ตอนที่ 292 เก็บเรียบ!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

อาจารย์เว่ยวางมือลงบนโต๊ะทีหนึ่ง เขามองไต้หราน พูดน้ำเสียงนุ่มลึก “คุณคิดเช่นนั้นเหรอ คุณคิดว่าฉันให้ฉินหร่านอยู่สุดท้ายเพื่อตัวเธออย่างนั้นหรือ?”

“ฉันรู้ว่าคุณต้องการให้นักเรียนของคุณอยู่ตำแหน่งสุดท้าย และฉันก็ต้องการให้นักเรียนของฉันอยู่ตำแหน่งสุดท้ายเช่นกัน” ไต้หรานเหลือบมองอาจารย์เว่ยแล้วพูด

ดวงตาทั้งสองข้างอาจารย์เว่ยถูกปกคลุมไปด้วยแสงที่ส่องประกาย ฟังคำพูดของไต้หราน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ “โอเค”

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงหันกลับแล้วหยิบเอาข้อมูลมาจากมือของเจ้าหน้าที่

เมื่อเห็นว่าอาจารย์เว่ยยอมประนีประนอม ไต้หรานยิ้มออกมา โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

ถึงอย่างไรอาจารย์เว่ยก็คืออาจารย์เว่ย แม้ว่าไต้หรานจะมีที่ยืนจากลูกศิษย์เพียงไม่กี่คนในสมาคม แต่ถ้าอาจารย์เว่ยก็ยังพยายามที่จะเปลี่ยนลำดับอีกครั้ง ไต้หรานก็ไม่มีทางเลือก

ในสายตาของอาจารย์เว่ย การไม่โต้เถียงเรื่องแบบนี้กับเขาเป็นทางดีที่สุด

เหวินอินนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคนเขารู้ว่าฉินหร่านอยู่อันดับที่ 20 อาจารย์เว่ยเป็นคนสั่งการไป

ตอนนี้กลายเป็นอันดับที่ 11 เหวินอินมองท่าทางของไต้หราน ก็รู้ว่าไต้หรานกำลังคิดอะไรในใจอยู่ อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

อาจารย์เว่ยไม่เหมือนกับไต้หราน เขาให้ฉินหร่านอยู่อันดับสุดท้าย ก็เพื่อให้นักเรียนที่อยู่ก่อนหน้าได้คะแนน ถึงอย่างไรที่นี่ก็มีคนจากรัฐ M อยู่ด้วย อาจารย์เว่ยจึงมองโดยภาพรวมเป็นส่วนใหญ่

ถ้าให้ฉินหร่านแสดงก่อน เหวินอินมองออกถึงความน่าเวทนาที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้เลย

ไต้หราน…

ผู้รู้ถึงแก่นแท้อย่างเหวินอินมองไปที่เวทีการแสดง ไม่พูดอะไรอีก

**

ฉินหร่านเป็นนักเรียนใหม่ระดับห้าระดับสูงเพียงคนเดียวที่ปรากฏขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และพวกอาจารย์ให้ความสำคัญกับเธอมากกว่าฉินอวี่

วันนี้เธอยังคงใส่ชุดสไตล์ลำลอง เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ

เรียบง่ายและสะอาด

อาจารย์ท่านหนึ่งมองเธอเดินขึ้นเวที อดไม่ได้ที่จะมองไปทางอาจารย์เว่ย “อาจารย์เว่ย วังจือเฟิงกับเถียนเซียวเซียวต่างเลื่อนขึ้นหนึ่งระดับ ฉินหร่านจะไม่เลื่อนขึ้นหนึ่งระดับด้วยเหรอ”

อาจารย์เว่ยเพียงยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร

เขามองไปที่ฉินหร่านบนเวทีอย่างคาดหวังบางอย่าง

มองดูท่าทางของอาจารย์เว่ย คนเหล่านี้ได้แต่มองหน้ากันไปมา…

โดยเฉพาะไต้หรานที่หรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรในใจอยู่

“จะไปถึงระดับหกได้จริงงั้นเหรอ”

ระดับสามไประดับสี่ ระดับสี่ไประดับห้า พวกเขาต่างยังพอเข้าใจ แต่ระดับห้าไประดับหก…ใช้เวลาไม่ถึงสองเดือน…

“ไม่…ไม่ได้รึเปล่า”

“ไม่น่าเปลี่ยนได้ขนาดนั้น…”

