บทที่ 1009+1010 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 1009 ยิ่งเขาวุ่นวายกับเธอมากเท่าไหร่ ในใจเธอยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น…
“เจ้าเด็กน้อย ข้าไม่อยากถูกน้ำลายของเจ้าพรมหรอกนะ…”
วาจานี้ก็ยังคงเห็นเขาเป็นเด็กอยู่!
ยังคงไม่รู้สึกถึงอันตราย!
ขณะนี้ใบหน้าคนทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงหนึ่งนิ้วกั้น ตาเขาสบตานาง ปลายจมูกแทบจะแตะกัน ลมหายใจของทั้งสองฝ่ายผสสมปนเป
เดิมทีตี้ฝูอีคิดจะขู่นางให้ตกใจกลัวเท่านั้น ทำให้นางรู้ว่าความแตกต่างระหว่างชายหญิงสำคัญมาก แต่พอได้ใกล้ชิดกับนางถึงเพียงนี้เข้าจริงๆ หัวใจเขากลับเต้นรัวอย่างมิอาจควบคุมได้!
อยากจุมพิตนางเหลือเกิน!
อยากจุมพิตนางมากจริงๆ!
แยกจากกันกว่าหนึ่งปี เขาคะนึงหารสชาติของริมฝีปากนางจนแทบบ้าแล้ว! กว่าครึ่งปีมานี้เขาควบคุมตัวเองมาโดยตลอด ถึงบังคับใจไม่ให้จูบนางได้…
ยามนี้กลับมีโอกาสเช่นนี้แล้ว
แววตาเขาดำดิ่งล้ำลึก พลันยื่นมือน้อยๆ ไปกุมข้อมือของนาง แล้วดึงขึ้นเป็นแนวตรง ดึงนิ้วมือที่อยู่ระหว่างริมฝีปากขึ้นไปทันที!
เขาเคลื่อนไหวว่องไวปานฟ้าแลบ ซ้ำยังคล่องแคล่วแม่นยำ กู้ซีจิ่วนึกว่าร่างกายเขาไม่เหลือพลังยุทธ์สักเท่าไหร่มาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ระแวดระวังเขาเลย เมื่อถูกเขากดมือไว้เหนือศีรษะ และริมฝีปากเขาก็ทาบทับลงบนริมฝีปากเธออย่างถูกจังหวะ…
นัยน์ตากู้ซีจิ่วสาดแสงแวบหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าเด็กตูดหมึกคนหนึ่งบังคับจูบ ดังนั้นปฏิกิริยาแรกที่ทำก็คือคิดจะถีบเขาออกไป
แต่ตี้ฝูอีเป็นคนเช่นใดกัน ชีวิตนี้เขายังไม่เคยสู้กับใครแล้วแพ้มาก่อนเลย!
ประสบการณ์ก็มากมายเหนือธรรมดา ดังนั้นกู้ซีจิ่วเพิ่งจะขยับเท้า ก็ถูกเขาใช้เท้าใช้ทักษะควบคุมไว้!
เขาอยู่ในสภาพเด็กชายตัวน้อยชัดๆ แต่พอกดร่างคนไว้เช่นนี้ กลับเสมือนขุนเขาแกร่งลูกหนึ่งที่ยากจะต้านทาน ขยับเขยื้อนไม่ได้ชั่วขณะ
และริมฝีปากของเขาก็จุมพิตลงมาอย่างบ้าอำนาจ!
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน
ถึงแม้เธอจะชอบตี้ฝูอีมาก ชอบจนอยากแต่งให้เขา แต่พอถูกตี้ฝูอีที่เด็กถึงเพียงนี้จูบ เธอก็ไม่อาจถลำลึกลงไปเช่นในอดีตได้ อาการหัวใจเต้นแรงนั้นมี แต่ไม่มีความรู้สึกมึนงงจนแทบไม่รู้เหนือรู้ใต้เช่นนั้น…
เดิมทีหลังจากมองเขาออก เห็นเขาเล่นละคร ในใจก็มีโทสะ ด้วยเหตุนี้จึงจงใจเล่นละครเป็นเพื่อนเขาด้วย แสร้งทำเป็นมองเขาไม่ออก แสดงความสนิทชิดเชื้อกับเขาอย่างชัดเจน เมื่อเห็นเขาหึงหวงตัวเขาเอง เธอก็ลอบชื่นมื่นอยู่ในใจ ดังนั้นเลยคิดจะหยอกเขามากขึ้น
ด้วยเหตุนี้เธอถึงจงใจให้เขานอนร่วมห้องกับตน
ตี้ฝูอีหน้าหนามาโดยตลอด เล่นละครหลอกเธอได้แนบเนียน ยากนักที่จะได้เห็นเขากลายเป็นเด็กน้อยซ้ำยังปลอมเป็นคนอื่นอีก กู้ซีจิ่วย่อมต้องการล่นละครคืนบ้าง
ยิ่งเขาวุ่นวายกับเธอมากเท่าไหร่ในใจเธอยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
แต่ว่า เธอคาดไม่ถึงว่าเขาจะใช้สภาพเด็กน้อยเช่นนี้มาบังคับจูบเธอ!
