บทที่ 280 โฮบาม่ายังต้องการฆ่าเย่เทียนเฉิน

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

อลิซ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M ไม่เพียงแต่จะมีฝีมือแข็งแกร่ง แต่ยังมีหน้าตาสวยประดุจนางฟ้าอีกด้วย และเป็นเพราะเธอมีสายตาเฉียบแหลมมาก จึงดูเหมือนว่าที่มาของข่าวกรองทั้งหมดของรัฐบาลประเทศ M จะออกมาจากหน่วยข่าวกรองของพวกเธอ

ไม่กล่าวไม่ได้ว่านี่คือความแข็งแกร่งของหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M พวกเธอรู้กระทั่งว่า ทุกเช้าผู้นำของแต่ละประเทศจะตื่นนอนกี่โมง กินข้าวตอนไหน เข้าห้องน้ำกี่นาที และเพื่อที่จะทำภารกิจให้สำเร็จก็ไม่เสียดายที่จะสูญเสียจิตวิญญาณทั้งหมดเป็นการตอบแทน ต่อให้ต้องใช้เนื้อหนังในการแลกเปลี่ยนก็ไม่ใส่ใจ เพียงแต่จนถึงตอนนี้ อลิซยังไม่เจอใครที่ต้องการใช้ร่างกายที่เต็มไปด้วยความยั่วยวนของตนเข้าแลกเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จเลย

ครั้งนี้โฮบาม่าแห่งประเทศ M โกรธมาก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครทำตัวยโสโอหังในประเทศ M แบบนี้มาก่อน และไม่อาจเป็นพลังของคนเพียงคนเดียวได้ ก่อเรื่องไปทั่วทั้งวอชิงตัน เกือบจะบุกเข้าไปในทำเนียบขาว ยืนต่อหน้าโฮบาม่าต้องการให้เขาเลี้ยงข้าว สำหรับโฮบาม่าแล้วนี่เป็นความอัปยศชั่วชีวิต แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยได้รับความอับอายถึงขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งอย่างเคร่งครัดว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ต้องตรวจสอบเย่เทียนเฉินให้ชัดเจนให้ได้ และต้องกำจัดชายหนุ่มของประเทศจีนคนนี้ให้ได้

และเป็นเพราะความโกรธของโฮบาม่า ทำให้อลิซซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M ต้องมาเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง เธอติดตามมาจนถึงประเทศจีนด้วยข้อมูลที่พวกเขามีอยู่ในมือ สุดท้ายอลิซจึงได้ข้อมูลมาว่าเย่เทียนเฉินอาจจะมาที่มณฑลชวนจึงลอบติดตามมา

เรื่องที่ทำให้โฮบาม่าโกรธจนต้องเขวี้ยงแก้วไปห้าใบและโกรธจนแทบจะระเบิด นั่นก็คือ หลังจากที่หน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ถึงกับพบว่าคนที่ก่อเรื่องที่วอชิงตัน ทำตัวยโสโอหังไปทั่วทั้งเมืองจนวอชิงตันเกิดความวุ่นวาย หากไม่ใช่เพราะโทมัสซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษปรากฏตัวในตอนสุดท้ายและขวางเย่เทียนเฉินเอาไว้ได้ เกรงว่าโฮบาม่าคงจะต้องเลี้ยงข้าวเย่เทียนเฉินแล้ว เย่เทียนเฉินคนนี้ถึงกับเคยเป็นตัวตลกของเมืองหลวงแห่งประเทศจีนมาก่อน ขึ้นชื่อว่าเป็นเศษสวะและลูกหลานไม่เอาไหนของตระกูล ไม่ใช่บุคคลที่ไม่อาจดูแคลน และไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไรในช่วงก่อนหน้านี้ นี่จะทำให้โฮบาม่ากล้ำกลืนฝืนทนได้อย่างไร?