“ฉันเดาว่าเดือนหน้าเธอจะถึงระดับหก…”

ในใจคนกลุ่มนี้รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ ด้วยหลายๆ เหตุผล และตามความจริงของกฎเกณฑ์แล้วไม่น่าเป็นไปได้ แต่ทันทีที่เกิดขึ้นกับเถียนเซียวเซียวและวังจือเฟิง ทำให้พวกเขาอดที่จะหวั่นไม่ได้

ผู้คนมองไปทางฉินหร่าน

**

ฉินหร่านยังคงแสดงบทเพลงที่สร้างขึ้นมาเอง

บนเวที ไฟสปอร์ตไลท์สีขาวสว่างขึ้น!

ทันใดนั้นฉินหร่านลืมตาขึ้น

ภายใต้แสงไฟ หน่วยม่านตาทั้งสองข้างของเธอที่เปิดออกมืดและล้ำลึก ริมฝีปากไม่มีรอยยิ้มใด แต่ก็ยังสามารถยืนอยู่ที่ตรงนั้นได้ และยังสัมผัสได้ถึงความงดงามที่สะอาดและเรียบร้อย

“นั่นฉินหร่าน! ฉันรู้จักเธอ ลูกศิษย์ของอาจารย์เว่ย!”

“ในที่สุดก็รอเธอสำเร็จ!”

“ไม่รู้เลยว่าเธอจะได้รับกี่คะแนนกัน แน่นอนว่าสูงกว่าวังจือเฟิง 90 คะแนนสักเท่าไร”

สองเดือนนี้ เรื่องที่ฉินหร่านเป็นศิษย์ของอาจารย์เว่ยนั้นแพร่กระจายไปยังสมาคมอย่างดุเดือด แต่น่าเสียดายที่ฉินหร่านมักจะมาๆ หายๆ คนเหล่านี้ไม่มีใครเข้าใกล้เธอได้

การแสดงเริ่มขึ้น!

เพียงเริ่มต้นก็มีอารมณ์ที่ดื้อรั้นอย่างชัดเจน!

จิตใจของทุกคนสั่นไหวอย่างรุนแรงชั่วขณะ

เพียงเริ่มต้นฉินหร่านใช้ Martele หักคันชักอย่างแรงแสดงออกถึงบรรยากาศความแข็งแกร่งทั้งดุดันน่าหลงใหล!

ลูกคอสองสายสั่นแล้วใช้นิ้วกดไล่เสียงสูงขึ้นทีละระดับ ไม่เพียงแต่ผู้ฟัง แม้กระทั่งอาจารย์ผู้ให้คะแนนทั้งเจ็ดก็ยังสงสัย เพียงเริ่มต้นก็แสดงถึงทักษะระดับสูงได้เช่นนี้เลย?

แล้วต่อไปล่ะ

ดนตรีค่อยๆ เข้าสู่จุดไคลแมกซ์ ในบทเพลงนี้ของฉินหร่านกระตุ้นความแข็งแกร่ง มีการสั่นตั้งแต่เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว เมื่อการแสดงถึงจุดไคลแมกซ์มีความตึงเครียดหนักหน่วงมาก

Pizzicato!

Glissando!

และนี่ยังเป็นการเรียบเรียงด้วยตัวเอง มีฝีมือในการใช้ทักษะมาควบคุมสไตล์งานมากเกินไปแล้ว!

มองแวบแรกก็ไม่ใช่การเรียบเรียงที่คนทั่วไปจะทำได้

มีบางอย่างที่ทำให้ผู้คนหาคำตอบไม่ได้

หลังจากโค้งคำนับอย่างประหม่า จู่ๆ ก็มีเสียงอันไพเราะดังขึ้น…

และอีกมากมาย…

สายตาของเหล่าอาจารย์ทุกท่านล้วนเป็นประกาย นี่คือ…เสียงที่ประสานกันของไวโอลินที่งดงามที่สุด!

และยังเป็นทักษะอันมีชื่อเสียงของอาจารย์เว่ยผู้เลื่องชื่อในรัฐ M

ผู้เล่นไวโอลินทุกคนมีการประสานเสียงที่แสดงออกมาไม่เหมือนกัน ต้องอาศัยการฝึกฝนหลายครั้งรวมทั้งต้องมีความเข้าใจในไวโอลินอยู่ด้วย!

