บทที่ 117 หนานหว่านเยียน ไปช่วยคนพร้อมข้า

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 117 หนานหว่านเยียน ไปช่วยคนพร้อมข้า
ได้ยินแล้ว รอบตัวกู้โม่หานก็ปกคลุมด้วยความเย็นชา เหมือนดั่งน้ำแข็ง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?!”

ทหารที่มาส่งข่าวคนนั้นมองเขาด้วยความแค้นเคืองเต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม

“ท่านอ๋อง วันนี้อ๋องเฉิงมาที่ค่าย จงใจพูดว่าจะให้ทหารสองกองทัพฝึกฝน แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาเล่นไม่ซื่อ ทำให้พี่น้องบางส่วนของพวกเราต่างก็บาดเจ็บแล้ว!”

ได้ยินแล้วสีหน้าพ่อบ้านกาวก็เปลี่ยน ที่แท้เป้าหมายของอ๋องเฉิงที่ไปค่ายทหารก็คือสิ่งนี้ เช่นนั้นท่านอ๋อง…….

เขารีบมองไปที่กู้โม่หาน ตอนนี้กู้โม่หานกำหมัดไว้แน่น แขนเสื้อกระทบเป็นเสียง คิ้วคมอันเย็นชาเคร่งขรึม

“ใครบาดเจ็บ?”

ประโยคง่ายๆ พ่อบ้านกาวกลับรู้ว่า กู้โม่หานโมโหอย่างมหาศาลตั้งนานแล้ว

ทหารส่งข่าวพูดต่อ “ก็คือเหล่าทหารที่ปกติเข้าข้างท่าน! พวกหลาวเสิ่นสามคนบาดเจ็บสาหัส! ตอนนี้ต่างก็ลุกไม่ขึ้นแล้ว!”

หลาวเสิ่น?!

กู้โม่หานดวงตาหดทันที หนึ่งฝ่ามือตบไปที่โต๊ะอย่างแรง เสียงไม้แตกหัก ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแรงสังหาร

กู้โม่เฟิงใจกล้านัก กลับกล้าทำร้ายพวกเขาสามคน!

ถึงแม้ว่าเขาไม่เก่งแย่ง กู้โม่เฟิงก็ไม่คิดที่จะปล่อยเขาไป!

รังแกคนเกินไป!

ร่างกายของพ่อบ้านกาวอดสั่นไม่ได้ พวกหลาวเสิ่นทั้งหลายล้วนเป็นพี่น้องที่ผ่านความเป็นความตายกับกู้โม่หานในสนามรบมาแล้ว พฤติกรรมนี้ของกู้โม่เฟิง เป็นการท้าทายต่อกู้โม่หานอย่างเห็นได้ชัดโดยไม่ต้องสงสัย

ทหารที่มาส่งข่าวปาดน้ำตา “ท่านอ๋อง ท่านรีบไปที่ค่ายเถิด หลาวเสิ่นบาดเจ็บหนักมาก อาจจะ อาจจะทนถึงพรุ่งนี้ไม่ได้…….”

ทันใดนั้นใจของกู้โม่หานเจ็บปวดอย่างฉีกขาด ดวงตาทั้งคู่ลุกเป็นไฟ พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไป! ไปค่ายทหาร!”

เขาสะบัดแขนเสื้อก็ไป ออกจากเรือนซีเฟิงก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หันกลับไปทางด้านเรือนเซียงหลินด้วยท่าทางดุดัน

“เจ้าไปเตรียมม้า ไปรอข้าที่ประตูใหญ่!”

กู้โม่หานทิ้งคำพูดประโยคนี้ไว้อย่างเร่งรีบ ทหารส่งข่าวก็รีบไปเตรียมทันที ในใจพ่อบ้านกาวก็คาดเดาออกบ้างแล้ว

ในเรือนเซียงหลิน หนานหว่านเยียนกำลังสั่งใช้พวกบ่าวใช้จัดเตรียมงานเลี้ยงคืนนี้อย่างมีความสุข นางตบมือมองดูอาหารที่เตรียมในห้องครัวอย่างพอใจ จากนั้นก็หมุนตัวไปที่หน้าเรือน

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นางเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีแดงปักทองทั้งตัว เพราะเป็นวันที่ดี คืนนี้ยังมีละครบทใหญ่ ใส่ชุดสีแดงเป็นสิริมงคล

นางกำลังบิดขี้เกียจอย่างสบายใจ ทันใดนั้นแขนหนักกะทันหัน เรี่ยวแรงหนึ่งรากตัวนางออกจากเรือนอย่างไม่พูดอะไรเลย

“กู้โม่หาน?”

กู้โม่หานสีหน้ามืดมน เหมือนมีเรื่องใหญ่อันรีบร้อนอย่างมาก “ไปช่วยคนพร้อมข้า!”