ตัวตลกของเมืองหลวงแห่งประเทศจีนคนหนึ่ง เศษสวะและลูกหลานไม่เอาไหนของประเทศจีนคนหนึ่ง สามารถก่อเรื่องที่วอชิงตันได้ ทำให้โฮบาม่าถูกบีบบังคับจนพ่ายแพ้ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะไม่ถูกผู้คนหัวเราะเยาะจนฟันร่วงหรือ? ไม่รู้ว่าหากบุคคลระดับสูงในประเทศอื่นได้รู้จะหัวเราะจนมีสภาพแบบไหน ความสง่าผ่าเผยของโฮบาม่าจะเอาไปไว้ที่ใด? ชื่อเสียงของประเทศ M จะเอาไปไว้ที่ใด? ดังนั้นเขาจึงสั่งให้คนกำจัดเย่เทียนเฉินให้ได้ เพื่อเป็นการล้างความอับอาย

เย่เทียนเฉินในตอนนี้ยังไม่รู้ถึงตัวอลิซเลย จะอย่างไรที่นี่ก็เป็นทะเลจำลองซือไห่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศจีน มีหญิงชายชาวต่างชาติมากมายที่มาเที่ยวเล่น ยิ่งไปกว่านั้นอลิซก็ซ่อนตัวได้ดีมาก ในตอนที่เดินทางจากประเทศ M มาที่ประเทศจีน โทมัสเคยพูดกับอลิซว่า เย่เทียนเฉินเป็นผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง พลังวิเศษแห่งการรับรู้ยอดเยี่ยมมาก ขอเพียงเผยไอสังหารเล็กน้อย ก็เป็นไปได้มากว่าจะถูกค้นพบ จะต้องระวังให้มาก

จนถึงตอนนี้อลิซยังคงจำได้ ตอนที่เธอจากประเทศ M มา โทมัสเคยบอกว่า “นี่เป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง ถ้าหากไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ ก็ไม่ต้องฝืน มีชีวิตรอดสำคัญกว่า!”

คนที่สามารถทำให้หัวหน้าแห่งหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษแห่งประเทศ M พูดแบบนี้ออกมาได้ เกรงว่าเย่เทียนเฉินเป็นคนแรก ต้องรู้ว่าโทมัสเกือบจะนับได้ว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ M เขาลงมือน้อยครั้งมาก เย่เทียนเฉินเองก็นับถือในฝีมือของโทมัสเช่นเดียวกัน บนโลกนี้เป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับเส้นทางการบ่มเพาะ สามารถมีระดับความแข็งแกร่งเช่นวันนี้ได้ นับว่าไม่เลวแล้ว โทมัสเองก็เป็นผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดที่เย่เทียนเฉินเคยเจอจนถึงปัจจุบันนี้

เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินนอนเอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาด ข้างกายยังมีสาวงามชั้นยอดคนหนึ่งอยู่เป็นเพื่อน อลิซก็หัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหมุนตัวเดินจากไป เธอหาเย่เทียนเฉินพบแล้ว และมั่นใจว่าเย่เทียนเฉินคือคนที่ก่อเรื่องที่วอชิงตันและทำให้โฮบาม่าถูกบีบบังคับจนพ่ายแพ้ ต่อไปก็จะต้องกำจัดเย่เทียนเฉิน อลิซต้องทำเพียงคิดหาวิธีเข้าใกล้เย่เทียนเฉินเพื่อกำจัดทิ้งให้ได้

อย่างไรก็ตามเหมือนกับที่โทมัสบอก เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมาก เป็นผู้มีพลังพิเศษอายุน้อยคนหนึ่งที่มีความสามารถลึกลับไม่อาจคาดเดา หากต้องการกำจัดเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ฝีมือของอลิซเองก็แข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด ดังนั้นเธอจำเป็นต้องคิดหาวิธีเข้าใกล้เย่เทียนเฉิน ทำให้เย่เทียนเฉินตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งการป้องกันแล้วฆ่าเขาเสีย

เชื่อว่าหากผู้ชายคนหนึ่งถูกจะฆ่าโดยไม่มีการป้องกันใดๆ วิธีที่เข้าใกล้ได้มากที่สุด ง่ายที่สุด และมีผลมากที่สุดก็คือขึ้นเตียงกับผู้ชายคนนั้น ต่อให้เป็นชายที่แข็งแกร่งมากขนาดไหน ตอนที่พบกับเนื้ออ่อนหอมนุ่มและกำลังบรรเลงเพลงรักอยู่นั้น ก็ต้องลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง และผ่อนคลายลงในที่สุด ตอนนั้นผู้หญิงก็จะสามารถฆ่าเขาได้ง่าย ดังนั้นเพื่อที่จะสามารถฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้ อลิซจึงไม่เสียดายที่จะใช้ร่างกายของตนเป็นเหยื่อล่อให้เย่เทียนเฉินติดกับ เย่เทียนเฉินจะไม่มองร่างเปลือยเปล่าของสาวงามผมทองได้หรือ?