ริมฝีปากของเขาอ่อนนุ่ม อ่อนนุ่มประหนึ่งกลีบบุปผาที่แฝงน้ำค้างไว้แล้วเพิ่งแย้มบาน ยามที่ริมฝีปากพัวพันกัน กู้ซีจิ่วถึงขั้นรู้สึกว่าริมฝีปากของเขานุ่มนวลกว่าริมฝีปากตนด้วยซ้ำ ทั้งยังหวานฉ่ำบริสุทธิ์
อีกทั้งเรี่ยวแรงของเขาก็มากนัก แทบจะเทียบกับเรี่ยวแรงของเขาในวัยผู้ใหญ่ได้
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ยามที่ริมฝีปากและเรียวลิ้นของเขาเคล้าคลอกับเธอ เธอยังคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าใส่ รู้สึกว่าตนพรากผู้เยาว์…
ระหว่างการจูบที่เร่าร้อน ในที่สุดเธอก็สบโอกาส เบี่ยงศีรษะออกทันที หลีกหนีริมฝีปากของเขาได้ “เฮอะ ข้าว่าเจ้าจะเล่นซนก็ควรมีขอบเขตบ้าง ถ้าเจ้ายังก่อกวนอีกข้าจะโมโหเจ้าแล้วนะรู้ไหม?”
ลมหายใจตี้ฝูอีร้อนดั่งไฟ เมื่อได้ยินวาจานี้ของเธอก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย หลุบตามองเธออย่างไม่อยากเชื่อ
ทำถึงขั้นนี้แล้ว เขานึกว่าเธอจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟซัดเขากระเด็นออกไปทันทีเสียอีก นึกไม่ถึงว่าข่มขู่เบาหวิวประโยคเดียวเช่นนี้!
หรือเขาจะตรึงนางไว้แน่นเกินไป นางขยับตัวไม่ได้จริงๆ ถึงทำได้เพียงเอ่ยขู่ใช่ไหม?
————————————————————————————-
บทที่ 1010 ไหนเลยจะคาดคิดว่าสุดท้ายจะเกิดปัญหาขึ้น?!
แต่ข่มขู่เช่นนี้จะเบาเกินไปหน่อยหรือไม่? นางควรขัดขืนดิ้นรนอย่างสุดชีวิตพลางด่าเขาอย่างเทสาดเทเสียมิใช่หรือ?!
มือเล็กๆ ของตี้ฝูอีคลายออกนิดๆ ใช้แรงแบบที่หากว่านางดิ้นรนอย่างรุนแรงก็สามารถซัดเขากระเด็นออกไปได้พลางเอ่ยขึ้นว่า “หากข้าไม่มีขอบเขตเล่า?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เชื่อหรือไม่ว่าข้าฟาดก้นเจ้าได้?”
ตี้ฝูอีชะงักไป
ทั้งสองจ้องตากันอยู่ในท่านี้ครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีพลันหยักยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “กู้ซีจิ่ว เจ้าเห็นข้าเป็นเด็กจริงๆ หรือ?”
กู้ซีจิ่วมองดวงหน้าเล็กๆ ที่อชมพูระเรื่อของเขา ถอนหายแล้วเอ่ย “ก็เจ้าเป็นเด็กนี่! ถ้ามีฝีมือก็รีบเติบโตให้ข้าดูสิ!”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกแล้ว นางนึกว่าเขาอยากอยู่ในร่างเด็กน้อยเช่นนี้ไปตลอดหรือไง?
แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าสวรรค์ล้อเล่นบัดซบอันใดกับเขา…
สองวันมานี้ความเร็วในการฟื้นฟูพลังวิญญาณของค่อนข้างน่าพรั่นพรึงนัก ไหลบ่าอยู่ในร่างกายปานกระแสน้ำ ถึงขั้นที่บรรลุหนึ่งในห้าของพลังในอดีตแล้ว แต่ร่างกายเล็กๆ ที่แสนบัดซบนี่กลับไม่เติบโตขึ้นเลย!
ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ เขาใช้วิชาแปลงกายไม่ได้…
วิชาแปลงกายนี้ถ้าพลังวิญญาณของเขาฟื้นฟูขึ้นหนึ่งในสิบส่วนก็สามารถใช้ได้แล้วชัดๆ แต่ครั้งนี้กลับใช้ไม่ได้อย่างน่าบัดซบ
เดิมทีแผนที่เขาวางไว้คือถ้าพลังวิญญาณฟื้นฟูขึ้นมาหนึ่งในสิบส่วน ต่อให้ร่างเดิมยังเป็นเด็กน้อยอยู่ เขาก็สามารถแปลงกายเป็นวัยผู้ใหญ่มาปรากฏตัวต่อหน้านางได้ ไหนเลยจะคาดคิด…
ไหนเลยจะคาดคิดว่าสุดท้ายจะเกิดปัญหาขึ้น?!
