เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1006 เข้าและออก

แปลโดย iPAT

 

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”

 

สายฟ้าฟาดลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง

 

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยประกายสายฟ้าแลบลั่นท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆสีดำ

 

ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนเมฆสีดำไปแล้ว ผีดิบอมตะสุดยอดกายาทั้งสิบหายตัวไปในกลุ่มเมฆ นี่ทำให้แผนการโจมตีของฟางหยวนล้มเหลว

 

ท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆสีดำ คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังราวกับดวงดาวที่โคจรรอบกันและกัน

 

ทุกฝ่ายกำลังเฝ้ารอโอกาส แต่กลยุทธ์ของฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ

 

เมื่อภัยพิบัติเริ่มรุนแรงมากขึ้น ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายากลายเป็นอ่อนแอลง อย่างไรก็ตามมันยังไม่อ่อนแอถึงระดับที่เจ้าวังสวรรค์คาดหวัง

 

เนื่องจากทั้งสามฝ่ายต่างเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน ดังนั้นโอกาสของฟางหยวนจึงไม่เคยมาถึง

 

“โอ้ ตอนนี้การบ่มเพาะของข้าถึงระดับเจ็ดแล้ว” ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างร่าเริง

 

“ดี เราจะจัดการฟางหยวนก่อนและยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารากล่าว

 

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า

 

นิกายเงาจัดเตรียมท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันและชุดวิญญาณที่เหมาะสมให้เขาในทุกระดับการบ่มเพาะ

 

เหตุใดนิกายเงาจึงเลือกจัดการฟางหยวนก่อนวังสวรรค์?

 

ประการแรก ฟางหยวนมีการบ่มเพาะระดับหกเท่านั้น เขาจัดการได้ง่ายกว่า นอกจากนี้หลังจากจัดการฟางหยวน นิกายเงายังสามารถครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหลและใช้มันต่อสู้กับวังสวรรค์

 

ประการที่สอง วังสวรรค์ยังไม่ได้กดดันนิกายเงามากนัก สมาชิกนิกายเงาตระหนักถึงเรื่องนี้และกำลังใช้ประโยชน์จากมัน

 

ประการที่สาม อิงอู๋เซี่ยอยู่ในระดับเจ็ดเท่านั้น ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันยังไม่มีประโยชน์มากนักกับผู้อมตะระดับแปดจำนวนมากของวังสวรรค์ หากใช้มันมากเกินไป ฝ่ายตรงข้ามจะมีเวลาอนุมานและหาวิธีป้องกัน

 

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนเป็นจริงจังขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตาย

 

“อย่าประมาท ช้าๆ”

 

“เจ้าทำได้ โชคดี!”

 

สมาชิกนิกายเงารู้สึกประหม่ายิ่งกว่าตัวของอิงอู๋เซี่ยเอง

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับเจ็ด นำวิญญาณสู่ความฝัน!

 

ภายใต้การจ้องมองของทุกคน อิงอู๋เซี่ยไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายได้สำเร็จ

 

พลังอำนาจลึกลับพุ่งตรงไปยังคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล

 

ฟางหยวนไม่ได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ดังนั้นเขาจึงถูกนำเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันทันที

 

ในศาลาบนเกาะกลางทะเลสาบ เทพอมตะกลุ่มดาวกำลังดีดพิณของนาง

 

“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”

 

“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”

 

“อนิจจา…”

 

“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”

 

“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”

 

เหมือนสองครั้งก่อนหน้า ข้อมูลจำนวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน

 

“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ? ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว…นำวิญญาณสู่ความฝัน…ดังนั้นความจริงเบื้องหลังนิกายเงาก็คือสิ่งนี้!” ฟางหยวนตกตะลึง

 

“แปลก” ในเวลาเดียวกัน อิงอู๋เซี่ยเกาศีรษะของตนอยู่ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น? เจ้าทำไม่สำเร็จงั้นหรือ?” คนอื่นๆถาม

 

พวกเขากังวลมากกับการแสดงออกที่แปลกประหลาดของอิงอู๋เซี่ย

 

อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะ “เขาหลับและเข้าสู่ความฝัน แต่ผลลัพธ์กลับแตกต่างออกไป”

 

ผู้อมตะนิกายเงารู้สึกผ่อนคลายลง

 

“อิงอู๋เซี่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด เป็นเรื่องปกติที่มันจะแตกต่างจากสิ่งที่เจ้าคาดหวัง”

 

“เมื่อเราทำสำเร็จ เราจะฉวยโอกาสนี้ยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล”

 

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลับลำและพุ่งตรงไปยังสนามรบแห่งความโกลาหลทันที

 

อย่างไรก็ตามในจังหวะที่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้สนามรบแห่งความโกลาหล อิงอู๋เซี่ยกลับเบิกตากว้าง “โอ้ ไม่ เขาสามารถหลบหนีจากมัน!”