วันนั้นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก เย่เทียนเฉินพูดคุยกับหลีเสี่ยวชิงตลอด มีทิวทัศน์งดงามถึงขนาดนี้ รวมกับมีสาวงามมาอยู่เป็นเพื่อน จะไม่มีความสุขได้อย่างไรล่ะ? ต่อให้ตอนกลางคืนจะต้องมีเหตุการณ์สะเทือนฟ้าสะท้านดิน ต้องต่อสู้จนเลือดสาด เย่เทียนเฉินก็ไม่ใส่ใจ

มีหลายครั้งในตอนที่เย่เทียนเฉินอยู่ในดาวสิ้นโลก และต้องปกป้องภัยอันตรายให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ ในโลกที่คนกินคนแห่งนั้น มีเพียงต้องแข็งแกร่งให้มากพอถึงจะสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ ทุกวันต่างมีการต่อสู้สะท้านฟ้า จนกระทั่งถึงตอนที่ฟ้าถล่มดินทลาย เย่เทียนเฉินต่างก็สามารถหาสถานที่อันเงียบสงบแห่งหนึ่งเผื่อนอนหลับ ผ่อนคลายจิตใจและร่างกาย รับรู้ถึงเส้นทางแห่งธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ภายใต้สถานการณ์ที่ทำให้จิตใจสงบที่สุดเช่นนี้ ทำให้ขอบเขตพลังของเย่เทียนเฉินพัฒนาไปถึงระดับสูงที่สุด และเผชิญหน้ากับการต่อสู้เป็นตายที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้

การกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนในครั้งนี้เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ลำพองใจ เขามีความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ไม่ถือดีโดยเด็ดขาด ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนสามารถกลายเป็นตระกูลแห่งโลกเบื้องหลังที่หาได้ยากในประเทศจีน จะต้องมีส่วนที่เหนือกว่าคนอื่นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแนวโน้มว่าจะปรากฏตัวสู่โลกเบื้องหน้าอีกครั้ง จึงอธิบายได้ว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีความมั่นใจในตัวเองว่าประเทศจะไม่กล้าแตะต้องพวกเขาง่ายๆ อีก ความสามารถจะต้องพัฒนาขึ้นมากอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักรบชั้นยอดของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนคนนั้น ซึ่งเย่เทียนเฉินเห็นเป็นศัตรูตัวฉกาจในการกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนครั้งนี้แล้ว เขากับคนคนนี้จะต้องสู้กันถึงขั้นเป็นตายแน่นอน

จนกระทั่งถึงตอนกลางคืนเวลาประมาณเที่ยงคืน เหล่านักท่องเที่ยวต่างก็พากันจากไปหมดแล้ว หรือบางทีอาจจะพักผ่อนอยู่ในโรงแรมใกล้ๆ คิดจะเที่ยวเล่นสักหลายวัน กระทั่งพนักงานก็แยกย้ายกันไปหมด ในเวลานี้เอง เย่เทียนเฉินจ่ายเงินเช่าเก้าอี้ชายหาดตัวนี้มา ไม่ให้พนักงานเก็บกลับไป และยังต้องการแชมเปญขวดหนึ่งและซิก้ามวนหนึ่งด้วย

“ฉันควรจะไปเตรียมตัวซักหน่อยหรือเปล่า?” หลีเสี่ยวชิงมองเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้มแล้วถามขึ้น

“อืม อย่างน้อยพวกเรายังต้องการสปีดโบ๊ทสองลำ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย

หลีเสี่ยวชิงพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร เดินไปยังที่เช่าเรือสปีดโบ๊ท เวลาเที่ยงคืนแล้ว ไม่มีคนออกมาเช่าเรือแน่นอน ดังนั้นหลีเสี่ยวชิงจึงใช้วิชาภาพลวงตาของตนควบคุมคนปล่อยเช่าเรือสปีดโบ๊ทให้ไปหยิบกุญแจเรือออกมา เช่นนี้ก็สามารถไปที่เกาะทะเลทรายที่อยู่ในทะเลซือไห่ได้แล้ว

ไม่นานหลีเสี่ยวชิงก็สวมชุดคล่องแคล่วตัวหนึ่งออกมา ถือกุญแจสปีดโบ๊ทสองอันเดินกลับมาข้างกายเย่เทียนเฉิน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราออกเดินทางได้หรือยัง?”