อันที่จริงในใจเขาก็ค่อนข้างร้อนรนเช่นกัน ยามนี้กู้ซีจิ่วยังมากระตุ้นเขาอีก!
นางนึกว่าเขาไม่สามารถกระทำเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำได้หรือ?
ร่างกายของเขาในยามนี้ประหลาดยิ่งนักจริงๆ เห็นกันอยู่ว่าเป็นเด็กน้อย ความจริงแล้วสมรรถภาพที่ควรมีล้วนมีอยู่ครบครัน
ยามนี้หมอบคว่ำอยู่บนร่างนาง แนบชิดติดพันกับนางโดยตรง เขาถึงขั้นสัมผัสได้ว่าร่างกายส่วนล่างมีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว…
อย่างไรก็ตาม กู้ซีจิ่วยังไม่เคยผ่านเรื่องทางโลกมาก่อน จึงไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้ เห็นเพียงเขาเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มนิดๆ ในดวงตาเรียวรีงดงามคล้ายมีพายุเมฆหมอกวาบผ่าน…
เขาคิดอะไอยู่?
ถึงยามนี้แล้วยังคงไม่คิดจะพูดความจริงอีกใช่ไหม?
กู้ซีจิ่วพลันพลิกกายในทันใด ตี้ฝูอีค่อนข้างใจลอยอยู่ ไม่ทันได้ระวัง จึงถูกเธอกดไว้ใต้ร่าง ตัวแข็งทื่อทันที มองเธอด้วยสายตาที่ลุ่มลึกนิดๆ “เจ้า…”
กู้ซีจิ่วยื่นนิ้วหนึ่งออกมากดริมฝีปากเขา ยิ้มมุมปากมองดูเขา “เหยียนนั่ว อันที่จริงเจ้าที่อยู่ในร่างเด็กน้อยเช่นนี้ดูน่ารักมาก ทำให้ข้า…อยากขบสักคำยิ่งนัก”
เธอพูดจริงทำจริง โน้มกายลงไปขบแก้มเขาคราหนึ่งจริงๆ “ข้าชอบขบแก้มเด็กน้อยเป็นที่สุด”
ตี้ฝูอีปานถูกฟ้าผ่า!
นางแทะโลมเขาจริงๆ! ถึงแม้ยามที่นางจูบเขาจะเหมือนจูบกับเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่หากว่าเด็กคนนี้เป็นบุรุษอื่น นางทำเช่นนี้ก็เกินไปแล้วจริงๆ!
ถึงอย่างไรนางก็เคยเห็นอิงเหยียนนั่วในช่วงเติบโตแล้ว ทราบว่าความจริงแล้วอิงเหยียนนั่วเป็นเด็กหนุ่มวัยคึกคะนอง…
นางยังทำเช่นนี้อีก…
ถ้าชอบใกล้ชิดกับเด็กน้อยเพียงอย่างเดียวคงไม่ง่ายดายถึงเพียงนี้กระมัง
หากนางไม่รักอิงเหยียนนั่ว การทำเช่นนี้ดูประมาทยิ่งนักจริงๆ
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่นางขึ้นชื่อว่าเป็นบุปผาที่มีเจ้าของอยู่แล้ว!
ตี้ฝูอีรู้จักนางมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ย่อมทราบนิสัยของนางดี ความจริงแล้วค่อนข้างเย็นชากับผู้คนอื่นอยู่บ้าง นางคุ้นเคยกับเจ้าเด็กเชียนหลิงอวี่ถึงเพียงนั้น มากสุดก็เพียงแค่ตบไหล่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นความสนิทชิดเชื้อสักหน่อยเท่านั้น ต่อให้ความสัมพันธ์จะดีเพียงใดนางก็ไม่เคยโอบกอดกับบุรุษ…
และตอนแรกที่นางพบพานร่างนี้ของเขา นางยังคงปฏิบัติต่อเขาอย่างรักษาระยะห่างยิ่งนัก ถึงแม้จะอุ้มเขาไว้ในท่าเจ้าหญิง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะแทะโลมเลยสักนิด เพียงแค่อยากช่วยเหลือเท่านั้น ช่วยเหลือเขาที่เป็นสหาย…
ทว่านางปฏิบัติต่อเขาอย่างรุ่มร่ามในช่วงหลังของงานเลี้ยง…
หรือว่านางเดาตัวตนที่แท้จริงของเขาออกแล้ว?!
————————————————————————————-