุณพูดว่าอะไรนะ?”

หลิวเจิ้งคุนรีบร้อนแบกหวังเจียเหยา แต่ไม่ได้เดินไปหาเย่เฉิน ทำให้หญิงสาวตีหลิวเจิ้งคุนไม่หยุด “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”

หลิวเจิ้งคุนวางหญิงสาวลงอย่างว่าง่ายแล้วหวังเจียเหยาจึงเดินไปหาเย่เฉินพลางกล่าว

“เย่เฉินพ่อของลูกสาวฉัน ไม่ใช่อดีตคนรักฉัน ตอนนั้นฉันรักนายจะตาย นอกจากนายแล้วฉันไม่สนใจผู้ชายคนอื่น! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงมักมาก! ผู้ชายคนนั้นเป็นศัตรูของนาย! เป็นเพราะนาย ฉันถึงได้มีสภาพแบบนี้!”

เย่เฉินชะงักไป “ศัตรูของผมเหรอ? ใครน่ะ?”

เย่เฉินจำไม่ได้ว่าตนเองมีศัตรูคู่แค้นอะไร ทว่าเขายังเคยไปผจญภัยในสถานที่ต่างๆ มาตั้งหลายปี แถมยังมีฐานะเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ คนที่เขาเผลอเรอไปล่วงเกินเข้าอาจจะมีไม่น้อย

แค่สามปีที่อวิ๋นโจวเขาก็ล่วงเกินพวกเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ ไปมากเพราะเขาต้องการจะกลายเป็นราชาแห่งวงการธุรกิจในอวิ๋นโจว

หวังเจียเหยามองไปรอบๆ “นายแน่ใจนะว่าอยากจะคุยเรื่องนี้กับฉันที่นี่?”

ที่นี่มีคนมากมายไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับการพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่นัก

“อาคุนส่งกุญแจรถมาให้ฉัน”

เย่เฉินรับกุญแจรถมาจากหลิวเจิ้งคุนแล้วเตรียมจะขับรถออกไปจากที่นี่เพื่อหาที่เงียบๆ คุยกับอดีตภรรยา

“ขึ้นรถมา”

เย่เฉินสั่งหวังเจียเหยา

“นายไม่ทำที่นี่ให้เป็นสุสานได้ไหม?” หวังเจียเหยาอ้อนวอน

เย่เฉินมองแววตาอ้อนวอนของหญิงสาวแล้วหันไปบอกหลิวเจิ้งคุน “ให้พวกเขาหยุดก่อนชั่วคราว”

“ครับ!”

จากนั้นเย่เฉินก็ขับรถพาหวังเจียเหยาออกไปจากอีผิ่นเจียเหยา

เพิ่งขึ้นรถเย่เฉินก็ถาม “คุณอยากไปคุยที่ไหน?”

“วิลล่าที่เหมยกุยหยวน!” หวังเจียเหยากล่าว ที่นั่นคือบ้านของพวกเขาสองคน!

เย่เฉินไม่พูดอะไรต่อแต่ขับรถไปที่วิลล่าในเขตเหมยกุยหยวน แล้วพวกเขาก็กลับไปสถานที่อันเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำที่แสนหวานของพวกเขาสองคน

การตกแต่ง การออกแบบและเฟอร์นิเจอร์ภายในวิลล่ายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้นกลับมาอีกครั้งหวังเจียเหยาจึงรู้สึกเหมือนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่หล่อนเพิ่งจะแต่งงานกับเขาใหม่อีกครั้ง

หวังเจียเหยาลูบเฟอร์นิเจอร์ กำแพง ภาพตัวอักษรทั้งหมดในวิลล่าอย่างตื่นเต้น

เย่เฉินอยากจะหยุดหล่อนแต่ว่าหวังเจียเหยากลับเดินขึ้นบันได เดินไปบนห้องนอนที่ทั้งสองคนเคยพัก

หลังจากนั้นหล่อนก็เห็นกลอน ‘รอคอย’ ของสีมู่หรง แล้วยังได้ยินเพลง MIDI เดิมๆ อีก

เมื่อได้กลับไปที่ห้องนอนห้องนั้นหวังเจียเหยาก็ร่ำไห้ หล่อนโผเข้าอ้อมกอดของอดีตสามีแล้วตัดพ้อ

“ได้มาที่นี่อีกครั้ง ฉันดีใจมากเลย ที่นี่ยังมีกลิ่นอายความหลังของเรา ทันทีที่ฉันมาที่นี่ความทรงจำในอดีตทั้งหมดของพวกเราก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย ที่รักคุณล่ะคะ?”