เย่เทียนเฉินหันไปมองสิบสามจ้าวสวรรค์ที่ยืนรวมตัวกันอยู่ด้านหลังของเขา ส่วนอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสองคนยังไม่กลับมา ดังนั้นจึงพูดว่า “รออีกแป๊บ!”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ ทั้งสองสวมชุดดำน้ำ ถอดชุดดำน้ำโยนลงกับพื้น ดูท่าทางทั้งสองคนจะเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง บอดี้การ์ดบนเกาะทะเลทรายไม่ธรรมดาเลย

“พี่ใหญ่ ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนซ่อนตัวอยู่บนเกาะทะเลทรายจริงๆ การป้องกันแน่นหนามาก!” อู๋เสวี่ยเอยปากพูด

“ทั่วทั้งเกาะทะเลทรายมีแต่คนของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน บนนั้นทุกประมาณร้อยเมตรจะมีบอดี้การ์ดชั้นยอดอยู่คนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นใจกลางของเกาะยังมีประภาคารคุ้มกันอยู่ด้วย ผมกับอู๋เสวี่ยสงสัยว่าจะมีสไนเปอร์อยู่ด้วย หากมีคนกล้าเข้าไปมั่วซั่วจะต้องถูกลอบโจมตีแน่นอน!” หวังเจี๋ยพูดพลางขมวดคิ้ว

“อืม การป้องกันของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนไม่เลวเลย ทุกคนระวังตัวด้วย!” เย่เทียนเฉินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น

“ใช่แล้วพี่ใหญ่ ผมกับหวังเจี๋ยยังเจออะไรอีกอย่างหนึ่งด้วย…” อู๋เสวี่ยคิดถึงความแปลกประหลาดบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดขึ้น

“เจออะไร?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถาม

“ตอนที่ผมกับอู๋เสวี่ยซ่อนตัวอยู่รอบเกาะทะเลทราย จู่ๆ ก็พบว่ามีการผันผวนของพลังพิเศษที่แข็งแกร่งระลอกหนึ่ง คล้ายกับพลังพิเศษแห่งการรับรู้ ขอบเขตกว้างมาก พวกเราเกือบจะถูกค้นพบแล้ว!” หวังเจี๋ยพูดออกมาด้วยความแปลกใจ

ด้วยฝีมือของหวังเจี๋ยและอู๋เสวี่ย สามารถเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูงแล้ว มีพวกเขาสองคนเคลื่อนไหวด้วยตัวเองคงจะไม่สามารถถูกพบได้ ส่วนเรื่องการผันผวนของพลังพิเศษที่แข็งแกร่งจนเกือบจะพบอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยนั้น ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างจริงๆ เห็นได้ว่าคนของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่นั่งบัญชาการอยู่บนเกาะทะเลทรายแข็งแกร่งมากเพียงใด ถ้าหากเดาไม่ผิดคงจะเป็นขุนพลเอกของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนคนนั้น

“สิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับพวกแกทุกคนก็คือ หลังจากไปถึงเกาะทะเลทรายแล้ว ฉันจะกางพลังเขตแดนปิดกั้น จะไม่ให้ภาพและเสียงใดๆ ถูกคนนอกค้นพบได้ สำหรับพวกแกมีความต้องการอย่างเดียวเท่านั้น ฆ่า ทำลายล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยน!” เย่เทียนเฉินมองไปยังสิบสามจ้าวสวรรค์แล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“ครับ(ค่ะ)พี่ใหญ่!” ทุกคนยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตอบรับออกมาพร้อมกัน

เรือสปีดโบ๊ทสองลำบรรจุเย่เทียนเฉินและกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ทุกคน พุ่งทะยานไปสู่เกาะทะเลทรายที่อยู่ห่างออกไปจากทะเลซือไห่ ที่นั่นมีตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่ คืนนี้ถูกกำหนดแล้วว่าจะมีการต่อสู้ละเลงเลือด หากฟ้ายังไม่สว่าง หากยังไม่ถึงที่สิ้นสุด ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ นี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของกลุ่มอำนาจที่เย่เทียนเฉินเป็นผู้นำ

ในตอนที่เขาพาสิบสามจ้าวสวรรค์นั่งเรือสปีดโบ๊ทมุ่งหน้าไปยังเกาะทะเลทรายของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนนั้น ตอนนี้เอง บนภูเขาเล็กๆ หลังตระกูลเซวียนเยวี๋ยน มีชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ทันใดนั้นลืมตาขึ้น ดวงตาทั้งสองลึกล้ำ คล้ายกับจะมองทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ความยากลำบากของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนในที่สุดก็ยังมาถึงจนได้!”

……………