 

ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันส่งผลกระทบต่อผู้อมตะคนอื่นๆ

 

แต่ฟางหยวนกลับได้รับผลกระทบจากมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

เพราะเหตุใด?

 

นับรวมผู้อมตะทั้งหมดที่นี่ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความฝันของฟางหยวนเป็นรองเพียงอิงอู๋เซี่ยคนเดียวเท่านั้น

 

นอกจากนั้นเขายังมีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

 

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับหก ตามหลักการ มันไม่ควรจะสามารถนำฟางหยวนหลบหนีจากท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันระดับเจ็ด

 

แต่อาณาจักรแห่งความฝันที่ฟางหยวนเข้าไปแปลกมาก

 

ดูเหมือนมันจะเป็นอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาวขณะที่ความยากของมันต่ำมาก

 

หากท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันครั้งเดียวยังไม่เพียงพอ ฟางหยวนจะใช้มันซ้ำๆ

 

เขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันมากมาย เขาสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้หลายครั้ง

 

การรวบรวมผลไม้แห่งความฝันทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์อย่างมากในเวลานี้

 

แต่มันยังสายเกินไปเมื่อฟางหยวนตื่นขึ้น

 

“บึม!”

 

สนามรบแห่งความโกลาหลถูกส่งลอยกลับหลัง

 

ฟางหยวนไม่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้และล้มเหลวบนพื้น

 

แต่นั่นก็ทำให้สติของเขากลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เขาบังคับสนามรบแห่งความโกลาหลบินหนีไปและทำให้แผนการของนิกายเงาล้มเหลว

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

 

“เขาหลบหนีจากท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันได้อย่างไร?”

 

สมาชิกนิกายเงาแสดงออกด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

 

สถานการณ์นี้เกินกว่าความคาดหมายของพวกเขา

 

อิงอู๋เซี่ยเกาศีรษะ “ข้าจะลองอีกครั้ง”

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับเจ็ด นำวิญญาณสู่ความฝัน!

 

ฟางหยวนถูกโจมตีอีกครั้ง

 

ในศาลาบนเกาะกลางทะเลสาบ เทพอมตะกลุ่มดาวมองมาที่ฟางหยวนด้วยดวงตาอันลึกลับ

 

นางถือพิณเอาไว้ในมือ

 

แต่ครั้งนี้นางไม่ได้ร้องเพลง

 

เสียงพิณก้องกังวาลและไพเราะ แต่ฟางหยวนไม่มีเวลารื่นรมย์กับมัน เขารู้ว่าตนเองอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน แล้วเขาจะอยู่ที่นี่เพื่อสิ่งใด?

 

หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันหลายครั้ง ฟางหยวนจึงสามารถหลบหนีออกจากอาณาจักรแห่งความฝันได้ในที่สุด

 

“เกิดสิ่งใดขี้น!?” อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

 

ขณะที่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้สนามรบแห่งความโกลาหล ฟางหยวนก็ตื่นขึ้นอีกครั้งและสามารถหลบหนี

 

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายมากกว่าสนามรบแห่งความโกลาหล ดังนั้นความเร็วของมันจึงล่าช้าลงไปมาก

 

“ลองอีกครั้ง!” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราตะโกน เขายังไม่ยอมแพ้

 

“อืม!” อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกหน

 

“บัดซบ! ช่างจัดการได้ยากนัก! ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งความฝันของฝ่ายตรงข้ามเกินกว่ายุคนี้ไปไกลมาก! นำวิญญาณสู่ความฝัน…แม้ข้าจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันก็ยังไม่สามารถปกป้องข้า!” การแสดงออกของฟางหยวนก็ไม่ได้ดีไปกว่าผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา

 

ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน เส้นทางแห่งความฝันเจริญรุ่งเรืองมาก มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังที่เพิ่มเติมวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันเข้าไปเพื่อป้องกันการโจมตีบนเส้นทางแห่งความฝัน

 

แต่สนามรบแห่งความโกลาหลเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ถูกส่งผ่านมาจากอดีตอันไกลโพ้น เป็นธรรมดาที่มันจะไม่สามารถต่อต้านการโจมตีบนเส้นทางแห่งความฝัน

 

“ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน!” ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ อิงอู๋เซี่ยตะโกนอีกครั้ง

