บทที่ 297 ทำไมมาอยู่ที่นี่?

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 297 ทำไมมาอยู่ที่นี่?

สีหน้าของจังเฟิงหลิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาขณะที่จ้องเขม็งไปยังร่องรอยของหมัดสายฟ้า

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง” เขาพึมพำกับตัวเอง

“จังเฟิงหลิง นายมีอะไรจะพูดอีกไหม” ฉู่ชวิ๋นตะคอกถามออกมาพร้อมยิ้มมุมปาก

จังเฟิงหลิงไม่สนใจคำพูดของฉู่ชวิ๋น เขาพึมพำอะไรอยู่ตลอด มีแต่ความไม่อยากจะเชื่อในสายตาตัวเอง

“พี่หยาน ช่วยเล่าสถานการณ์ตอนนั้นให้ฟังอย่างละเอียดอีกทีได้ไหม”

แม้ว่าหยานหวูซวงจะไม่อยากพูดออกมา แต่ก็ไม่อยากให้ใครตำหนิเขาได้ถ้าเขาไม่เล่าออกมา เขาจึงเล่าสถานการณ์การต่อสู้ให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด

หลังจากที่จังเฟิงหลิงฟังจบ เขาก็อดกลั้นกับแผลบาดเจ็บและแสดงหมัดสายฟ้าออกมาให้ทุกคนดู

กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงส่งเสียงร้องออกมา เขากลัวว่าจังเฟิงหลิงจะลงมือโดยไม่สนชีวิต จึงเตรียมตั้งรับ

ตู้มม

ฟ้าแลบฟ้าร้อง หมัดสายฟ้าร่วงลงไปที่พื้น รอยแยกบนพื้นขยายออกระเบิดกลายเป็นเขตปักษา สายฟ้าดุดันไม่ยอมสลาย

“พี่หยาน ตอนนั้นเป็นแบบนี้หรือเปล่า” จังเฟิงหลิงถาม

หยานหวูซวงส่ายหัว “หลังจากที่หมัดร่วงลงมาก็ไม่มีเขตปักษา อนุภาพก็ไม่เท่านี้”

“งั้นก็ใช่จริงๆ” จังเฟิงหลิงเอ่ยด้วยแววตาเย็นยะเยือก “พี่หยาน เราโดนคนอื่นหลอกแล้ว หมัดสายฟ้าของพวกเราตระกูลจังไม่เคยสอนคนนอก จุดสำคัญที่สุดของหมัดคือเขตปักษา คนที่อยู่ด้านในจะต้องสลายหายไป”

“พี่หยานบอกว่าหมัดของคนที่สู้กับพี่ระเบิดตั้งแต่ยังไม่ร่วงลงมา นั่นไม่ใช่หมัดสายฟ้าของพวกเราตระกูลจังแน่ๆ เหมือนเพียงรูป ไร้อานุภาพ”

จังเฟิงหลิงกล่าวอย่างจริงจัง

“ชิ ใครจะเชื่อ สลายหายไปงั้นเหรอ ฉันยังปกดีอยู่เลย” ฉู่ชวิ๋นแทรกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้

คนอื่นก็มองไปที่จังเฟิงหลิง จริงด้วย ตอนสู้กันที่งานเลี้ยง ฉู่ชวิ๋นพุ่งออกมาจากเขตปักษาได้นะ

จังเฟิงหลิงโกรธจนไส้บิด เขาสาบานในใจอีกครั้งว่าหากมีโอกาส จะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี่ให้ได้

“ร่างกายสหายไร้เทียมทาน ถ้าเป็นคนอื่นจะต้องจบลงด้วยการร่างสลายหายไปแน่ๆ ” จังเฟิงหลิงพูดพลางกัดฟันกรอด

“อืม ๆ พูดมีเหตุผล ๆ” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า

ทุกคนหมดคำพูดกับฉู่ชวิ๋น หมอนี้มันไร้ยางอายสุดๆ ชมคำเดียวว่าร่างกายไร้เทียมทานก็ลืมแล้วเหรอว่าเมื่อกี้ยังโวยวายจะฆ่าจะแกงกันอยู่เลย

