ตอนที่ 543

Elixir Supplier

543 บาดเจ็บ

 

“เขาไปโดนอะไรมาครับ?” หวังเย้าถาม เด็กมีอายุประมาณ 5 ขวบ

 

“เขาตกลงมาจากเตียงตอนที่กำลังเล่นอยู่น่ะ” ชายวัยกลางคนพูด “เธอช่วยดูอาการของเขาให้หน่อยได้ไหม?”

 

หวังเย้าตรวจดูอาการของเด็กและพบว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ข้อศอกของเขาเคลื่อนเท่านั้น

 

“นั่งนิ่งๆนะครับ” หวังเย้าบอกกับชายวัยกลางคนให้จับตัวเด็กเอาไว้ “ไม่ต้องกลัวนะ เธอจะไม่เป็นอะไร”

 

เขาพยายามปลอบเด็กให้สงบลง แล้วขยับแขนของเด็กอย่างเบามือและเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

 

แคร๊ก! ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็ได้ยินเสียงนี้

 

“ตอนนี้ เขาไม่เป็นอะไรแล้วครับ” หวังเย้าพูด

 

“แค่นี้เหรอ?” ชายวัยกลางคนถามด้วยความแปลกใจ

 

“ครับ” หวังเย้าพูด

 

แล้วเด็กน้อยก็ค่อยๆหยุดร้องไห้

 

“เธอยังเจ็บแขนอยู่ไหม?” หวังเย้าถาม

 

“นิดหน่อยฮะ” เด็กบอกออกมาตามจริง

 

“เธอเป็นลูกผู้ชายที่กล้าหาญมาก” หวังเย้าพูด

 

“ฮะ” เด็กน้อยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

 

“ฉันขอตรวจดูอีกรอบนะ หวังว่ามันจะไม่ส่งผลเสียไปที่กระดูกด้วย” หวังยู้ด

 

ในเมื่อนี่เป็นเหตุฉุกเฉิน หวังเย้าจึงตรวจดูแค่คร่าวๆเท่านั้น ตอนนี้เขาจึงอยากจะตรวจดูให้ละเอียดเพื่อดูว่ากระดูกของเขาแตกหักหรือไม่

 

“ได้ฮะ” เด็กน้อยพูด

 

หวังเย้าตรวจดูแขนของเด็กชายเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร เขาจัดแขนของเด็กชายให้ถูกท่า “สองสามวันนี้ พยายามอย่าขยับแขนข้างนี้นะ”

 

“แล้วค่ารักษาเท่าไหร่เหรอ?” พ่อของเด็กถาม

 

“ไม่คิดครับ” หวังเย้าพูด

 

“ขอบคุณนะ เสี่ยวเย้า” พ่อของเด็กพูด

 

“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด

 

ชายวัยกลางคนพาลูกของเขากลับไปที่บ้าน หวังเย้าจัดการปิดประตูและกลับไปกินข้าวที่บ้าน

 

“ทำไมถึงไม่ไปโรงพยาบาลแทนล่ะ? ถ้าเกิดเขากระดูกหักขึ้นมาจะทำยังไง? คลินิกของเขาไม่มีเครื่องมืออะไรสักอย่าง ถ้าเกิดเขาทำลูกของเราแขนหักขึ้นมาจะทำยังไง?” ชายวัยกลางคนไม่คิดว่าจะถูกภรรยาของตนเองว่าเอา สุดท้ายเขาจึงพาลูกชายของเขาไปตรวจดูที่โรงพยาบาล ความจริงแล้ว สิ่งที่ภรรยาของเขากังวลก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่

 

“แม่ครับ พรุ่งนี้ผมไม่กลับมากินข้าวเย็นที่บ้านนะครับ ผมจะไปเจอเพื่อนที่ในเมือง” หวังเย้าพูด “มีอะไรที่แม่กับพ่ออยากให้ผมซื้อจากในเมืองมาให้ไหมครับ?”