เหล่านี้ล้วนแต่เป็นทักษะทางไวโอลินที่ยากมากๆ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน แทบจะไม่มีใครที่มีความชำนาญในการประสานเสียง เพราะถ้าหากนำมาใช้ได้ไม่ดีก็จะทำให้เสียคะแนนได้

แต่การประสานเสียงในครั้งนี้ช่างงดงาม ยากมากที่จะเห็นการใช้เทคนิค Vibrato ได้งดงามขนาดนี้ในหมู่นักเรียนระดับสูง

งดงามเป็นอย่างมาก!

ผลต่างกันลิบลับเมื่อเทียบกับนักเรียนทั้งหมดสิบเอ็ดคนก่อนหน้า

แม้ต่อให้เป็นรัฐ M ก็ยังเป็นนิทรรศการงานแข่งขันที่หาดูได้ยาก!

เวลาสามนาทีครึ่งผ่านไปเร็วมากจริงๆ

ตอนที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกันอยู่ เสียงก็เงียบลง

ทั้งเวทีของผู้ชมรวมถึงเหล่าอาจารย์ที่นั่งอยู่แถวแรกต่างตกตะลึง และตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ

คุณเอินเก๋อเห็นและเคยชินสนามใหญ่ในรัฐ M อยู่แล้ว มองอาจารย์เว่ยด้วยความตื่นเต้นซาบซึ้ง “น่าเหลือเชื่อจริงๆ ศิษย์คนนี้ของคุณทำให้ฉันเซอร์ไพรส์อย่างมาก นับว่าสามารถอยู่ในสามอันดับแรกของสมาคม M ได้อย่างสมบูรณ์แบบ!”

อาจารย์เว่ยไม่ได้พูดออกไปทันที เพราะเขาเองก็คาดไม่ถึง เพียงมองไปที่ฉินหร่านอย่างตะลึง อาจารย์เว่ยรู้ว่าฉินหร่านมักมีท่าทีเหมือนเล่นเกมชีวิตอยู่เสมอ ในตอนแรกเขาเดาว่าฉินหร่านต้องขึ้นไปถึงระดับหกแน่นอน

แต่ตอนนี้…

ฉินหร่านไม่พูดอะไร ไม่ว่าในด้านทักษะหรือด้านการแสดง ไปถึงระดับที่เจ็ดแล้วอย่างแท้จริง!

เสียงพูดคุยของอาจารย์ลอยไปเข้าหูของเหล่าผู้ชม

ผู้คนมองหน้ากันไปมา พูดอะไรไม่ถูก

“พวกอาจารย์พูดว่าฉินหร่านไปถึง…ระดับเจ็ดแล้วงั้นเหรอ”

“ดูเหมือนจะใช่…”

พวกเขาเดาว่าฉินหร่านจากระดับห้าขึ้นไประดับหกนั้นยากมาก แต่คิดไม่ถึงว่าฉินหร่านจะถึงกับก้าวข้ามสองระดับขึ้นไปถึงระดับเจ็ด

นักเรียนใหม่เพิ่งเข้าสมาคมไม่ถึงหนึ่งปีขึ้นมาได้ถึงระดับเจ็ดเนี่ยนะ

ในประวัติศาสตร์สมาคมเคยมีปรากฏรึเปล่า

เดือนที่แล้วฉินอวี่มาถึงระดับหก ก็ทำให้กลุ่มนักเรียนตกตะลึงแล้ว นั่นเพราะคนที่อายุต่ำกว่า 25 ในสมาคมสามารถมาถึงระดับหกได้มีไม่มาก ฉินอวี่นั้นยังเด็กมาก…

ขณะที่เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของฉินหร่าน ดูเหมือนจะไม่สามารถเทียบกันได้

ท้ายที่สุด อาจารย์เว่ยพูดขึ้น “เอาล่ะ มาลงคะแนนกัน”

อาจารย์เว่ยและคุณเอินเก๋อให้คะแนนสูงสุดในรอบถึง 90 คะแนน

เหวินอินไม่พูดอะไร ให้ร้อยคะแนนอย่างไม่ปิดบัง

อาจารย์ท่านอื่นต่างให้ 95 คะแนน ก็เพื่อยังต้องการดูแลความรู้สึกของผู้แสดงคนอื่น

แต่ถึงอย่างไร ฉินหร่านก็ยังเป็นเพียงคนเดียวที่มีคะแนนรวมของทุกคนมากกว่า 90!