หยานหวูซวงเงียบ คำพูดของจังเฟิงหลิงยังไม่สามารถทำให้เขาเชื่อได้เท่าไร

“จังเฟิงหลิง ทักษะยุทธ์เปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ นี่ไม่อาจสรุปอะไรได้”

หยานหวูซวงเอ่ยปาก

“คุณชายหยาน พวกเราเป็นพยานได้ พองานเลี้ยงเลิกคุณชายของพวกเราก็กลับมาที่โรงแรมเลย ไม่ได้ออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”

ทุกคนเปิดทางออก เป็นสาวใช้ 2 คนของจังเฟิงหลิงที่เดินเข้ามา

หยานหวูซวงเริ่มหวั่นไหว หรือว่าจะไม่ใช่จังเฟิงหลิงจริงๆ

“ใครจะไปเชื่อ พวกเธอเป็นสาวใช้ของจังเฟิงหลิงก็ต้องพูดเข้าข้างเขาอยู่แล้ว” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ

สาวใช้ทั้ง 2 สีหน้าเย็นยะเยือก พวกเธอจ้องฉู่ชวิ๋นด้วยความโกรธแค้น เมื่อกี้ก็เขานี่แหละที่ตะโกนจนพวกเธอเกือบจะเปลือยกายต่อหน้าทุกคน

คน ๆ นี้น่ารังเกียจจริง ๆ พวกเธออยากจะฉีกปากเขาซะ ทั้ง 2 คนได้แต่คิด เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ พวกเธาต้องหาวิธีให้คุณชายของพวกเธอรอดพ้นข้อกล่าวหาก่อน

“คุณชายหยาน พวกเราขอรับประกันด้วยชีวิตว่าคนที่ขโมยดอกบัวจิตวิญญาณไม่ใช่คุณชายของเราแน่นอน” 1 ในสาวใช้พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

“ก็ได้ พวกเธอบอกว่าจังเฟิงหลิงไม่ออกจากโรงแรม แล้วเขาทำอะไรที่โรงแรม” ฉู่ชวิ๋นถาม

สายตาของทุกคนจ้องมองสาวใช้ทั้ง 2 ภาพที่เปลือยกายอยู่ในห้อง สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเป็นเร่าร้อนและกรุ้มกริ่ม

สาวใช้ทั้ง 2 ชะงักกับคำถามของฉู่ชวิ๋น จากนั้นก็พวกเธอก็หน้าแดงก่ำ

ฉู่ชวิ๋นเห็นดังนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียงแปลกๆ “เห็นไหม พวกเธอโกหก คุณปู่ของฉันเคยบอกว่าคนที่โกหกจะหน้าแดง”

“นายหุบปากไปซะ” สาวใช้ทั้ง 2 ตะคอกออกมาที่พวกเธอหน้าแดงไม่ใช่เพราะโกหกซะหน่อย

ทุกคนมีสีหน้าประหลาดไป

“พี่หยาน ถ้านายไม่เชื่อก็ไปดูกับฉันที่โรงแรม ฉันโดนโจมตีหรือเปล่าแค่ไปดูก็จะรู้แล้ว” จังเฟิงหลิงพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

เขาขายขี้หน้าจนไม่เหลืออะไรแล้วในคืนนี้ โดนบีบจนจนต้องยอมโอนอ่อน ตามท่าที เป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ์ระดับ 7 แต่ต้องรับความอัปยศถึงเพียงนี้ มันทำให้เขาแทบคลั่ง

หยานหวูซวงพยักหน้า

ทั้งหมดกลับไปที่โรงแรมที่จังเฟิงหลิงพักอีกครั้ง

แน่นอนว่าจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ไม่มีสิทธิ์ขึ้นไป มีแค่หยานหวูซวง ฉู่ชวิ๋น และเหยาไป๋เยวี่ยที่ได้รับเชิญให้ขึ้นไป

พอประตูห้องเปิดออกฉู่ชวิ๋นพูดขึ้น “กลิ่นอะไรแปลกจัง”

จังเฟิงหลิงแทบจะตบเขาสักฉาด

สาวใช้ 2 คนของจังเฟิงหลิงหน้าแดงจนเหมือนจะสุกแล้ว

นี่เป็นกลิ่นหลังจากความเร่าร้อนที่เกิดขึ้น

คิ้วของเหยาไป๋เยวี่ยขมวดนิดหน่อย เธอยืนอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้าไป