หวังเจียเหยาฉวยโอกาสนี้เรียกเย่เฉินว่าที่รักอีกครั้ง

หล่อนชอบวิลล่าแห่งนี้ ชอบห้องนอนที่นี่อย่างมาก

คราวก่อนตอนที่หล่อนออกจากวิลล่าหลังนี้เป็นเพราะโดนบีบบังคับให้ต้องออกจากที่นี่ ตอนนั้นเย่เฉินแสร้งทำเป็นเหมือนตัวเองโดนไล่ออกจากตระกูลทำให้อยู่ที่นี่ไม่ได้

หวังเจียเหยาจึงจำใจต้องย้ายออก และแน่นอนว่าตอนนี้หวังเจียเหยาถึงเพิ่งได้รู้ว่าทั้งหมดนี้เย่เฉินเป็นคนหลอกหล่อน

ถึงแม้เย่เฉินจะหลอกลวงหล่อนว่าเขาเองโดนไล่ออกจากตระกูล แต่หลังจากที่ย้ายออกไปแล้วเขาเองก็ไม่เคยกลับมาที่นี่

เขาไม่เคยแตะต้องของชิ้นใดที่นี่ ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่พวกเขาออกไป

แต่ว่าไม่เหมือนกับหวังเจียเหยา เมื่อเขากลับมายังห้องที่พวกเขาเคยอยู่กลับไม่รู้สึกได้ถึงความสุขในอดีตแม้แต่น้อย แต่เป็น…

หวังเจียเหยาอิงแอบอยู่ในอ้อมอกเย่เฉิน เขากลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขอะไรสักนิด แต่เขากลับกล่าวว่า

“หวังเจียเหยา คุณรู้ไหมว่าผมกลับมาที่เราเคยอยู่ด้วยกันอีกครั้งเนี่ย ในหัวผมคิดอะไร?”

หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินไม่ผลักหล่อนออก ไพล่คิดไปว่าอีกฝ่ายระลึกถึงความรักของพวกเขาสองคน ก็ส่ายหน้าแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “ที่ผมคิดก็คือเมื่อปีก่อนที่นี่หลังจากที่ผมตื่นไปทำงานแต่เช้า คุณไประเริงสุขกับผู้ชายคนไหนในห้องนี้กันแน่!”

หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินหัวเสียก็รีบปล่อยเขาทันที

“รีบบอกมาได้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครกันแน่! ผมให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย!” เย่เฉินมีท่าทีขึงขัง

หวังเจียเหยาเองก็รู้ว่าครั้งนี้เย่เฉินพูดจริงๆ หล่อนจึงไม่กล้าหลอกเขาอีก

หวังเจียเหยา “ฉันก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร ฉันรู้แค่ว่าเขามีอำนาจมีเงินมาก มีวันหนึ่งหลังจากที่นายไปทำงานตอนเช้า จู่ๆ ก็มีคนปีนเข้าหน้าต่าง ฉันตกใจร้องเสียงดังแต่เขาเอามืออุดปากฉันเอาไว้ หลังจากนั้นก็บอกให้ฉันเงียบๆ แล้วถึงยอมปล่อยฉัน ฉันเห็นว่าเขาไม่เหมือนหัวขโมยหรือฆาตกร ก็เลยรับปากเขาแล้วค่อยๆ คุยกับเขา

ตอนแรกเขาให้ฉันดูรูปภาพกับคลิปที่เป็นรูปเขากับพวกนักการเมืองชื่อดังทั้งหลายไปกินข้าว ตีกอล์ฟด้วยกัน พอฉันดูแล้วถึงได้รู้ว่าเขาไม่ใช่นักเลงหัวไม้ แต่เป็นคนที่มีอำนาจมากทีเดียว! จากนั้นก็เลยถามเขาว่าทำไมต้องแอบเข้าบ้านของเรา เขาบอกว่านายเป็นศัตรูของเขา เขาอยากจะล้างแค้นนายผ่านทางฉัน… ฉันย่อมไม่เห็นด้วยแต่เขาบอกว่าถ้าฉันไม่ยอเขาจะฆ่าฉัน แต่ถ้าฉันยอมเขาจะให้เงินฉันพันล้านทันที”

พันล้านเหรอ?

หวังเจียเหยามีมูลค่าสูงขนาดนี้เชียว!

เย่เฉินถาม “แล้วเขาได้ให้เงินคุณพันล้านไหม?”

หวังเจียเหยาพยักหน้ารับ “ให้ตั้งแต่วันแรกเลย”

เย่เฉินประหลาดใจแต่ก็เข้าใจทันที

ที่แปลกใจก็คือคิดไม่ถึงว่าหมอนี่จะยังรักษาคำพูดโดยให้เงินอดีตภรรยาเขาจริงๆ

เงินสดพันล้านสำหรับบางตระกูลไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

พิสูจน์ได้ว่าครอบครัวของผู้ชายคนนั้นมีอำนาจจริงๆ เขาไม่ได้คุยโวโอ้อวด

ในที่สุดเขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมหลังจากที่หวังเจียเหยาแต่งงานแล้วกลับลอบไปพบกับหลิ่วอวี่เจ๋อ แถมยังเผลอไผลไปกับอีกฝ่าย

ที่แท้เพราะหล่อนมีเงินพันล้านเลยมีความมั่นใจ!

ตอนนั้นตระกูลหวังมีทรัพย์สินแค่ไม่กี่พันล้าน อีกทั้งคุณนายหวังยังมีลูกชายถึงสองคน สมบัติของตระกูลน่าจะถูกส่งต่อให้หลิวซ่าวเจี๋ย

ดังนั้นสำหรับหวังเจียเหยาแล้วเงินพันล้านถือเป็นเงินที่หล่อนไม่อาจปฏิเสธได้เลย

“ที่รัก”

“อย่าเรียกผมว่าที่รัก…!”

“เย่…เย่เฉินนายลองคิดดูดีๆ ว่านายไปล่วงเกินใครเอาไว้บ้าง?”