เหลือไต้หรานเป็นคนสุดท้าย ที่นั่งนิ่งอยู่กับที่ ไม่พูดอะไรเลยเป็นเวลานาน

เหวินอินอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว การแสดงรอบนี้ของฉินหร่าน นักเรียนที่อยู่ลำดับหลังไม่มีความเห็นอะไร คะแนนอาจแย่กว่าลำดับก่อนหน้า

เพราะการแสดงรอบนี้ของฉินหร่านน่าตกตะลึงเกินไป

นักเรียนส่วนมากจะอยู่ประมาณระดับสี่ ฉินหร่านระดับเจ็ด แบบนี้จะเทียบได้อย่างไร

แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่เหวินอินให้ความสนใจ เขาเพียงเรียกสติไต้หราน “อาจารย์ไต้ ลงคะแนนได้แล้ว”

**

เทียบกันกับไต้หราน คนที่เสียใจมากกว่าคือกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเวที

สีหน้าของแต่ละคนเปลี่ยนไป การแสดงรอบนี้ของฉินหร่าน มีอิทธิพลกับพวกเขาเป็นอย่างมาก คาดเดาได้ว่า ถึงจะนับเป็นระดับเดียวกัน คะแนนของสิบอันดับก่อนหน้าต้องมากกว่าคะแนนของสิบอันดับหลังแน่นอน

พวกเขาแทบจะบ้า ในตอนแรกนักเรียนเก่าให้ฉินหร่านกับฉินอวี่แลกเปลี่ยนแผ่นอันดับกัน ก็เพื่อไม่อยากได้รับผลจากระดับหกของฉินอวี่

ใครจะไปรู้ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กลายเป็นเอาคนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างฉินหร่านมาอยู่ลำดับ 11

คนอื่นๆ หลายคนมีสีหน้ามืดมนเช่นกัน ตอนแรกพวกเขาไม่ได้ขัดขวางนักเรียนเก่าก็เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ตอนนี้กลับต้องมาเสียใจแทบตาย

โดยเฉพาะเถียนอี้อวิ๋น เธออยู่หลังถัดมาจากฉินหร่าน แน่นอนว่าได้รับผลกระทบหนักสุด เจ้าหน้าที่เรียกชื่อของเธอแล้ว

เธอหยิบไวโอลิน ขึ้นเวทีอย่างหนักใจ

ท้ายที่สุดอาจารย์เจ็ดท่านให้คะแนน คะแนนสูงสุดของเธอเพียงแค่ 75 คะแนน ถ้าตามสถานการณ์ปกติแล้ว เธอจะได้คะแนน 80 อย่างน้อยที่สุดสามคน!

คนอื่นก็ไม่ได้ดีไปกว่าเถียนอี้อวิ๋นนัก

ผู้เล่นอันดับหลังอีกจำนวนหนึ่งไม่มีใครได้ถึง 90 คะแนน อยากได้ 90 คะแนนเหรอ

แทบทุกคนได้เจ็ดถึงแปดสิบคะแนน

ฉินหร่านได้เพียง 95 คะแนนเอง คุณเก่งแค่ไหนล่ะถึงจะได้ 90 คะแนน คุณใช่ระดับเจ็ดรึเปล่า หรือว่าคุณอยู่ระดับหกกัน?

สำหรับฉินอวี่นักแสดงระดับหกเพียงคนเดียวที่แสดงเป็นลำดับสุดท้ายของรอบนี้…

เดิมทีถ้าเธอได้เป็นที่ 1 ก็จะเป็นคนแรกที่มาถึงคะแนน 90 ของรุ่นทั้งหมด

แต่เพราะมีฉินหร่านนำอยู่…

คุณเอินเก๋อให้เพียง 80 คะแนน อาจารย์เว่ยก็ให้ 80 คะแนน ส่วนคนอื่นๆ บางคนให้ 90 บางคนให้ 89

ท้ายที่สุด ฉินอวี่ได้คะแนนเกือบเท่ากันกับวังจือเฟิง เห็นได้ชัดว่า…

ทั้งสองคนอยู่รั้งท้ายไปหนึ่งระดับ

ฉินหร่านไม่รู้คะแนนที่ฉินอวี่ได้รับในตอนท้าย เพราะหลังจากเธอแสดงเสร็จ ก็มายังมหาวิทยาลัยเมืองหลวง

เดินตามหลังเฉิงเจวี้ยนอย่างเชื่องช้า

ปลายเดือนแปด นักเรียนใหม่จะเปิดเทอมแล้ว