สุดท้ายแล้วมีแต่หยานหวูซวงที่ตามเข้าไป

ครู่หนึ่งหยานหวูซวงก็เดินออกมา

“คุณชายหยาน เขาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อีกแล้วใช่ไหม” ฉู่ชวิ๋นถาม

หยานหวูซวงส่ายหัว

ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไร หยานหวูซวงเป็นคนใช้ได้ เขาไม่อยากเห็นตระกูลจังและตระกูลหยานสู้กันถึงขั้นรบราฆ่าฟัน จริงๆแล้วที่ฉู่ชวิ๋นทำแบบนี้ก็เพราะวันนี้จังเฟิงหลิงคิดจะฆ่าเขา เขาเลยฉวยโอกาสสั่งสอนเสียหน่อย จุดด่างพร้อยพวกนั้นฉู่ชวิ๋นตั้งใจทิ้งไว้เอง

“จังเฟิงหลิง รบกวนนายอย่าเพิ่งออกจากเมืองหยานเซวี่ยในช่วง 2-3 วันนี้ รอให้ฉันสืบจนได้เรื่องก่อน ถ้าฉันเข้าใจนายผิดจริงๆ ฉันจะมาขอโทษนายเอง” หยานหวูซวงกล่าว

“ฉันก็อยากรู้ว่าใครมันกล้าใส่ร้ายฉัน” น้ำเสียงของจังเฟิงหลิงเต็มไปด้วยความแค้น

หลังจากที่หยานหวูซวง ฉู่ชวิ๋นและเหยาไป๋เยวี่ยลงมาข้างล่างเหยาไป๋เยวี่ย ก็ถามขึ้นมา

“พี่หยาน พี่เชื่อจังเฟิงหลิงจริง ๆ เหรอ”

หยานหวูซวงส่ายหัว “พอคิด ๆ ดูแล้วมันมีจุดน่าสงสัยหลายอย่างจริง ๆ”

“จุดน่าสงสัยอะไรอีกละ” เหยาไป๋เยวี่ยถามเรียบๆ

“อย่างแรก เป้าหมายของโจรอยู่ที่ดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขาลงมือแค่ทำให้ทหารยามสลบไปเท่านั้น ไม่ได้หวังจะเอาชีวิตผู้อื่น

อีกอย่าง พอมาคิดดูดีๆ ความเร็วของโจรก็มากกว่าฉันอย่างเห็นได้ชัด แต่เขากลับสู้ไปพลางหนีไปพลางตลอดทาง จุดประสงค์ของเขาก็เพื่อนำทางฉันมาที่นี่ แบบนี้ไม่ใช่วิถีของจังเฟิงหลิง ที่สำคัญที่สุดคือจังเฟิงหลิงโดนโจมตีจริงๆ”

สีหน้าของเหยาไป๋เยวี่ยเคร่งขรึมขึ้นมา เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่ว

“ความเร็วเหนือกว่าพี่แล้วยังกล้าโจมตีจังเฟิงหลิง ดูเหมือนวรยุทธของโจรคนนี้จะเหนือฟ้าจริง ๆ”

“ใช่แล้ว” คิ้วของหยานหวูซวงขมวดแน่น “ท่าทางในเมืองหยานเซวี่ยจะมียอดฝีมืออำพรางตัวอยู่”

หยานหวูซวงนิ่งไปแปปนึงก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา “เสี่ยวเยวี่ย ที่เทือกเขาคุนหลุนจะมีซากโบราณสภานดึกดำบรรพ์ปรากฏ จอมยุทธ์จะมาชุมนุมกัน พร้อมมียอดฝีมือมากมาย เธอต้องระวังให้มาก ๆ นะ”

เหยาไป๋เยวี่ยชะงักไปชั่วขณะ แววอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าอันสะสวยเธอเอ่ยเบาๆ “พี่เองก็ระวังตัวด้วยนะ”