 

“ไม่มีหรอก แล้วก็อย่าดื่มเยอะนะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูด

 

“ผมต้องขับรถ คงไม่ดื่มหรอกครับ” หวังเย้าพูด

 

ในคืนนั้น ตอนที่หวังเย้าอยู่บนเนินเขาหนานชาน เขาก็ได้รับสายจากศาสตราจารย์ลู่

 

เพื่อนของศาสตราจารย์ลู่กลับไปที่บ้านเกิดของเธอก่อนวันตรุษจีนไม่กี่วัน แต่เธอก็ไม่กลับมาสักที ในตอนที่ศาสตราจารย์ลู่กำลังเป็นกังวลอยู่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เวินหว่านก็โทรมาอธิบายให้เขาฟังว่า แม่ของเธอป่วยหนักมา เธอจึงอยู่ดูแลแม่ของเขาต่อ และไม่สามารถไปรักษากับหวังเย้าได้

 

“แล้วเธอเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม “แบบนั้นเธอคงจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ”

 

อาการของเวินหวานถือว่าหนักมาก ไม่ต่างจากคนป่วยส่วนใหญ่ที่มีร่างกายอ่อนแอ เธอจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่การดูแลแม่ที่ป่วยหนักเป็นงานที่ลำบากมาก

 

“อาการของเธอไม่ค่อยดีเลย” ศาสตราจารย์ลู่ที่อยู่ปลายสายพูด

 

เขากังวลเรื่องอาการของเวินหวานอย่างมาก เขาได้พยายามเตือนไม่ให้เธอทำลายสุขภาพตัวเองโดยการคอยดูแลแม่ที่ป่วยของเธอ เพราะตัวเธอเองก็ป่วยหนักอยู่แล้ว แต่เวินหว่านกลับไม่ฟังคำพูดของเขา และพยายามดูแลแม่ของเธออย่างสุดความสามารถ

 

“แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ” หวังเย้าพูด มันจะทำให้อาการของเวินหว่านแย่ลง “บอกให้เธอกลับมารับการรักษาต่อให้เร็วที่สุดด้วยนะครับ”

 

“ได้ ฉันอยากรู้ว่า เธอยังมียาที่ให้ฉันไว้คราวก่อนอยู่อีกไหม?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม

 

“ยา? เม็ดยาจิ่วเฉาน่ะเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ นั่นแหละ” ศาสตราจารย์ลู่พูด

 

“ผมยังพอมีเหลืออยู่บ้างครับ” หวังเย้าพูด

 

“ฉันขอซื้อจากเธอสักหน่อยได้ไหม?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม เขาได้ยินมาจากเวินหว่านว่า ยาเม็ดนั้นเป็นยาที่วิเศษมาก

 

“เม็ดยาสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น มันไม่สามารถรักษาอาการป่วยของเธอได้หรอกนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ช่วยได้แค่ชั่วคราวก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แม่ของเธอป่วยหนักมาก ฉันกลัวว่าเธออาจจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว” ศาสตราจารย์ลู่พูด

 

“ได้ครับ ถ้าสะดวกเมื่อไหร่ก็มาเอายาที่ผมได้เลยครับ” หวังเย้าพูด

 

“ขอบคุณนะ” ศาสตราจารย์ลู่พูด

 

เม็ดยาจิ่วเฉาทำขึ้นมาจากสมุนไพรทั้งเก้าชนิด ถึงแม้ว่าจะไม่มีสมุนไพรรากรวมอยู่ด้วย แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นสมุนไพรป่า และสมุนไพรส่วนใหญ่ก็มาจากแปลงสมุนไพรของหวังเย้าเอง ด้วยการเกื้อหนุนจากพลังวิญญาณของค่ายกล จึงทำให้สมุนไพรเหล่านั้นมีคุณภาพที่สูงมาก หวังเย้ายังเหลือเม็ดยาอยู่อีกหลายเม็ด และมันก็ไม่ยากสำหรับเขาที่จะทำมันขึ้นมาใหม่

 

วันต่อมา หวังเย้าปิดคลินิกตอนเกือบ 10 โมงเช้า เขาแขวนป้ายเอาไว้ที่หน้าประตู ระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน เขาก็เจอกับชายวัยกลางคนที่พาลูกชายของเขามาที่คลินิกเมื่อวันก่อน

 

“ฉันบอกแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไร” ชายวัยกลางคนพูดกับภรรยาของเขา “ตอนนี้เธอเชื่อฉันรึยัง?” พวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากในตัวเมือง ทั้งสองพาลูกชายไปที่โรงพยาบาลในตัวเมือง และพบว่า ลูกชายของพวกเขาแค่กระดูกข้อศอกเคลื่อนเท่านั้น ซึ่งก็เป็นไปตามการวินิจฉัยของหวังเย้า หมอที่โรงพยาบาลทำการเอ็กซ์เรย์และตรวจอีกหลายอย่าง และพบว่าเด็กชายไม่ได้เป็นอะไร ดังนั้น พวกเขาจึงได้พาลูกชายกลับมาที่หมู่บ้าน

 

“ชู่! เสี่ยวเย้าอยู่ตรงนั้น!” ภรรยาของชายวัยกลางคนสะกิดเขา

 

หวังเย้าได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจน เขาไม่ได้สนใจอะไร หากคนไข้ของเขาจะไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความสบายใจ หลังจากที่มารักษากับเขาแล้ว มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ โดยเฉพาะกับคนที่ป่วยหนัก

 

“สวัสดีครับ” หวังเย้าทักทายสองสามีภรรยา

 

“สวัสดี เสี่ยวเย้า” ชายวัยกลางคนพูด

 

“เด็กเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม

 

“เขาไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” ชายวัยกลางคนพูด

 

“ไม่เป็นไรครับ ไว้เจอกันนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“แล้วเจอกัน ถ้ามีเวลาก็แวะมาที่บ้านฉันนะ” ชายวัยกลางคนพูด

 

“ได้ครับ บาย” หวังเย้าพูด

 

“ฉันหวังว่าเขาจะไม่ได้ยินที่เราพูดกันนะ” ชายวัยกลางคนพูด

 

“ไม่ได้ยินหรอก เขาอยู่ไกลจะตาย เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะได้ยินเรื่องที่เราคุยกันอยู่น่ะ” ภรรยาของเขาพูด

 

“ฉันรู้ เขาเป็นคนดี แล้วยังไม่คิดเงินเลยสักหยวน” ชายวัยกลางคนพูด

 

“อืม เขาเป็นคนดีจริงๆ” ภรรยาของเขาพูด

 

หวังเย้าคุยกับพ่อแม่ของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะขับรถเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชาน เมื่อไปถึงในตัวเมืองและจองโต๊ะกับทางร้านอาหารเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปที่ร้านของหวังหมิงเปาต่อ

 

เขาและหวังหมิงเปาพากันไปที่ร้านอาหารตอน 11 โมง ส่วยเทียนหยวนถู, หลี่เม่าชวง, เว่ยห่าย, และพันจวินก็ตามมาหลังจากนั้นไม่นาน

 

“ว่าไง ไม่ได้เจอทุกคนนานเลยนะ” หวังหมิงเปาพูด

 

“ใช่แล้วล่ะ” เว่ยห่ายพูด

 

เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มลูกค้าประจำ อาหารจึงถูกนำออกมาเสริฟเร็วเป็นพิเศษ

 

พวกเขาบางคนไม่ได้ขับรถมาเอง และบางคนก็ขับรถมา ดังนั้น พวกเขาจึงดื่มไวน์กันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หวังเย้าก็ดื่มไวน์ไปแก้วเล็กๆแก้วหนึ่ง ด้วยความสามารถของเขานั้น ถึงเขาจะดื่มไปหลายแก้ว เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอลของตำรวจก็คงจะตรวจไม่พบอะไรอยู่ดี

 

หลังมื้ออาหาร เทียนหยวนถูก็พาทุกคนไปต่อกันที่รีสอร์ทของเขา มันมีส่วนให้ความบันเทิง, ร้านอาหาร, และศูนย์กลางการทำธุรกิจอยู่ด้วย

 

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาที่นี่เลยนะ” พันจวินพูด

 

หากพูดให้ถูกก็คือ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่รีสอร์ทแห่งนี้ แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาที่ส่วนให้ความบันเทิงของรีสอร์ทต่างหาก

 

ด้านในมีห้องดื่มชาอยู่ด้วย เทียนหยวนถูนำน้ำชาชั้นดีออกมาเลี้ยงพวกเขา และภายในห้องน้ำชาก็ถูกตกแต่งออกมาได้อย่างประณีต