 

“เป็นอย่างไรบ้าง?” สมาชิกนิกายเงามองอิงอู๋เซี่ยด้วยความคาดหวัง

 

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “เขาอยู่ในความฝัน”

 

“โจมตี!” โป้ชิงตะโกนและบังคับเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์พุ่งตรงไปยังสนามรบแห่งความโกลาหล

 

แต่สนามรบแห่งความโกลาหลยังสามารถหลบได้เช่นเดิม

 

“เกิดสิ่งใดขึ้น? เขาไม่ได้อยู่ในความฝันงั้นหรือ? เหตุใดเขาจึงตอบสนองได้เร็วนัก!?” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราขมวดคิ้ว

 

“เขาเข้าไป…อา…ไม่…เขาออกมา” อิงอู๋เซี่ยพูดตะกุกตะกัก

 

สมาชิกนิกายเงากลายเป็นพูดไม่ออก

 

ภายในสนามรบแห่งความโกลาหล

 

“โอ้ ตาแก่เป่ย ในช่วงเวลาสำคัญ ข้าต้องพึ่งพาท่านแล้ว สหายของข้า!” เขาตบไหล่ไท่เป่ยหยุนเฉิง

 

ฟางหยวนรู้ว่านิกายเงาไม่ยอมปล่อยเขาไป ดังนั้นก่อนที่เขาจะถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง เขาจึงเรียกไท่เป่ยหยุนเฉิงมาเป็นกำลังเสริม

 

ก่อนหน้านี้สนามรบแห่งความโกลาหลสามารถหลบการโจมตีของศัตรูก็เป็นเพราะการควบคุมของไท่เป่ยหยุนเฉิง

 

ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาไม่อนุญาตให้ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ

 

แต่ก่อนออกเดินทางมาที่นี่ ฟางหยวนซ่อนไท่เป่ยหยุนเฉิงไว้ในมิติช่องว่างของเขานานแล้ว

 

ในขณะเดียวกันไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานก็ซ่อนอยู่ในมิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิง

 

“ฟางหยวน เจ้าเสี่ยงมากเกินไป!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าวด้วยความตกใจ แม้ไท่เป่ยหยุนเฉิงจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลมาแล้ว แต่ชายชราไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับนิกายเงาและวังสวรรค์

 

ฟางหยวนหัวเราะ “ศัตรูใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งความฝัน บางทีท่านอาจตกเป็นเป้าหมาย ดังนั้นถึงเวลาเรียกไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานออกมาแล้ว”

 

ไม่นานหลังจากนั้นไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานจึงปรากฏตัวขึ้น

 

พวกนางแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อนแต่ส่วนใหญ่เป็นความตกใจ

 

หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ ไห่ลั่วหลันจึงเปิดปากกล่าว “ฟางหยวน เจ้าเก่งเรื่องนำตนเองเข้าสู่สถานการณ์อันตรายจริงๆ”

 

เทพธิดาหลี่ซานกล่าวต่อ “ฟางหยวน เจ้ากำลังนำพวกเราเข้าสู่กองไฟ!”

 

ฟางหยวนโบกมือและเผยรอยยิ้ม “ต้องกลัวสิ่งใด? เมื่อพยัคฆ์สองตัวต่อสู้กันย่อมมีฝ่ายได้รับบาดเจ็บ หากพวกท่านช่วยข้า ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถทำสิ่งใด ด้วยการปกป้องจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเราจะมีโอกาสคว้าชัยชนะและได้รับรางวัลใหญ่”

 

ไห่ลั่วหลันพยักหน้าและไม่กล่าวสิ่งใดอีก ดวงตาของนางกำลังส่องประกายขณะประเมินพลังอำนาจของสนามรบแห่งความโกลาหล

 

เทพธิดาหลี่ซานลอบกังวลอยู่ภายใน เพราะข้อตกลงพันธมิตร นางจึงต้องมา ก่อนหน้านี้ฟางหยวนใช้เหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียนและสนามรบแห่งความโกลาหลล่อลวงพวกนางให้เข้าไปซ่อนตัวในมิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่พวกนางไม่คิดว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปไกลเกินกว่าจินตนาการเช่นนี้

 

มองออกไปด้านนอก เทพธิดาหลี่ซานสามารถมองเห็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงมากมาย

 

เช่นคำกล่าวของไท่เป่ยหยุนเฉิงก่อนหน้านี้ ฟางหยวนเสี่ยงมากเกินไป!

 

เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เทพธิดาหลี่ซานกังวลได้อย่างไร?