หยานหวูซวงมองใบหน้าอันงดงามของเหยาไป๋เยวี่ยจนตกอยู่ในภวังค์

ฉู่ชวิ๋นมองเหยาไป๋เยวี่ยและมองหยานหวูซวง อืม รักกันอยู่แล้วนี่น่าไม่เห็นเหมือนในข่าวลือเลย ก่อนที่เขาจะเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ

เหยาไป๋เยวี่ยถูกสายตาเร่าร้อนของหยานหวูซวงจ้องจนหน้าแดง ได้แต่ก้มหน้าปกปิดหัวใจที่เต้นรัว

“เสี่ยวเยวี่ย” หยานหวูซวงเอ่ยด้วยความหลงใหล

เหยาไป๋เยวี่ยใจสั่นก่อนจะรีบโคจรลมปราณเพื่อสงบใจ ใบหน้างดงามกลับสู่ความอ่อนโยนและเย็นชาอีกครั้ง

“ดึกแล้ว ฉันต้องกลับก่อน”

หยานหวูซวงสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เขาหันไปปกปิดความเจ็บปวดในแววตา ก่อนจะหันกลับมาด้วยใบหน้าที่ใจเย็นอีกครั้ง

ขณะนั้นเองทั้งสองถึงพบว่าฉู่ชวิ๋นไปแล้ว

เหยาไป๋เยวี่ยเลยบอกลาแล้วจากไป ไม่มีใครเห็นว่าในขณะที่เธอหันหลังในแววตามีความโศกเศร้า ใครเห็นก็ต้องสงสาร

หยานหวูซวงยืนอยู่เงียบๆ มองเหยาไป๋เยวี่ยเดินจากไป

จอมยุทธ์คนอื่นเห็นว่าไม่มีเรื่องสนุกอะไรให้ดูแล้วก็พากันเดินจากไป

“ทำไมนายไม่ไปส่งเธอหน่อยละ”

หยานหวูซวงสะดุ้ง พอเห็นว่าเป็นฉู่ชวิ๋นเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น

“สหายยังไม่ไปอีกเหรอ”

“ฉันยังไม่ได้ไปไหนเลย เห็นพวกนาย 2 คนอาลัยอาวรณ์กัน ฉันเลยไม่อยากรบกวน” ฉู่ชวิ๋นพูดกลั้นหัวเราะ

“เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณสหายมาก” หยานหวูซวงกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

“ไม่ต้องเกรงใจ บอกตามตรงฉันแค่ไม่ชอบใจจังเฟิงหลิงก็เท่านั้น” ฉู่ชวิ๋นยักไหล่ “จริงสิ ฉันว่าเทพธิดาเยวี่ยก็มีใจให้นายนะ ทำไมถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันละ”

หยานหวูซวงหัวเราะเฝื่อน ๆ ด้วยสายตาเศร้าสร้อย “มีใจแล้วทำอะไรได้ พวกเราไม่มีทางได้อยู่ด้วยกันหรอก”

“ทำไมล่ะ” ฉู่ชวิ๋นแปลกใจ “พวกนายต่างมีใจให้กัน เป็นเรื่องธรรมชาติ”

หยานหวูซวงมองฉู่ชวิ๋นแล้วจู่ ๆ ก็มีความวู่วามอยากจะระบายออกมาซะ “สหายรู้จักหอกระจกนิรันดร์หรือเปล่า”

“เพิ่งเคยได้ยินวันนี้ เหยาไป๋เยวี่ยเป็นคนของหอกระจกนิรันดร์สินะ”

หยานหวูซวงพยักหน้า “เธอเป็นเทพธิดาแห่งหอกระจกนิรันดร์ ถูกกำหนดให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป”

“แล้วยังไง” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ

สายตาของหยานหวูซวงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “สหายคงจะไม่รู้ เทพธิดาแห่งหอกระจกนิรันดร์ไม่อาจแต่งงานมีครอบครัวได้ตลอดชีวิต”

ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว “นี้มันยุคสมัยไหนแล้วยังมีกฎงี่เง่าแบบนี้อีกเหรอ หอกระจกนิรันดร์ โบราณจริง ๆ”

หยานหวูซวงชะงักนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยขึ้น “สหายเป็นคนพูดตรงจริง ๆ”