เขารู้ ถ้าหากพวกหลาวเสิ่นบาดเจ็บสาหัสจริง หมอทหารเหล่านั้นต้องไม่พอใช้แน่นอน เวลาสำคัญ หนานหว่านเยียนถึงจะเป็นคนที่สามารถช่วยได้จริง

เพราะฉะนั้นเขาถึงมาอย่างไม่หยุด จับตัวหนานหว่านเยียนก็ไป

หนานหว่านเยียนไม่ทันตั้งตัว จ้องหน้าเคร่งเครียดใบนี้อย่างงุนงง “ช่วยคน? เจ้าพูดให้ชัดเจน ช่วยคนอะไร?”

ในจวนอ๋องมีคนอะไรบาดเจ็บหรือ? หรือว่าจะเป็นเสิ่นอี่ว์อีกแล้ว?

ซาลาเปากับเกี๊ยวน้อยและหลินอวี้เฟิงออกมาจากเรือนในเวลานี้พอดี ก็เห็นภาพที่กู้โม่เยียนแย่งคนเข้าพอดี

เกี๊ยวน้อยร้อนรนจนกระทืบเท้า รีบวิ่งเข้าไป “คนเลวเจ้าทำอะไร! แย่งท่านแม่ในเวลากลางวันแสกๆ!”

ซาลาเปาก็หน้าบึ้ง “ปล่อยท่านแม่!”

“นางไปช่วยคนพร้อมข้า ค่ำๆก็ส่งนางกลับมา” กู้โม่หานมองไปที่สองพี่น้องทีหนึ่ง เรี่ยวแรงบนมือก็หนักขึ้นอีกนิด ดึงตัวหนานหว่านเยียนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

หนานหว่านเยียนรู้สึกได้แม้กระทั่งความโมโหของเขา นางมองไปที่ยายหนูสองคน “ไม่เป็นไร ไม่นานแม่ก็กลับมา พวกเจ้าสองคนเชื่อฟัง ฟังคำพูดของพี่เซียงอวี้”

“ท่านแม่ ท่านแม่……..” สองพี่น้องโมโหมาก แขย่งเท้าก็จะเข้าไปขัดขวาง

เซียงอวี้อวี๋เฟิงอุ้มไว้คนละคน ถึงป้องกันสองพี่น้องวิ่งเข้าไป

อวี๋เฟิงเซียงอวี้สบตากัน คิ้วตาต่างก็เคร่งเครียด

ท่านอ๋องรีบร้อนขนาดนี้ คงเกิดเรื่องใหญ่สาหัสแน่นอน! มิหนำซ้ำ สถานการณ์ยังอันตรายด้วย

เกี๊ยวน้อยซาลาเปาขัดขืนอยู่ในอ้อมกอดพวกเขา ร้องไห้น้ำตาไหลดั่งสายฝนตะโกนชื่อของหนานหว่านเยียน

เซียงอวี้พูดปลอบ “คุณหนู พวกท่านวางใจ ท่านอ๋องต้องไม่ทำร้ายพระชายาแน่นอน พระชายาไปช่วยคน”

เกี๊ยวน้อยเริ่มสงบสติอารมณ์ สะอื้นมองดูหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานยิ่งเดินยิ่งไกล

กู้โม่หานดึงตัวหนานหว่านเยียนคนถึงประตูจวนอ๋อง นางเห็นหน้าประตูมีม้าอยู่สองตัว มีชายแต่งกายเป็นทหารยืนรออยู่ด้านข้างอย่างเคารพ

ตอนที่ทหารเห็นหนานหว่านเยียนก็อดตาสว่างไม่ได้ จากนั้นก็แปลกใจทำไมท่านอ๋องถึงพาหญิงสาวไปค่ายทหาร?

แต่เขารู้กู้โม่หานต้องมีความคิดของตัวเองแน่ ไม่ได้ถามมาก เพียงแค่พูดอย่างเร่งรีบ “ท่านอ๋อง เตรียมม้าเร็วเรียบเร็วแล้ว”

กู้โม่หานพยักหน้า จากนั้นสายตาก็หันไปที่หนานหว่านเยียน “ยังไม่ขึ้นม้า?”

หนานหว่านเยียนอึ้งไปหมดแล้ว “ข้าขี่ม้าไม่เป็น!”

หนานหว่านเยียนนึกว่ากู้โม่หานไม่เอานางไปด้วยแล้ว ใครจะไปรู้วินาทีต่อมา มือใหญ่สองข้างที่เต็มไปด้วยความเย็นชาทิ่มกระดูกประคองเอวของหนานหว่านเยียน

นางร้องเสียงตกใจ ถูกกู้โม่หานอุ้มขึ้นม้า……..