 

“อยากจะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ตามสบายเลยนะ” เทียนหยวนถูพูดด้วยรอยยิ้ม

 

พวกเขาอยู่ที่นี่ไปเกือบตลอดทั้งบ่าย แล้วเทียนหยวนถูก็เชิญทุกคนอยู่ทานอาหารเย็นกันต่อที่รีสอร์ท เขาเลี้ยงพวกเขาด้วยอาหารจำนวนมาก

 

คืนนั้น พวกเขาดื่มกันอีกรอบ ทุกคนดูเหมือนจะดื่มกันเยอะมาก และมีบางคนที่เริ่มเมาบ้างแล้ว ยกเว้นก็แต่หวังเย้าแค่คนเดียว

 

เมื่อถึงเวลาสองทุ่มกว่า พวกเขาก็จบงานเลี้ยง

 

“อย่าขับรถกลับบ้านกันเลย” เทียนหยวนถูกจัดการหารถและคนขับไปส่งทุกคนกลับบ้าน

 

“ขอบคุณนะ พี่ชาย!” หลี่เม่าชวงที่มีอาการเมาพูด “ไว้เจอกันใหม่นะ”

 

“นายจะขับรถกลับบ้านเองเหรอ?” หลี่เม่าชวงถามหวังเย้าที่กำลังจะขึ้นนั่งรถของตัวเอง เขารู้สึกเป็นห่วงหวังเย้าเล็กน้อย

 

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ แอลกอฮอลไม่มีผลกับผมอยู่แล้ว” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“โอเค งั้นก็ขับรถกลับดีดีล่ะ” หลี่เม่าชวงพูด

 

“ครับ” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้าขับรถกลับไปถึงที่บ้านและจอดรถเอาไว้ด้านนอก จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานตอนประมาณสี่ทุ่ม

 

เช้าวันต่อมา เขาจัดการทำยาขี้ผึ้งต่อ แล้วเขาก็ได้รับสายจากศาสตราจารย์ลู่ในตอนที่กำลังจะจุดไฟพอดี ศาสตราจารย์ลู่มาถึงที่หน้าคลินิกแล้ว หวังเย้าจึงหยุดงานที่ทำและเดินลงไปที่คลินิก

 

“อรุณสวัสดิ์ หมอหวัง” ศาสตราจารย์ลู่พูด

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ เชิญเข้ามาข้างก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้าชงชาให้ศาสตราจารย์ลู่ดื่ม

 

“คุณขับรถมาตลอดทั้งคืนเลยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ เมื่อวานฉันมีเรื่องต้องทำที่เซี่ยงไฮ้น่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็คงจะมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ศาสตราจารย์ลู่พูด

 

“นี่ครับยา” หวังเย้าหยิบเม็ดยาจิ่วเฉาออกมา

 

“ขอบคุณนะ” ศาสตราจารย์ลู่พูด “ฉันต้องจ่ายเงินให้หมอเท่าไหร่เหรอ?”

 

“ราคาเม็ดละ 500 หยวนครับ” หวังเย้าพูด

 

“โอเค” ศาสตราจารย์ลู่ไม่คิดว่ามันแพงเลยสักนิด เขายังคิดว่ามันแพงกว่านี้ด้วยซ้ำ “ฉันขอยาทั้งหมดที่เธอมีเลยได้ไหม?”

 

หวังเย้าเอายาให้เขาทั้งหมด 10 เม็ด “ถึงจะกินเข้าไปเยอะ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอกนะครับ อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า เม็ดยาไม่สามารถรักษาอาการป่วยของเธอได้”

 

“ฉันแค่รู้สึกแย่ที่ต้องเห็นเธอทรมานอยู่แบบนี้น่ะ” ศาสตราจารย์ลู่พูด

 

“ผมเข้าใจครับ แต่ยิ่งเธอเหนื่อยมากเท่าไหร่ อาการของเธอก็จะแย่ลงเท่านั้นนะครับ” หวังเย้าพูด

 

ศาสตราจารย์ลู่ไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าใจดีว่าหวังเย้าหมายถึงอะไร