“แล้วนายก็ยอมง่าย ๆ แค่นี้เหรอ” ฉู่ชวิ๋นเหลือบมองเขา

“ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้” หยานหวูซวงพูดอย่างหมดหนทาง

“ทำอะไรได้ ?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเย็นๆ “ถ้าเป็นฉันจะบุกเข้าไปในหอกระจกนิรันดร์ ชิงตัวเทพธิดาเยวี่ยมาแต่งงานมีลูก รอจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทางใครจะยังทำอะไรฉันได้อีก”

หยานหวูซวงถึงกับหัวเราะพรืดออกมา “สหายตรงไปตรงมาดีจริงๆ ฉันนับถือ ๆ”

ฉู่ชวิ๋นเองก็เขินนิดหน่อย เรื่องความรักตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ให้คุยโวน่ะพอไหว แต่เอาเข้าจริง ๆ เกรงว่าประสบการ์ณเรื่องความรักจะสู้หยานหวูซวงไม่ได้ด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ฉู่ชวิ๋นยังขโมยดอกบัวจิตวิญญาณแถมยังปล้นน้ำศักดิ์สิทธิ์ของหยานหวูซวงมาอีก ทำให้ฉู่ชวิ๋นรู้สึกผิดต่อหยานหวูซวงไม่น้อย

“พี่หยาน ถ้ายังไงให้ฉันไปชิงตัวเทพธิดาเยวี่ยมาให้เอาไหม” ฉู่ชวิ๋นกล่าว

หยานหวูซวงชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหัว “ขอแค่ได้เห็นเธอบ่อย ๆ ฉันก็พอใจแล้วละ”

ฉู่ชวิ๋นส่ายหัว เขาแอบบ่นในใจว่าหยานหวูซวงนี่มันรักปักใจจริงๆ ได้ข่าวว่าเขาตามจีบเหยาไป๋เยวี่ยมา 30 ปียังไม่สำเร็จ ตอนนี้ยังพูดแบบนี้ออกมาได้อีก เป็นความรักที่ลึกน่านับถือจริงๆ

“สหาย พวกเราไปดื่มกันหน่อยไหม” หยานหวูซวงเสนอ

แต่ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธไป ประเด็นคือเขารู้สึกผิดที่ขโมยดอกบัวจิตวิญญาณและปล้นน้ำศักดิ์สิทธิ์มาอีกแถมยังหลอกล่อให้หยานหวูซวงมาอัดจังเฟิงหลิง อีก ถ้าตอนนี้ไปดื่มเหล้ากับหยานหวูซวงเขาคงไม่สบายใจ “คิดๆแล้วเรานี่ก็ใจอ่อนเหมือนกันแฮะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนอกจากขโมยของแล้วต้องฆ่าล้างตระกูลมากกว่า” ฉู่ชวิ๋นคิดในใจ

ฉู่ชวิ๋นบอกลาหยานหวูซวงและกลับไปที่โรงแรมเพียงลำพัง

แต่พออยู่ห่างจากโรงแรมมาระยะนึงเขาก็ถูกขวางทางเอาไว้

ใต้แสงจันทร์ ร่างเพรียวบาง ชุดขาวพลิ้วไหว ผมสีม่วงเป็นประกาย ดูเหมือนนางฟ้ายังไงอย่างงั้น

ผู้หญิงผมม่วงปรากฏตัวแล้ว!

ฉู่ชวิ๋นใจเต้นตึกตัก ในที่สุดก็ได้เจอเธอแล้ว

“ไอ้คนหน้าไม่อาย” ผู้หญิงผมม่วงเอ่ยปากปุ๊บก็ด่าจนฉู่ชวิ๋นงงไปหมด ไม่ทันที่ฉู่ชวิ๋นจะพูดอะไรเธอก็กล่าวต่อ “ส่งดอกบัวจิตวิญญาณมา”

“เธอ อย่าแม้แต่จะคิด” ดอกบัวจิตวิญญาณมีประโยชน์กับฮวาชิงหวู่มาก เขาจะให้ไปได้ยังไง

“นายอยากให้ทุกคนรู้เหรอว่าเรื่องคืนนี้มันเป็นแผนของนายทั้งหมด!!”

ผู้หญิงผมม่วงข่มขู่อย่างไม่เกรงใจ